ตอนที่ 14 ไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ
ตอนที่ 14 ไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ
ผู้แข็งแกร่งขอบเขตตำหนักลี้ลับปรากฏตัวขึ้น!
ชาวเมืองวายุไกลต่างตกตะลึง ขอบเขตตำหนักลี้ลับเป็นเพียงตำนานสำหรับพวกเขา!
แม้แต่ในแววตาของเซียวเฉินก็ยังมีประกายแห่งความปรารถนา จากความทรงจำของจักรพรรดิพิษ เขารู้ว่าเหนือขอบเขตทะเลทุกข์คือขอบเขตสะพานชีวา
ขอบเขตตำหนักลี้ลับอยู่เหนือขอบเขตสะพานชีวาทั้งเก้าขั้น!
ตระกูลหวังแห่งเมืองหลวงเป็นเสมือนยักษ์ใหญ่ในแคว้นไพศาล มีอำนาจล้นฟ้า!
เพียงแค่การมาถึงของผ้อาวุโสตระกูลหวังผู้นี้ก็สามารถทำลายล้างเมืองวายุไกลทั้งเมืองได้!
ทว่าเป้าหมายของเซียวเฉินไม่ได้หยุดอยู่แค่ขอบเขตตำหนักลี้ลับ ด้วยพลังสวรรค์อมตะ เขาหมายมุ่งสู่ขอบเขตเหนือหมู่มวล!
การมาถึงของจัวชิงและผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังคล้ายทำให้ผู้คนลืมการโต้เถียงระหว่างตระกูลไป๋และตระกูลโจวก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ สายตาของพวกเขาต่างจับจ้องไปยังผู้คนจากเมืองหลวงเหล่านี้
ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังนั่งลงบนที่นั่งชมการประลองฝั่งตระกูลโจวและพูดคุยอย่างออกรสกับโจวขวางเจาราวกับเป็นเพื่อนสนิท ทำให้ผู้คนในเมืองวายุไกลอิจฉาไม่น้อย
นี่คือบุคคลที่แม้แต่เจ้าเมืองหลิงหยวนถูยังต้องแสดงความเคารพอย่างสูง แต่กลับปฏิบัติต่อตระกูลโจวอย่างสุภาพ
ผู้คนต่างถอนหายใจ ผู้แข็งแกร่งขอบเขตตำหนักลี้ลับมาเยือน อัจฉริยะแห่งสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตปรากฎตัว เจ้าของกายเต๋าโดยกำเนิดแสดงพลัง ในวันนี้ตระกูลโจวโดดเด่นอย่างหาใดเปรียบ
สีหน้าของคนตระกูลไป๋ไม่ค่อยดีนัก หากผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังจะช่วยเหลือตระกูลโจว พวกเขาทั้งหมดมีอันต้องจบเห่!
"งานประลองครั้งนี้เป็นงานสำคัญของเมืองวายุไกลของเรา และที่สำคัญไปกว่านั้นคืออัจฉริยะจากสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตแห่งแคว้นไพศาลมาเยือน มีผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังเป็นพยาน หากผู้ใดที่มีพรสวรรค์โดดเด่น ก็สามารถเลือกเข้าศึกษาที่สำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตแห่งแคว้นไพศาลได้"
หลิงหยวนถูกล่าวด้วยเสียงดังกึกก้อง ทำให้ผู้คนยิ่งใจเต้นแรง สำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตแห่งแคว้นไพศาลคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการต่อสู้ หากเข้าไปศึกษาได้ก็มีโอกาสที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังและทำได้ทุกสิ่ง!
"ผู้ใดที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีและอยู่ในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นสี่ขึ้นไปสามารถเข้าร่วมได้ เอาล่ะ ไม่พูดให้มากความแล้ว ข้าขอประกาศว่างานประลองได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้!"
สิ้นเสียงหลิงหยวนถูแพร่กระจายออกไป ผู้คนนับร้อยก็ปรากฏตัวพร้อมกันรอบลานประลอง หมายจะก้าวขึ้นสนามเพื่อต่อสู้!
"ข้าก่อน!"
ร่างหนึ่งก้าวขึ้นลานประลองเป็นคนแรก ปราณขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นห้าแผ่กระจายออกมา แม้ว่าเกณฑ์ขั้นต่ำคือขั้นสี่ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นสี่นั้นเป็นเพียงขั้นต่ำสุด ไม่อาจเป็นที่จับตามองได้
"เนี่ยอวิ๋น อายุสิบเจ็ด ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นห้า มีความหวังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นสูงก่อนยี่สิบ!" มีคนจำบุคคลที่ขึ้นไปบนลานประลองได้จึงตะโกนออกมา
"ข้าจะสู้กับเจ้า!"
