ตอนที่ 13 กายเต๋าโดยกำเนิดอันทรงพลัง
ตอนที่ 13 กายเต๋าโดยกำเนิดอันทรงพลัง
"สามารถดึงคนบนนั้นลงมาให้ได้ต่างหากถึงสนุกกว่า!"
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉิน หลายคนแสดงสีหน้าไม่สบายใจ คิดจะดึงผู้แข็งแกร่งจากทั้งสามกองกำลังบนที่นั่งชมงานประลองลงมาทั้งหมดเลยหรือ!
"น่าสนุกมากกว่าจริง ๆ" มีคนพูดพร้อมกับหัวเราะ ไม่รู้ว่าคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือคิดว่าเซียวเฉินไร้เดียงสาเกินไป
"อวดดี!" โจวขวางเจาลุกขึ้นยืนด้วยโทสะ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ "คิดว่าพึ่งพาตระกูลไป๋แล้วจะมีคนหนุนหลัง สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจหรือ!"
"ข้าไม่มีความคิดที่จะหาคนหนุนหลัง แต่ผู้นำตระกูลโจวหลังหาเจ้านายได้แล้วก็กล้าจะพูดจาโอหังขึ้นมาก" เซียวเฉินพูดพร้อมส่งยิ้ม
"ตระกูลไป๋ ปล่อยให้คนทรยศคนนี้ทำตามใจชอบที่นี่หรือ" ผู้อาวุโสตระกูลโจวคนหนึ่งตะโกน
"เจ้าดูเหมือนท่านจะลืมไปแล้วว่ายามนี้ตระกูลไป๋และตระกูลโจวมีความสัมพันธ์แบบใด การเปิดฉากสงครามเป็นสิ่งที่พวกท่านเสนอขึ้นมาเอง" ไป๋เนี่ยนปิงตีสีหน้าถากถาง
"ดีมาก หากตระกูลไป๋ไม่แยแส ข้าก็จะจัดการคนทรยศผู้นี้แทน!" ผู้อาวุโสสามของตระกูลโจวก้าวออกมา ดาบทรงพลังพุ่งมาจากแขนเสื้อทะยานเข้าจู่โจมเซียวเฉิน
ชั่วขณะนี้ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลไป๋ที่เข้าร่วมงานก้าวออกมาพร้อมกัน ยืนขวางหน้าเซียวเฉินด้วยท่าทีแน่วแน่!
ดาบของผู้อาวุโสสามของตระกูลโจวหยุดลง เขามองคนทั้งห้าตรงหน้าด้วยสีหน้าถมึงทึง "หลีกไป!"
ผู้อาวุโสทั้งห้าสบตากันก่อนเดินไปด้านหน้าพร้อมกัน
ตูม!
พื้นดินสั่นสะเทือน ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลไป๋ไม่ได้ปลดปล่อยปราณแสดงขอบเขต แต่กลับมีปราณรุนแรงพุ่งไปยังผู้อาวุโสสามของตระกูลโจว ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปราวกับถูกคลื่นซัดถาโถมกลืนกินเขา
"แค่ก ๆ" ผู้อาวุโสสามของตระกูลโจวรีบถอยทัพ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย
ผู้คนแตกตื่น ผู้อาวุโสทั้งห้าปกป้องเซียวเฉิน เขาอยู่ในตระกูลไป๋ในฐานะอะไรกันแน่
ตูม!
จู่ ๆ ปราณแข็งแกร่งก็ปะทุออกมาจากร่างของโจวขวางเจา "ตระกูลไป๋ กล้ากดขี่คนเกินไปแล้ว!"
"ตระกูลโจวให้ผู้อาวุโสออกโรงจัดการกับคนรุ่นหลังของตระกูลไป๋ที่เข้าร่วมงานประลอง วิธีการเช่นนี้ช่างต่ำช้าสิ้นดี! หากเจ้าลงมือ ข้ารับรองได้ว่าวันนี้คนของตระกูลโจวที่ลงสนามประลองจะไม่มีใครได้กลับไป!"
ผู้อาวุโสตระกูลไป๋คนหนึ่งประกาศกร้าว เรียกสายตาของทุกคนให้จ้องมองมา เซียวเฉินเป็นผู้ลงสนามประลองของตระกูลไป๋ในวันนี้อย่างนั้นหรือ
"ตระกูลไป๋ไม่เหลือใครแล้วหรือ ถึงได้ส่งคนที่สูญเสียพลังบำเพ็ญลงสนามประลอง"
"ข้าได้ยินมาว่าเซียวเฉินฝึกวิชาพิษไว้มากมาย บางทีเขาอาจจะต้องการชนะด้วยวิชาพิษ"
"ข้าไม่เชื่อว่าสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตจะเห็นความสำคัญของเศษสวะที่ไม่สามารถฝึกฝนได้"
สำหรับตระกูลใหญ่ทั้งสาม งานประลองครั้งใหญ่ของเมืองวายุไกลเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงเหมืองแร่ แต่สำหรับคนหนุ่มสาวคนอื่น ๆ ในเมืองวายุไกลแล้ว สำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตคือโอกาสที่พวกเขาจะได้ต่อสู้!
