ตอนที่ 12 ค่ำคืนอันอ่อนโยน
ตอนที่ 12 ค่ำคืนอันอ่อนโยน
ไป๋เนี่ยนปิงกระอักเลือดและล้มหงายหลัง เซียวเฉินรีบอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน
"เนี่ยนปิง!" เซียวเฉินร้องตะโกน เขาไม่คาดคิดเลยว่าไป๋เนี่ยนปิงจะใช้ร่างกายตนเองมาปกป้องเขาจากฝ่ามือนั้น!
ชั่วขณะนั้นเซียวเฉินรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่าน
โจวหลิงเสวี่ยทรยศเขา ชิงกระดูกเต๋าของเขา วางแผนสังหารเขา และทำร้ายซิ่นเอ๋อร์
ถึงกระนั้นในโลกนี้ยังมีคนที่ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อเขา!
ไป๋ชิวเหยียนตกใจเช่นกัน ไป๋เนี่ยนปิงยินดีที่จะรับฝ่ามือของเขาแทนเซียวเฉิน!
"พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!"
ไป๋ชิวเหยียนเห็นเซียวเฉินยังยืนอยู่ที่เดิม มือของเขาก็สะสมพลังรากฐานแก่นแท้อีกครั้ง ในจังหวะตั้งท่าจะโจมตีเซียวเฉิน เหล่าผู้อาวุโสทั้งเจ็ดก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา
"หลีกไป!" ไป๋ชิวเหยียนตะโกนสั่งทั้งเจ็ดคน
"การกระทำของท่านตอนนี้ถือเป็นการทรยศต่อตระกูลไป๋" มีผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ความผิดของท่านนั้นไม่ใช่แค่การถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ แต่ควร... ถูกสังหาร!"
สิ้นคำผู้อาวุโสทั้งเจ็ดก็ลงมือพร้อมกัน พลังรากฐานแก่นแท้มหาศาลก็แผ่กระจายออกไปราวกับสายลมสารทฤดูที่พัดพาใบไม้อย่างรุนแรง
ตูม!
เพียงแค่ครั้งเดียว ไป๋ชิวเหยียนก็ถูกกระแทกกระเด็นออกไปไกล กระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
ไม่ว่าใครในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าก็สามารถเหยียบย่ำไป๋ชิวเหยียนได้ ในขณะนี้พวกเขาร่วมมือกันโจมตี พลังนั้นจะน่ากลัวเพียงใดเล่า!
"อั๊ก!"
ไป๋ชิวเหยียนถูกโจมตีซ้ำ ร่างของเขากลิ้งไปไม่ไกลนัก ราวกับว่ากระดูกทั้งตัวของเขาจะแตกร้าว
คนตระกูลไป๋เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ไม่มีผู้ใดออกมาพูดปกป้องและลงมือเพื่อผู้อาวุโสใหญ่
แม้สถานการณ์ในเมืองวายุไกลในยามนี้จะไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา แต่เหมือนอย่างที่ไป๋เนี่ยนปิงพูดไว้ ตระกูลไป๋ในวันนี้ได้เหนือกว่าในอดีตแล้ว!
ในบรรดาผู้คนในตระกูลไป๋ มีหลายคนก้าวข้ามระดับขอบเขตด้วยความช่วยเหลือของเซียวเฉิน กล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของตระกูลไป๋ได้เหนือขึ้นไปอีกขั้น!
"พวกเจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าคนรุ่นหลังทั้งสองจะสามารถนำพาตระกูลไป๋ไปสู่ความรุ่งเรือง พวกเจ้าคิดผิดแล้ว ผิดมหันต์เสียด้วย กายเต๋าโดยกำเนิดได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว มันคือโชคชะตา มีแต่ต้องจำนนต่อโชคชะตาเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้..."
ไป๋ชิวเหยียนหลับตาลงด้วยเสียงหัวเราะสมเพช ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดล้วนมีส่วนร่วมในความตายของเขา
แต่ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดไม่เสียใจ ไป๋ชิวเหยียนสมควรได้รับสิ่งนี้!
