ตอนที่ 12
ตอนที่ 12
“ขอรับ ขอรับ” โค้ชโม่พยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดกับหญิงสาวที่กำลังพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้: “คังไป่หลี่ มานี่เร็วเข้า มีคนมาหาเจ้า ”
หญิงสาวดูลังเลเล็กน้อยขณะมองดูชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆนาง และภายใต้สายตาที่ให้กำลังใจของชายหนุ่ม นางก็ก้าวออกมาทีละก้าว
“คังไป่หลี่รึ…. น้องสาวข้า….นี่เจ้ายังลืมชายคนนั้นไม่ได้อีกรึ ” คังเย่ซานก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ช่างคล้ายกันนัก” นางมองไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินมา และถามด้วยความกังวล “แม่ของเจ้าคือคังชิงหยาใช่หรือไม่”
“ท่านเองก็คือท่านป้าคังเย่ใช่หรือไม่” คังไป่หลี่ก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและถามออกไป
“แม่ของเจ้าได้พูดอะไรเกี่ยวกับข้าหรือไม่ตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ ” คังเย่ซานก็พยักหน้าและรีบถามด้วยความตื่นเต้น
“แม่ของข้าพูดถึงท่านให้ฟังบ่อยๆก่อนที่จะจากไป ท่านแม่บอกว่าคิดถึงท่านมาก ” คังไป่หลี่พยักหน้าและตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“แม่ของเจ้ากับข้านั้นพึ่งพาอาศัยกันตั้งแต่ยังเด็กตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเราได้เสียชีวิตไป เวลานั้น ข้าได้ทุ่มเทให้กับการฝึกบ่มเพาะและคิดอยากจะเข้านิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นข้าจึงออกจากหมู่บ้านชิงหยางไปอย่างดื้อรั้นและขาดการติดต่อกับนาง “ดวงตาของคังเย่ซานก็ปรากฏอารมณ์เล็กน้อย นางมองไปยังเสื้อผ้าหยาบกร้านที่เด็กหญิงใส่และพูดอย่างหนักแน่น ”ตอนนี้ป้าได้ประสบความสำเร็จในการฝึกบ่มเพาะแล้ว และเป็นถึงผู้อาวุโสหกของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้ เจ้ายินดีจะไปที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์กับข้าหรือไม่ ? "
คังไป่หลี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็มองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลด้วยดวงตาดื้อรั้น
“เจ้ามัวลังเลอะไรอยู่ รีบตอบตกลงเถอะ” โค้ชโม่ที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างกังวล
เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้ยังเด็กนัก และไม่รู้ว่านิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์นั้นหมายถึงอะไร
แต่สำหรับเขานั้น เข้าใจดีเลยว่านี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่ทำให้ผู้คนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ !
นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในตะวันตกไกลแห่งนี้ พวกเขาครอบครองภูเขาและแม่น้ำหลายพันไมล์ที่นี่และเป็นหนึ่งในมหาอำนาจสูงสุดของทวีป A
และสถานะของอีกฝ่ายในนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ก็ดูเหมือนไม่ต่ำต้อยเสียด้วย
“ไม่เป็นไร หลี่เอ๋อ” ใบหน้าของเย่เฉินซีดเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงให้พูดให้กำลังด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว “หลังจากที่เจ้าไปถึงนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แล้ว เจ้าต้องฝึกฝนอย่างหนัก เมื่อถึงเวลา ข้าจะไปพบเจ้าเอง ”
“พี่เย่เฉิน ท่านต้องมาหาข้านะ ” เสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยอารมณ์วิงวอน และน้ำตาก็เริ่มปริ่มออกมา
“ไม่ต้องกังวล ข้ารับปากเจ้า” น้ำเสียงของชายหนุ่มหนักแน่นจนทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะเชื่อ
คังไป่หลี่ก็พยักหน้าอย่างหนัก จากนั้นหันไปหาคังเย่ซาน แล้วพูดว่า "ท่านป้า ข้ายินดีไปกับท่าน "
“ดี” คังเย่ซานยิ้มอย่างพึงพอใจ มองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ แล้วถามด้วยความสนใจ “เจ้าชื่อเย่เฉินใช่หรือไม่?”