“ถึงจะเป็นผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดเช่นนี้ต่อหน้าข้า!”
น้ำเสียงโอหังดังขึ้นในจังหวะนี้ ทุกคนมองตามต้นเสียงไปพบโจวหลิงเสวี่ย เจ้าของกายเต๋าโดยกำเนิดแห่งตระกูลโจว นางลุกออกมาจากที่นั่ง
ร่างสมบูรณ์แบบของนางแทบจะกลืนไปกับวิถีฟ้าดิน โอบล้อมไปด้วยปราณลี้ลับ ราวกับเป็นการมีอยู่ที่เชื่อมกับวิถีฟ้าดิน
ตูม!
ทันทีที่นางลงมือ ปราณแข็งแกร่งปะทุมาจากร่างนาง เสียงร้องคำรามดังก้องในขอบเขตทะเลทุกข์ ฝ่ามือทรงพลังพุ่งจู่โจมผู้อาวุโสตระกูลไป๋ราวกัยจะทำลายทุกสิ่ง
ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ทะยานออกไปเผชิญหน้า ฟาดฝ่ามือโต้กลับ แสงขาวบริสุทธิ์ส่องสว่าง พลังสองฝ่ายเข้าปะทะกันเกิดเป็นเสียงดังอึกทึก
ด้วยการโจมตีนี้ ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ถอยกรูดด้วยความหวาดหวั่น ในขณะที่โจวหลิงเสวี่ยยังคงเสมือนเทพธิดาเดินดิน ไม่แปดเปื้อนเศษฝุ่นแต่อย่างใด
“กายเต๋าโดยกำเนิดทรงพลังและแข็งแกร่งมากจริง ๆ!”
“นางสามารถเอาชนะผู้อาวุโสได้ การประลองในวันนี้จะมีผู้ใดสู้นางได้อีก”
“ไม่แปลกเลยที่นอกจากตระกูลหวังจะสนับสนุนนางให้เข้าสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต ตัวนางยังแข็งแกร่งนัก!”
ท่ามกลางสายตาชื่นชมและอิจฉา โจวหลิงเสวี่ยก้าวขึ้นไปนั่งบนอัศจรรย์ ก้มมองผู้คนเบื้องล่าง
แววตาของนางหยิ่งยโสเสียจนไม่เห็นชาวเมืองวายุไกลในสายตา
คล้ายนางเกิดมาเป็นเช่นนี้ เกิดมาเพื่อเป็นที่สนใจและได้รับความริษยาจากผู้คน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเช่นนี้
"เซียวเฉิน!"
เมื่อเห็นแววชิงชังในดวงตาของเซียวเฉิน โจวหลิงเสวี่ยก็มีความสุขน้อยลงมาก สายตาของนางเย็นชาลง
"การเข้าร่วมตระกูลไป๋ทำให้เจ้าคิดว่ามีสิทธิ์ต่อสู้กับข้าอย่างนั้นหรือ!"
"ตอนนั้นข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าระหว่างเราเป็นไปไม่ได้ แต่เจ้าก็ยังมีความคิดที่จะครอบครองข้า และแม้กระทั่งพยายามที่จะฝ่าฝืนขีดจำกัด แสดงให้เห็นถึงความต่ำช้าของเจ้า"
"เมื่อความจริงปรากฏ เจ้ากลับไม่สำนึกผิด เข่นฆ่าคนในตระกูลโจวของข้า ทำให้ความเมตตาของตระกูลโจวที่เลี้ยงดูเจ้ามาหลายปีสูญเปล่า ทำตัวไม่ต่างสัตว์เดรัจฉาน"
"ยามนี้เจ้ากลับไปพึ่งพาตระกูลไป๋ ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองตระกูล ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน เศษสวะอย่างเจ้าที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้!"
น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ โจวหลิงเสวี่ยประกาศความผิดของเซียวเฉินไม่หยุดปาก ราวกับว่าเซียวเฉินเป็นคนชั่วช้าสามานย์
ไป๋เนี่ยนปิงต้องการแก้ต่างให้เซียวเฉิน แต่เซียวเฉินกลับจับมือนางไว้ จากนั้นจึงยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน ก่อนมองโจวหลิงเสวี่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
"หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะอยู่เงียบ ๆ แทนที่จะวิ่งมาหาข้าแล้วโอ้อวดพลังของกายเต๋าโดยกำเนิดที่เจ้ามี"
"เจ้าคิดว่าการเป็นคนชั่วก่อนแต่กลับกล่าวหาผู้อื่นจะสามารถทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงได้อย่างนั้นหรือ ข้ารู้ความลับของเจ้า โจวหลิงเสวี่ย หากข้าพูดออกไป เจ้าจะยังสามารถแต่งงานเข้าตระกูลหวังแห่งเมืองหลวงได้อีกหรือ"
"ทุกสิ่งของเจ้าล้วนจอมปลอม วันนี้ข้าจะทวงทุกสิ่งที่เป็นของข้าคืนมา!"