เซียวเฉินเฝ้าอยู่ข้างไป๋เนี่ยนปิงตลอดเวลา รอให้ยาสมานแผลมาส่ง นางมองเขาพลางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยปรากฎเป็นรอยยิ้ม
"อาการบาดเจ็บของเนี่ยนปิงค่อนข้างรุนแรง ผู้อาวุโสใหญ่ลงมือหนักเกินไป!" หลังจัดการกับไป๋ชิวเหยียนแล้ว เหล่าผู้อาวุโสก็เข้ามาตรวจอาการบาดเจ็บของไป๋เนี่ยนปิง
"อาการบาดเจ็บรุนแรงขนาดนี้ เกรงว่าเนี่ยนปิงจะไม่สามารถเข้าร่วมงานประลองครั้งใหญ่ของเมืองวายุไกลได้" ผู้อาวุโสคนหนึ่งกังวล ไป๋เนี่ยนซงนั้นด้อยกว่าน้องสาวของเขา
"อย่ากังวลไปเลย ข้าจะลงแข่งแทนตระกูลไป๋" เซียวเฉินโพล่งขึ้น ทำเอาเหล่าผู้อาวุโสตกใจ เซียวเฉินจะลงแข่งอย่างนั้นหรือ
"ใช้พิษหรือ" เหล่าผู้อาวุโสหลายคนคิดในใจ หากพูดถึงเคล็ดวิชาพิษแล้ว เกรงว่าคนรุ่นใหม่คงไม่มีใครต้านทานเซียวเฉินได้
"ข้าเชื่อใจเขา" น้ำเสียงของไป๋เนี่ยนปิงแผ่วเบา ทว่าท่าทีของนางเด็ดเดี่ยว มีเพียงนางที่รู้ว่าเซียวเฉินมีความสามารถมากกว่าแค่การใช้พิษ
พลังยุทธ์ของเขาอาจจะไม่แพ้กายเต๋าโดยกำเนิดที่กล่าวขานกัน!
ไป๋เนี่ยนปิงพูดเช่นนี้ เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาพบว่าเซียวเฉินไม่ได้เป็นคนพูดจาโอ้อวด
หากเขาลั่นวาจาแล้วก็แสดงว่ามีความมั่นใจในระดับหนึ่ง
เซียวเฉินมองสาวใช้พยุงไป๋เนี่ยนปิงกลับเข้าไปในห้อง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้จากไป กลับนั่งลงที่โต๊ะน้ำชา
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ คนหนึ่งนั่ง อีกคนหนึ่งนอน ทว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจแต่อย่างใด
เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป
คล้ายพวกเขาตกอยู่ในห้วงนิทรา
ค่ำคืนอันอ่อนโยน แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง กระทบลงบนใบหน้าเซียวเฉิน
ไป๋เนี่ยนปิงตื่นขึ้นพอดี นางเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วอดนึกถึงการพบกันในโรงเตี๊ยมวันนั้นไม่ได้ รอยยิ้มมุมปากของนางยิ่งหวานหยดย้อย
นางค่อย ๆ ลุกจากเตียง จับเครื่องเรือนในห้องเพื่อพยุงตัวเดินไปหาเซียวเฉินที่โต๊ะน้ำชาอย่างแผ่วเบา
ถึงกระนั้นบาดแผลบนร่างกายของนางก็สาหัสเกินไป เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกขาอ่อนแรง ล้มลงไปหาเซียวเฉินที่อยู่เบื้องหน้า
อีกฝ่ายตกใจตื่นขึ้น ยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ ประคองไหล่ไป๋เนี่ยนปิงเอาไว้
ระยะห่างของพวกเขาไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด ทั้งสองสบตากัน แววตาดูเหมือนจะหวั่นไหวเล็กน้อย
ราวกับเวลาและพื้นที่หยุดนิ่งไป เห็นเพียงดวงตาของกันและกัน
ชั่ววินาทีต่อมาเซียวเฉินก็ทำลายความแน่นิ่งนี้ ริมฝีปากของเขาจุมพิตลงบนใบหน้างดงามตรงหน้า
"อื้ม"
เหตุผลบอกให้ไป๋เนี่ยนปิงสงวนท่าที จิตใจของนางกลับมัวเมาอยู่ในความอ่อนโยนของเซียวเฉิน...