อีกร่างหนึ่งพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือเหมือนกรงเล็บเหยี่ยวพุ่งตะปบลำคอของเนี่ยอวิ๋น!
เนี่ยอวิ๋นเชี่ยวชาญในวิชาการใช้ขา เขาตวัดขาออกไปโจมตีอย่างต่อเนื่องราวกับพายุหมุนโหมกระหน่ำ
คู่ต่อสู้ของเขาใช้กรงเล็บต่อสู้ ทั้งคู่ต่างเชี่ยวชาญในการโจมตี ไร้ซึ่งการป้องกันใด ๆ ปะทะกันหลายสิบครั้งแล้วยังไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้
"เจ้าคิดว่าใครจะชนะ" ไป๋เนี่ยนปิงถามเซียวเฉิน
เซียวเฉินเคยได้ที่หนึ่งในการประลองครั้งใหญ่ เขาน่าจะมองออกหลายอย่าง
"ระดับขอบเขตเดียวกัน วิชาและพลังที่ฝึกฝนก็ไม่ต่างกันมาก ประสบการณ์การต่อสู้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน ตอนนี้ก็ต้องดูว่าใครจะใจเย็นกว่า ไม่แสดงจุดอ่อนออกมา ข้าได้ยินมาว่าเนี่ยอวิ๋นเป็นคนใจร้อน ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนั้นในการต่อสู้หรือไม่" เซียวเฉินกล่าวเสียงเรียบ
ไป๋เนี่ยนปิงพยักหน้าเบา ๆ การต่อสู้มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ได้ ยากที่จะกล่าวได้อย่างชัดเจน
อย่างที่เซียวเฉินพูด หลังต่อสู้กันไปสิบกว่ายก เนี่ยอวิ๋นก็เริ่มใจร้อน อารมณ์ไม่มั่นคง และเคล็ดวิชาการใช้ขาเริ่มพลาดพลั้งไปบ้าง
ความพลาดพลั้งเพียงเล็กน้อยนี้ถูกคู่ต่อสู้จับได้ในทันที ฝ่ามือฟาดลงมา เนี่ยอวิ๋นถูกโจมตีที่ขาข้างหนึ่งจนเลือดไหลอาบ สูญเสียความสามารถในการต่อสู้
"ชี้แนะผู้อื่น เจ้าคาดการณ์ได้แม่นยำนัก แต่ไม่รู้ว่าเจ้ายังมีพลังยุทธ์เหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน" ยามนี้เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นไม่ไกลจากเซียวเฉิน ชายหนุ่มในชุดสีเขียวมองเขาขณะค่อยๆ ก้าวมาหา
"เซียวเฉิน ตอนนี้เจ้ายังสามารถต่อสู้ได้อีกหรือไม่" แม้อีกฝ่ายจะถามแต่ในดวงตากลับมีแววดูแคลน
"ฉือเฉวีย ดูเหมือนความพ่ายแพ้สิ้นท่าเมื่อปีที่แล้วจะยังไม่สาหัสพอสำหรับเจ้า เจ้าถึงยังกล้ามาเยาะเย้ยข้า"
เซียวเฉินไม่ขยับเท้า ไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ "หากต่อสู้กันอีกครั้งในปีนี้ เจ้าจะพ่ายแพ้ให้ข้ายับเยินยิ่งกว่าปีที่แล้ว!"