น้ำเสียงของเซียวเฉินนุ่มนวลทว่าหนักแน่น
เขาไม่ได้พูดความจริงเรื่องการชิงกระดูกเต๋าโดยตรงเพราะผู้คนอาจจะไม่เชื่อ ในทางกลับกัน สิ่งที่เขาพูดในตอนนี้จะทำให้ผู้คนอยากรู้ว่าความจริงคืออะไร
ผู้คนเริ่มซุบซิบกันตามคาด ไม่มีใครไม่สงสัยว่าความลับใดที่ทำให้โจวหลิงเสวี่ยไม่สามารถแต่งงานเข้าตระกูลหวังได้
"เช่นนั้นก็มาเจอกันในสนามประลอง ไอ้สวะ!" โจวหลิงเสวี่ยไม่ต่อความยาวสาวความยืด นางนั่งลงบนที่นั่ง สายตาของนางยังคงหยิ่งยโสและเย็นชาเช่นเดิม
เซียวเฉินกล้าท้าทาย นางก็จะทำให้เขาไม่มีชีวิตรอดในงานประลองครั้งนี้!
เวลานี้เสียงคำรามก็ดังขึ้นจากท้องฟ้า ผู้คนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นนกกระเรียนขาวตัวหนึ่งบินมาพร้อมกับเงาสองร่างบนหลัง
เงาสองร่างนี้ ร่างหนึ่งเป็นชายหนุ่มรูปงาม อีกหนึ่งเป็นหญิงสาวหุ่นสูงเพรียว ร่างกายที่เย้ายวน
สิ่งเดียวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกฉงนคือทั้งสองดูเหมือนจะตั้งใจรักษาระยะห่าง พวกเขาไม่ได้ยืนด้วยกัน ราวกับว่าต่างก็หวาดระแวงซึ่งกันและกัน
"นกกระเรียนเหินมาพร้อมกับสายลม ทั้งสองนี้คงจะเป็นอัจฉริยะจากสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต" ราวกับเจ้าเมืองหลิงหยวนถูคำนวณเวลาไว้แล้ว เขาโค้งคำนับเงาสองร่างบนหลังนกกระเรียน
"สำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต จัวชิง" ชายหนุ่มรูปงามพยักหน้าให้หลิงหยวนถู แต่สายตาของเขากลับจ้องโจวหลิงเสวี่ย
"ท่านผู้นี้ คงจะเป็นศิษย์น้องหญิงที่จะรับเข้ามาเป็นลูกศิษย์" จัวชิงพูด แววตาของเขาฉายแววเร่าร้อน ครอบครองกายเต๋าโดยกำเนิดและยังมีรูปโฉมงดงามยากหาใครเทียบ ชายหนุ่มคนใดจะไม่ไหวหวั่น
น่าเสียดายที่นางกำลังจะหมั้นหมายกับอัจฉริยะตระกูลหวังแห่งเมืองหลวง เขาจึงไม่สามารถแตะต้องได้
"คารวะศิษย์พี่" โจวหลิงเสวี่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าหยิ่งยโสคลายลงไปบ้าง จัวชิงเป็นอัจฉริยะชื่อดังในเมืองหลวง
หญิงสาวร่างสูงเพรียวไม่ได้พูดอะไร หาที่นั่งแล้วนั่งลงโดยตรง ราวกับไม่สนใจบทสนทนาของจัวชิงและคนอื่น ๆ
"ผู้อาวุโสของตระกูลหวังยังไม่มาหรือ?" จัวชิงมองไปรอบ ๆ เขาได้ยินมาว่าอัจฉริยะที่โดดเด่นผู้นั้นจะส่งคนมาสู่ขอในวันนี้!
"เจ้าหนุ่มสกุลจัว ข้าล่าช้าไปก็เพราะเจ้ามาถึงก่อนข้าหนึ่งก้าว "
เสียงหัวเราะดังก้อง ฟ้าครึ้ม ร่างหนึ่งเหาะเหินเดินอากาศ ส่งพลังปกคลุมไปทั่วสนามประลองชวนให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน!
"สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ นี่คือ... ผู้แข็งแกร่งขอบเขตตำหนักลี้ลับ!"