ตอนที่ 11 สมรู้ร่วมคิด
ตอนที่ 11 สมรู้ร่วมคิด
เซียวเฉินพลันตระหนักได้ว่าคนที่ลอบสังหารเขาไม่ได้มาจากแค่ตระกูลโจว!
ตูม!
ปราณรุนแรงแผ่ซ่านออกมา เซียวเฉินเหวี่ยงสองหมัดด้วยไอสังหารมาคุ พลังดาบทั้งสองที่พุ่งเข้ามาก็พังทลายลงในทันที ไม่สามารถปิดกั้นเส้นทางของเซียวเฉินได้!
สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน อาจต้องใช้ผู้แข็งแกร่งขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นแปดถึงจะต่อกรกับกำปั้นของเซียวเฉินได้!
นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ผู้ฝึกตนในระดับขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นห้าสามารถมีพลังยุทธ์ที่น่าเกรงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร!
“ลำพังแค่พวกเจ้า คิดว่าจะฆ่าข้าได้หรือ”
เซียวเฉินบีบคอของทั้งสอง พวกเขาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นเป็นอิสระได้
“เราแค่ทำตามคำสั่ง” ใบหน้าของทั้งสองแดงก่ำ หายใจไม่ออก
“ทำตามคำสั่งหรือ แต่หากข้าเป็นคนไร้ค่าจริง ๆ ป่านนี้ข้าคงตายด้วยน้ำมือของพวกเจ้าไปแล้ว”
ดวงตาของเซียวเฉินวาววับด้วยแววมาดร้ายรุนแรง ที่มาของวิชาดาบที่พวกเขาใช้ก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัวของเขา!
แกร็ก!
เสียงกระดูกแตกร้าวดังขึ้น ทั้งสองถูกเขาบีบคอหักก่อนล้มลงกับพื้น
เซียวเฉินไม่ได้ถามว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง กลับโยนศพของพวกเขาออกไปหน้าเรือน
“พี่ชาย!” ซิ่นเอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่ เมื่อเห็นเซียวเฉินเดินเข้ามาจึงตะโกนเรียกด้วยความกลัว
“ไม่ต้องกลัว”
เซียวเฉินลูบหลังของซิ่นเอ๋อร์เบา ๆ ทำให้นางค่อย ๆ สงบลง
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเซียวเฉินก็วาววับด้วยความเย็นชา เขาอยู่กับไป๋เนี่ยนปิงและคนอื่น ๆ มาตลอด ทว่าคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นหลังเขาเพิ่งกลับมาที่เรือน
จังหวะเวลาช่างบังเอิญเหลือเกิน!
“พี่เซียว!”
ไป๋เนี่ยนปิงมีธุระต้องมาหาเซียวเฉิน เมื่อเห็นสี่ศพที่หน้าประตูก็ตกใจจนตัวสั่น
“ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม” ไป๋เนี่ยนปิงมองสำรวจเซียวเฉินหัวจรดเท้าขณะถามด้วยความเป็นห่วง
เซียวเฉินยิ้มบาง “ข้าไม่เป็นไร อยากได้ชีวิตข้าไม่ใช่เรื่องง่าย”
“เป็นฝีมือของผู้อาวุโสใหญ่” ไป๋เนี่ยนปิงถอนหายใจโล่งอกก่อนแววตาจะนิ่งค้างไป นางจำสองศพได้ พวกเขาคือคนสนิทของผู้อาวุโสใหญ่!
สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่าคือคนสนิททั้งสองคนนี้แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่านาง ทว่ากลับตายด้วยน้ำมือของเซียวเฉิน
นั่นหมายความว่าเซียวเฉินแข็งแกร่งพอจะเอาชนะนางได้เช่นกันไม่ใช่หรือ
ชายผู้นี้หลบซ่อนอะไรไว้มากมายขนาดนี้กัน
“อีกสองคนเป็นคนของตระกูลโจว” เซียวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไป๋เนี่ยนปิงรู้ดีว่าเขากำลังพูดถึงใคร
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง ท่านตามข้ามา”
ไป๋เนี่ยนปิงเผยสีหน้าจริงจังและเคร่งขรึมไม่น้อย
“ให้ผู้อาวุโสทุกคนในตระกูลไป๋มารวมตัวกันที่เรือนของผู้อาวุโสใหญ่” เมื่อเดินออกจากเรือนบ้านของเซียวเฉิน ไป๋เนี่ยนปิงก็สั่งบ่าวรับใช้ไปแจ้งผู้อาวุโสทุกคน
ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ผู้อาวุโสทุกคนก็มารวมตัวกันหน้าเรือนของไป๋ชิวเหยียน ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลไป๋ ทุกคนนิ่งเงียบเมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของไป๋เนี่ยนปิง
ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลไป๋ไม่ได้ออกมาต้อนรับ ราวกับว่าเขากำลังปิดประตูบำเพ็ญจริง ๆ
“ผู้อาวุโสทุกคนมาครบแล้ว เยี่ยมมาก แบกพวกเขามา” ไป๋เนี่ยนปิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่นานบ่าวรับใช้ก็ขนศพทั้งสี่ขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าพวกเขา ทำให้ผู้อาวุโสหลายคนถึงกับเปลือกตากระตุก
“สองคนนี้...” มีผู้อาวุโสคนหนึ่งจำคนสนิทของผู้อาวุโสใหญ่ได้ มุมปากกระตุกเล็กน้อยราวกับเข้าใจบางอย่าง
“พวกเขาลอบสังหารพี่เซียวหลังพวกเราต่อกรกับจวนเจ้าเมืองและกำลังผ่อนคลาย”
ไป๋เนี่ยนปิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ทำให้หัวใจของทุกคนเต้นแรงขึ้น ความสงสัยของพวกเขาไม่ผิด!
“พี่เซียวเป็นสหายกับตระกูลไป๋ เป็นผู้มีพระคุณต่อท่านพ่อและผู้อาวุโสทุกคน ส่วนตระกูลโจวนั้นเป็นศัตรูของตระกูลไป๋ ผู้อาวุโสใหญ่สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูเพื่อจัดการผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ เรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร” ไป๋เนี่ยนปิงถาม
“หากเป็นจริงเช่นนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ควรสละตำแหน่งผู้อาวุโส หรืออาจถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋” ผู้อาวุโสที่น่าเคารพนับถือคนหนึ่งเอ่ย “ถึงกระนั้นเราก็ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของผู้อาวุโสใหญ่หรือไม่ ข้าว่าเราควรสืบหาความจริงก่อน”
“ความจริงหรือ” แววตาไป๋เนี่ยนปิงวูบไหว นางไม่ได้ตอบกลับทันทีแต่มองไปที่เซียวเฉิน
“ความจริงควรสืบหา แต่ปัญหาคือจะสืบหาอย่างไร” เซียวเฉินถาม
ผู้อาวุโสทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน เมื่อพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ต้องเป็นคนสั่งให้คนสนิทไปฆ่าเซียวเฉิน เขามีแรงจูงใจและมีความสามารถจะทำได้
ในทางกลับกัน หากต้องการสืบหาความจริงก็ไม่พบเบาะแสใด คนทั้งสองที่อยู่บนพื้นตายไปแล้ว จะสืบหาอย่างไรได้
“หากผู้อาวุโสทุกคนคิดไม่ออกว่าจะสืบหาความจริงอย่างไร ข้าขอเสนอให้กักบริเวณผู้อาวุโสใหญ่ไว้ก่อน ขังเขาไว้ในเรือน ห้ามใครเข้าออก!”
เซียวเฉินจงใจพูดเสียงดังราวกับว่าต้องการให้ทุกคนในเรือนได้ยิน
“อาวุโสใหญ่เป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด เห็นควรทำเช่นนั้น” ไป๋เนี่ยนปิงให้ความร่วมมือกับเซียวเฉิน ประกาศเสียงกึกก้อง
“อวดดี พวกเจ้าผู้น้อยกล้ากักขังข้าหรือ”
เสียงคำรามดังขึ้น ไป๋ชิวเหยียนย่างสามขุมออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จ้องเซียวเฉินและไป๋เนี่ยนปิงเขม็ง
“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านมีคำอธิบายอะไรเกี่ยวกับคนที่ลอบสังหารพี่เซียวหรือไม่เล่าห” ไป๋เนี่ยนปิงถาม
“ข้าไม่มีคำอธิบายใด ๆ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร” ไป๋ชิวเหยียนแค่นเสียงบอก “ข้าขอถามเจ้า ไป๋เนี่ยนปิง หากเจ้าไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี กักขังข้าไว้โดยไม่ฟังเหตุผล เจ้าคิดถึงตระกูลไป๋หรือไอ้คนสกุลเซียวคนนี้กันแน่!”