“ใช่ขอรับท่านผู้อาวุโส” เย่เฉินพยักหน้าและตอบอย่างกังวล
“โอสถนี้เหมาะสมกับเจ้า ” คังเย่ซานหยิบโอสถขวดเล็กออกมาจากแขนเสื้อและมอบให้เย่เฉิน
ขวดนี้มีโอสถอยู่สามเม็ด พวกมันมีสีใสและดูดีไม่เป็นอย่างมาก
“ผู้อาวุโส นี่หมายความว่างไงหรือ” เย่เฉินถามพร้อมกับขมวดคิ้วแทนที่จะรับไว้
เขารู้สึกรังเกียจการกระทำเช่นนี้เล็กน้อย… นี่หมายความว่าอย่างไร? สมเพชเวทนาข้ารึ?
“อย่าคิดมาก ข้าไม่ได้คิดจะดูถูกเจ้าแต่อย่างใด ข้าแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ” คังเย่ซานพูดเบา ๆ : “หลี่เอ๋อ นั้นกำลังจะออกจากหมู่บ้านเข้าสู่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์
ที่แห่งนั้นคือโลกที่เจ้าไม่อาจจินตนาการได้ พูดตรงๆ เจ้านั้นอยู่คนละโลกกับเรา
ข้าพอดูออกว่านางนั้นแอบชอบเจ้า แต่หากเจ้าคิดจะมาที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เพื่อตามหานางล่ะก็ เจ้าก็สมควรมีตัวช่วยเล็กน้อย
ด้วยโอสถเหล่านี้ที่สามารถชำระล้างไขกระดูกและหลอมร่างกายของเจ้าได้ มันย่อมเป็นของขวัญอันดีสำหรับข้าที่มอบให้เจ้าในฐานะผู้อาวุโส
หากเจ้าประสบความสำเร็จจริงๆในอนาคต และมาที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เพื่อพบนางได้จริง ข้าก็จะไม่คัดค้าน "
เมื่อได้ยินคำพูดของคังเย่ซาน เย่เฉินก็เงียบไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
เขารู้ว่าถึงแม้คำพูดของอีกฝ่ายจะฟังเหมือนดูถูกเขาเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดทำลายความภาคภูมิใจของเขาแต่อย่างใด
หากคิดให้ดี ข้าเองก็สมควรตระหนักให้ได้เช่นกันว่าในอนาคตตัวเองอาจไม่คู่ควรกับหลี่เอ๋อ
ในเวลานี้ เย่เฉินก็ต้องการตะโกนบอกอีกฝ่ายจริงๆว่า "สามสิบปีแม่น้ำยังเปลี่ยนแปลง สามสิบปีภูเขายังเปลี่ยนไป จงอย่าได้คิดรังแกคนยากไร้เด็ดขาด "
แต่สุดท้ายเขาก็เงียบไป และไม่ได้ตะโกนออกมา…. เพราะอะไรน่ะรึ ?
เพราะเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะตะโกนประโยคนี้ออกไปไงเล่า เขาไม่ใช่ตัวเอกของโลกนี้และก็หาได้มีการช่วยเหลือจากอะไรที่โกงๆไม่
เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว และเขาก็เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาๆ ในหมู่บ้านบนภูเขาธรรมดาแห่งนี้
หากเขาฝืนตะโกนประโยคเมื่อครู่ออกไป นอกจากคนอื่นจะไม่ชื่นชมแล้ว พวกเขายังคิดว่าเขาโง่เขลาอีกด้วย
“พี่เย่เฉิน รับไปเถอะ” คังไป่หลี่ที่อยู่ด้านข้างก็พูดเสริม
นางรู้ว่าเย่เฉินนั้นมีร่างกายที่ไม่ดีมาตั้งแต่ยังเด็ก และโอสถเหล่านี้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้
“ข้าตกลง” ในที่สุดเย่เฉินก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มให้กับหญิงสาว และค่อยๆ รับยาไป
คังเย่ซาน ยิ้มด้วยความพึงพอใจ นางไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับชายหนุ่มตรงหน้าอะไรนัก
เหตุผลที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อสร้างความประทับใจให้ของคังไป่หลี่ ไม่ว่ายังไง พวกนางทั้สองก็ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน ดังนั้นจู่ๆต้องมาเผชิญหน้ากันเช่นนี้นางอาจจะไม่คุ้นเคย
สำหรับชายหนุ่มที่ชื่อเย่เฉินนั้น เย่ซานหาได้สนใจ รอกระทั่งคังไป่หลี่ได้ไปถึงนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เสียก่อนเถอะ
เมื่อเจ้าเห็นว่าโลกกว้างใหญ่เพียงใด และได้พบเจอกับเหล่าผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นมากมาย เจ้าจะเข้าใจทันทีว่าทุกสิ่งในโลกที่เจ้าเคยพบเห็นนั้นไร้ความหมาย
…………
คนที่โดดเด่นมักจะอยู่ร่วมกับคนที่ยอดเยี่ยมเสมอ และผู้คนก็มักจะขึ้นไปสู่สถานที่ที่สูงขึ้น และคังเย่ซานก็เชื่อในประโยคที่ว่า "ผู้คนมักเปลี่ยนแปลง" เสมอมา
นางมองไปยังโค้ชโม่ที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็โบกมือขวา และกองโอสถกับตำราก็ปรากฏบนพื้น
“วิชาบ่มเพาะ วิชาต่อสู้ และโอสถเหล่านี้ถือว่าเป็นรางวัลจากข้าที่มอบให้หมู่บ้านชิงหยาง ” คังเย่ซานกล่าวอย่างสงบ
“ขอบคุณขอรับผู้อาวุโส ขอบคุณขอรับ” โค้ชโม่ขอบคุณเขาอย่างตื่นเต้น
เขามองไปยังกองโอสถบนพื้นด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ขั้น 9 ของระดับ 1 แล้ว และอยู่ห่างจากระดับ 2 อีกไม่ไกล
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าโอสถเหล่านี้คืออะไร แต่โค้ชโม่ที่เป็นผู้ฝึกตนแล้วย่อมรู้ดีว่าโอสถเหล่านี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
…………
คังเย่ซานคว้าแขนของคังไป่หลี่และกระโดดขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเสื้อผ้าที่โบกสะบัด
“พี่เย่เฉิน ข้าจะรอท่าน” เสียงตะโกนของหญิงสาวดังก้องไปในอากาศ
เย่เฉินก็รู้สึกว่างเปล่าภายในใจ ราวกับว่าได้ทำสิ่งล้ำค่าสูญหายไป
เขาจ้องมองไปยังหญิงสาวด้วยสีหน้างุนงง และจิตใจของเขาก็ปรากฏภาพรอยยิ้มของเด็กสาวผู้นี้ในอดีตผู้นี้ขึ้น
……………
ฝนเริ่มตกเบาๆ เย่เฉินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่จู่ๆก็มืดครึ้ม และเดินกลับบ้านด้วยความงุนงง
ในบ้านไม้ทรุดโทรมที่มีหยดน้ำรั่วไหลตลอดเวลาที่ฝนตก
เขานั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนในห้อง โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่…..
…………
“ชั่วนิรันดร์…. ข้าคือผู้เดียวที่ดำรงอยู่” จู่ๆ เสียงเก่าแก่ก็ดังขึ้นในหูของเขา
“ใคร นั่นเสียงใครกัน?” เย่เฉินก็ตกใจและมองไปรอบๆห้องอย่างรวดเร็ว