"คนไร้ค่าอย่างเจ้ากล้าพูดจาโอหังเช่นนี้หรือ" ฉือเฉวียหัวเราะเยาะขณะเดินไปยังลานประลอง
"เจ้ายังไม่แข็งแกร่งคู่ควรจะประลองกับน้องเซียว ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!" ไป๋เนี่ยนซงก้าวออกมาสู้กับฉือเฉวียอย่างดุเดือด
กฎของการประลองไม่ได้จำกัดจำนวนคนจากแต่ละตระกูล แต่หากต้องการครอบครองสิทธิ์ในเหมืองแร่ ก็ต้องได้อันดับสามขึ้นไป หรือแม้แต่ต้องคว้าอันดับหนึ่งไว้ให้ได้
ในที่สุดไป๋เนี่ยนซงก็เอาชนะฉือเฉวียได้
ทางด้านตระกูลเหล่ง ร่างหนึ่งลุกขึ้นและเดินขึ้นไปบนลานประลอง
"เหล่งชัง" ไป๋เนี่ยนซงมองเหล่งชังที่อยู่ระดับขอบเขตเดียวกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"ถึงเวลาที่ตระกูลไป๋ควรถูกลบชื่อออกจากเมืองวายุไกลแล้ว" เหล่งชังยิ้มเล็กน้อย เขาเคลื่อนไหวว่องไว สามก้าวก็เข้ามาใกล้ไป๋เนี่ยนซง ปราณเย็นยะเยือกแผ่กระจายในระยะประชิด ทำให้การเคลื่อนไหวของไป๋เนี่ยนซงช้าลงมากในทันที
สีหน้าของเซียวเฉินเคร่งเครียด เหล่งชังคือคนรุ่นใหม่คนแรกของตระกูลเหล่ง หากไป๋เนี่ยนปิงลงมืออาจพอสูสี ทว่าไป๋เนี่ยนซงนั้นยังด้อยกว่าเล็กน้อย
ไป๋เนี่ยนซงที่เสียเปรียบแต่แรกถูกจู่โจมระหว่างการต่อสู้ หลังผ่านไปสามสิบกระบวนท่า เขาก็พ่ายแพ้ให้กับเหล่งชัง
"เจ้าพูดซ้ำซากว่าเป็นตัวแทนของตระกูลไป๋ แต่ตอนนี้กลับอยู่เฉยอย่างนั้นหรือ" เหล่งชังมองเซียวเฉินราวกับกำลังรอให้เขาขึ้นไปบนลานประลอง
"ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เคยพ่ายแพ้ในอดีต ข้าลงมือไปก็ไม่มีความหมาย" เซียวเฉินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
"กลายเป็นคนไร้ค่าแล้วยังกล้าโอหังเช่นนี้ ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าอดีตอัจฉริยะแห่งเมืองวายุไกลจะถูกเหยียบย่ำลงไปได้ถึงเพียงไหน" เหล่งชังเยาะเย้ย
"พี่เหล่ง ท่านรู้ดีว่าเขาได้กลายเป็นคนไร้ค่าแล้ว เหตุใดจึงต้องมาสนใจเขา คนที่ใช้พิษแบบนี้ต่ำต้อยเกินกว่าจะเข้าร่วมงานประลองของเมืองวายุไกล!" ร่างหนึ่งเดินลงมาจากที่นั่งชมการประลองฝั่งตระกูลโจว ไม่ใช่โจวหลิงเสวี่ย แต่เป็นพี่ชายของนาง โจวหลิงอัน ลูกหลานตระกูลโจวที่เคยถูกเซียวเฉินกดขี่มาโดยตลอด!
"หากเขากล้าลงมือ ข้าจะจัดการกับเขาเอง เพื่อล้างแค้นให้กับพี่ชายข้า!" แววตาของโจวหลิงอันเต็มไปด้วยโทสะ
สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่เซียวเฉิน งานประลองครั้งนี้ดูเหมือนจะมีคนไม่น้อยที่ต้องการกำจัดเซียวเฉิน
"เจ้าคนไร้ค่า ขึ้นมาซะ ข้าอยากเห็นว่าเหตุใดเนี่ยนปิงถึงเลือกเจ้าและละทิ้งข้า!"
ผู้คนต่างประหลาดใจ มีคนท้าประลองกับเซียวเฉินอีกแล้ว และคนผู้นี้ก็คือเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองวายุไกล หลิงจื่อหวน!
ปกติหลิงจื่อหวนไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประลอง แต่เพื่อเข้าสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต หลิงจื่อหวนจึงจำต้องขึ้นมาบนลานประลอง
และคู่ต่อสู้ที่เขาเลือกก็คือเซียวเฉิน!
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดในสายตาของไป๋เนี่ยนปิง เขาในฐานะเจ้าเมืองน้อยถึงสู้คนไร้ค่าไม่ได้!
"เจ้าเมืองน้อยไม่ใช่คนที่เจ้าเคยเอาชนะได้มาก่อน ยามนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องขึ้นไปบนลานประลองแล้วหรือยัง" เหล่งชังกล่าวยุยงด้วยต้องการกระตุ้นให้เซียวเฉินลงมือ
"ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้หมายความว่าจะต่อสู้กับทุกคน เพียงแค่พวกเจ้าทั้งสี่ไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ" เซียวเฉินเอ่ยพลางยกยิ้ม