“พี่เซียวเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋!” ไป๋เนี่ยนปิงกล่าว
“ไร้สาระ เขาเป็นตัวซวยของตระกูลไป๋!” ไป๋ชิวเหยียนตื่นเต้นเล็กน้อย “หากไม่ใช่เพราะเขา ตระกูลไป๋จะไม่ถูกตระกูลโจวและตระกูลเหล่งร่วมมือกันโจมตี ลูกหลานในตระกูลแม้แต่จะออกจากบ้านก็ยังไม่กล้า และเจ้าก็ปฏิเสธการสู่ขอของจวนเจ้าเมืองเพราะเขา ทำให้เราบาดหมางกับจวนเจ้าเมืองอีกด้วย รากฐานร้อยปีของตระกูลไป๋จะพังทลายลงเพราะพวกเจ้า!”
“ระหว่างการปิดประตูบำเพ็ญของผู้อาวุโสใหญ่ เขากลับรู้สถานการณ์โลกภายนอก ข้าเองก็อยากจะถามผู้อาวุโสใหญ่ว่าท่านทำเพื่อรากฐานตระกูลไป๋หรือเพื่ออำนาจของตนเองกันแน่” เซียวเฉินโพล่งถามไป๋ชิวเหยียน
“เหลวไหล ข้าจะไปมีเจตนาเห็นแก่ตัวเช่นนั้นได้อย่างไร” อีกฝ่ายย่อมไม่ยอมรับ
“หากท่านไม่มีเจตนาเห็นแก่ตัว เหตุใดไม่ส่งทายาทโดยชอบธรรมของตนมาฆ่าข้า กลับส่งสองคนนี้มาตาย ต่อไปนี้ใครจะกล้าสละชีวิตเพื่อท่านอีก” เซียวเฉินเอ่ยเสียงแข็ง
“ส่งใครไปแล้วต่างกันตรงไหน อย่ามาพูดจาหาเรื่อง!” ผู้อาวุโสใหญ่เถียงกลับด้วยความโมโห
“เช่นนั้นท่านก็ยอมรับว่าส่งคนไปฆ่าพี่เซียวจริงอย่างนั้นหรือ” ไป๋เนี่ยนปิงชี้ช่องโหว่ของเขา ร่วมมือกับเซียวเฉินเป็นอย่างดี
“ข้า... ข้าเปล่า” ไป๋ชิวเหยียนหน้าเปลี่ยนสี
“กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับอย่างนั้นหรือ” เซียวเฉินปรามาสเย็นชา
ผู้อาวุโสใหญ่คล้ายต้องการโต้เถียง ทว่าหลังสูดหายใจเขาก็พ่นลมก่อนบอก “เจ้ามีแต่จะทำลายตระกูลไป๋!”
“ทำลายตระกูลไป๋? ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านลองมองดูตระกูลไป๋ในวันนี้สิ!”
ไป๋เนี่ยนปิงโบกมือ ผู้อาวุโสเจ็ดคนพลันก้าวออกมา ปราณแข็งแกร่งในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าแผ่ซ่าน!
“เป็นขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าจริง ๆ!” ไป๋ชิวเหยียนเบิกตากว้างขึ้นหลายเท่า เซียวเฉินทำได้จริง ๆ ทำให้ผู้อาวุโสทุกคนก้าวข้ามไปสู่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้า!
และเขาพลาดโอกาสอันล้ำค่านี้ไปเพราะมัวแต่ต่อต้านเซียวเฉิน!
“บิดาของข้าก็จะหายดีในเร็ววัน เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลไป๋ของเราจะมีผู้แข็งแกร่งขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าแปดคน เราจะต้องเกรงใจคนอื่นไปทำไม หากไม่ใช่เพราะเซียวเฉิน วันนี้ตระกูลไป๋ของเราคงกลายเป็นลิ่วล้อตระกูลโจวเหมือนกับตระกูลเหล่งไปแล้ว!” ไป๋เนี่ยนปิงตะโกน
“ตระกูลโจวจะไม่ปล่อยเราไป” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถอนหายใจก่อนพูดกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า “ท่านควรเข้าใจความจริงข้อนี้”
“ข้า...” ไป๋ชิวเยี่ยนก้มหัวลงราวกับกำลังใคร่ครวญถึงความผิดพลาดของตนเอง
ทว่าในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาพลันส่งฝ่ามือกระแทกโจมตีเซียวเฉินอย่างรุนแรง
ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดรีบทะยานออกไป เพียงแต่พวกเขาช้าไปก้าวหนึ่ง
ตูม!
เมื่อพลังฝ่ามือคลายลง ร่างหนึ่งร่วงกระแทกกับพื้น เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเลือด คนผู้นี้ไม่ใช่เซียวเฉิน
“เนี่ยนปิง!”