แสงแดดยามเช้าตรู่ที่ส่องเข้ามาปลุกให้คนทั้งสองตื่น
ไป๋เนี่ยนปิงลืมตาขึ้น นางเห็นเซียวเฉินกำลังมองมาเช่นกัน ความทรงจำในคืนก่อนผุดขึ้นมาในหัวของนาง ดวงหน้าสะสวยของนางก็แดงก่ำขึ้น
"เจ้างามนัก" เซียวเฉินมองใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มแล้วทึ่งในความงาม
"ท่านพูดคำหวานเป็นด้วยหรือ" ไป๋เนี่ยนปิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"อดใจไม่ไหวน่ะ" คำพูดของเซียวเฉินทำให้ไป๋เนี่ยนปิงกระพริบตาปริบ ๆ
เหตุใดก่อนหน้านี้นางไม่ยักรู้ว่าเขาเป็นคนคารมดีเพียงนี้
สองวันต่อมา เซียวเฉินใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่กับไป๋เนี่ยนปิงทุกวัน ส่วนเวลาที่เหลือก็ไปดูแลซิ่นเอ๋อร์และฝึกวิชาอยู่ในเรือน
ผู้คนในตระกูลไป๋พากันฝึกฝนอย่างหนักเช่นกัน ไม่มีใครออกจากจวน
เทียบกับความสงบภายในตระกูลไป๋แล้ว เมืองวายุไกลกลับครึกครื้นกว่ามาก ทุกคนต่างเตรียมตัวสำหรับงานประลอง
แม้แต่ผู้คนในเมืองข้างเคียงยังเดินทางมา พวกเขาได้ยินข่าวว่าสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตจะมาเยือน จึงต้องการแสดงฝีมืออันโดดเด่นในงานประลองเพื่อชนะใจผู้แข็งแกร่งของสำนัก
ด้านตระกูลโจวยิ่งคึกคัก ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนมาร่วมแสดงความยินดี ด้วยต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อสานสัมพันธ์กับตระกูลหวังแห่งเมืองหลวง
แน่นอนว่าหากไม่สามารถทำได้ก็ไม่เป็นไร แต่หากมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของกายเต๋าโดยกำเนิดได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเช่นกัน
กายเต๋าโดยกำเนิดมีศักยภาพไม่รู้จบ ตราบใดที่ไม่ตายก็จะต้องได้เป็นผู้แข็งแกร่งเลื่องชื่อในแคว้นไพศาลอย่างแน่นอน!
ในที่สุดวันงานประลองครั้งใหญ่ของเมืองวายุไกลก็มาถึง
ฟ้าเพิ่งสางบริเวณโดยรอบสนามประลองใจกลางเมืองวายุไกลก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน งานประลองครั้งนี้ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองวายุไกล ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามีผู้แข็งแกร่งจากสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขตมาเยือนอีกด้วย
ผู้แข็งแกร่งของจวนเจ้าเมืองมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่ จัดเตรียมที่นั่งชมงานประลองรอบ ๆ สนาม สิ่งที่ทำให้ผู้คนแปลกใจคือบริเวณที่นั่งชมงานประลองในครั้งนี้แบ่งออกเป็นเพียงสามส่วน!
"ตามกฎในปีที่ผ่านมา จวนเจ้าเมืองและตระกูลใหญ่ทั้งสามจะได้ที่นั่งชมงานประลองที่ดีที่สุดในแต่ละส่วน แต่คราวนี้กลับมีส่วนหนึ่งหายไป!"
"ดูเหมือนว่างานประลองยังไม่ทันเริ่มก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแล้ว"
คนของจวนเจ้าเมืองครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่งไปอย่างไม่ต้องสงสัย จากนั้นก็เป็นตระกูลโจวและตระกูลเหล่ง พวกเขามาด้วยกัน แต่กลับนั่งขนาบข้างพื้นที่ของจวนเจ้าเมือง!
"ไม่มีที่นั่งสำหรับตระกูลไป๋!"
ผู้คนเข้าใจการกระทำของจวนเจ้าเมืองในทันที นี่คือการกีดกันตระกูลไป๋ออกไปไม่ใช่หรือ!
"ได้ยินมาว่าไป๋เนี่ยนปิงปฏิเสธคำขอแต่งงานของจวนเจ้าเมือง จวนเจ้าเมืองกำลังแก้แค้นตระกูลไป๋อยู่หรอกหรือ" ผู้คนคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
โจวขวางเจาเผยรอยยิ้มแฝงความนัยเช่นกัน เขาย่อมรับรู้ได้จวนเจ้าเมืองกำลังใช้หนทางนี้เพื่อดูหมิ่นตระกูลไป๋
ทว่ารอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างในวินาทีถัดมา เมื่อเห็นคนที่เขาไม่อยากพบ!
เซียวเฉิน!
เซียวเฉินเดินเคียงข้างไป๋เนี่ยนปิง เข้ามาในงานพร้อมกับคนตระกูลไป๋
ไป๋เนี่ยนปิงตกใจเมื่อเห็นการจัดที่นั่งชมงานประลอง ผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ตะลึงไปเช่นกัน ไม่มีที่นั่งให้พวกเขาเลยหรือ!
"ดูเหมือนตระกูลไป๋คงต้องยืนอยู่ด้านล่างแล้ว" โจวขวางเจาที่นั่งอยู่บนที่นั่งชมงานประลองเอ่ยกลั้วขำ
"ท่าทางตระกูลไป๋จะไม่มีที่ยืนในเมืองวายุไกลแล้ว" ผู้นำตระกูลเหล่งพูดเย้ยหยัน
"นั่งดูงานประลองอยู่ด้านบนสนุกตรงไหน สามารถดึงคนบนนั้นลงมาให้ได้ต่างหากถึงสนุกกว่า" เซียวเฉินก้าวออกไปข้างหน้าขณะกล่าวเสียงดัง!