ตอนที่ 10 ชาหนึ่งถ้วย
ตอนที่ 10 ชาหนึ่งถ้วย
สู่ขอ!
ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายจากจวนเจ้าเมืองได้ก้าวเข้าสู่จวนสกุลไป๋เพื่อสู่ขอ
ไม่ต้องคาดเดาเลยว่าพวกเขามาสู่ขอใคร
หลิงจื่อหวนไม่ได้มา ทว่าเจ้าเมืองหลิงหยวนถูมาด้วยตนเอง พร้อมด้วยผู้แข็งแกร่งขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นสูงหลายคน พวกเขาทำให้ตระกูลไป๋ไม่กล้าละเลย ผู้อาวุโสทุกคนจึงจำต้องเข้าร่วม
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลไป๋ถือเป็นข้อยกเว้น
ตั้งแต่เซียวเฉินช่วยให้ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก้าวข้ามขอบเขต ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่ได้ปรากฏตัวในตระกูลไป๋อีกเลย เขาป่าวประกาศว่าจะปิดประตูบำเพ็ญโดยไม่พึ่งพาคนนอก และจะพยายามก้าวข้ามขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าด้วยตนเอง
เซียวเฉินก็อยู่ในงานด้วย ไป๋เนี่ยนปิงเรียกเขามาโดยเฉพาะ
“ข้าขอคารวะเจ้าเมืองและเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย” ไป๋เนี่ยนปิงสวมชุดกระโปรงยาว ประดับผมอย่างหรูหรา ดูสง่างามเป็นพิเศษ
“ได้ยินมาว่าน้องไป๋ป่วยหนัก กิจในตระกูลไป๋จึงขึ้นอยู่กับหลานสาวคนงาม เจ้าช่างเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ดันคลื่นลูกเก่าให้ล้าหลังอย่างแท้จริง ทำให้ข้ารู้สึกแก่ชราไปเลย” หลิงหยวนถูลูบเคราพลางหัวเราะ
“ท่านเจ้าเมืองยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น” ไป๋เนี่ยนปิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ อย่าเรียกข้าว่าเจ้าเมืองเลย มันดูทางการเกินไป ข้ากับบิดาเจ้าเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เรียกข้าว่า ‘ท่านลุง’ ก็ได้” หลิงหยวนถูดูเหมือนจะตั้งใจสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับไป๋เนี่ยนปิง ท่าทางดูเป็นกันเองมาก
“ท่านลุงหลิง” ไป๋เนี่ยนปิงรู้ดีว่าหลิงหยวนถูมาด้วยเหตุใด แต่นางยังคงเรียกเขาอย่างสุภาพ
“ถูกแล้ว” หลิงหยวนถูพยักหน้าแย้มยิ้ม “ว่าแต่อย่างไรเสียเจ้าก็ยังเป็นหญิงสาว เมื่อถึงวัยออกเรือนก็ควรพิจารณาถึงอนาคตของตน บิดาเจ้าป่วยหนักคงไม่สะดวกนัก ข้าจึงขอมาสู้ขอเจ้าให้ลูกชายข้ากับเจ้าโดยตรงแทน หวังว่าเจ้าจะตอบตกลง”
“ท่านเจ้าเมือง...” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋เนี่ยนปิงก็เปลี่ยนคำเรียกกลับมาทันที ทว่านางยังพูดไม่ทันจบก็ถูกหลิงหยวนถูโบกมือขัดจังหวะ
“ถึงแม้ตระกูลหลิงของข้าจะเทียบไม่ได้กับตระกูลหวังแห่งเมืองหลวง แต่ก็ถือว่ามีอิทธิพลในแคว้นไพศาลอยู่บ้าง เมืองวายุไกลเล็กเกินไป เจ้าสามารถจับมือกับจื่อหวน เดินทางไปบำเพ็ญที่เมืองหลวงด้วยกัน ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ ส่วนตระกูลไป๋ ข้าก็จะจัดการให้เรียบร้อย ไม่ให้ผู้ใดมายุ่งเกี่ยวกับตระกูลไป๋”
หลิงหยวนถูยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เขาเชื่อว่าตราบใดที่ไป๋เนี่ยนปิงไม่โง่ นางรู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไร
ผู้คนในตระกูลไป๋ต่างจับจ้องไป๋เนี่ยนปิง เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในเมืองวายุไกลแล้ว การผูกสัมพันธ์ระหว่างตระกูลไป๋กับจวนเจ้าเมืองด้วยการแต่งงานถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
แม้ตระกูลโจวจะมีตระกูลหวังหนุนหลัง แต่ก็ยังต้องไว้หน้าจวนเจ้าเมือง
“บิดาของข้าป่วยหนัก ข้าไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องความรัก” ไป๋เนี่ยนปิงรู้ว่าคำพูดนี้จะทำให้หลิงหยวนถูไม่พอใจ ทว่านางก็ยังพูดออกมาตรง ๆ
สีหน้าของหลิงหยวนถูถมึงทึงโดยพลัน นี่คือการปฏิเสธหรอกหรือ
“ไม่มีอารมณ์จะคิด หรือว่ามีคนอื่นแล้ว” สายตาของหลิงหยวนถูจ้องไปยังเซียวเฉิน ท่าทีอ่อนโยนก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากล้าเปิดศึกกับตระกูลโจวเพื่อปกป้อง หรือว่าพวกเจ้าหมั้นหมายกันแล้ว?”
“ข้าไม่เข้าใจคำพูดของท่านเจ้าเมือง พี่เซียวกับข้าเป็นแค่เพื่อนกัน” ไป๋เนี่ยนปิงกล่าว
“เพื่อนหรือ เช่นนั้นก็คงเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ต่อกันมาก” หลิงหยวนถูไม่เชื่อคำพูดของนาง สีหน้าเย็นชาเต็มที “นึกไม่ถึงว่าลูกชายข้า เจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองวายุไกล จะสู้คนทรยศของตระกูลโจว ผู้สูญเสียพลังบำเพ็ญไม่ได้!”
“หากท่านท่านเจ้าเมืองพูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าวอีก แต่คำพูดของท่านเจ้าเมืองก็ไม่ผิดนัก พี่เซียวเป็นมังกรในหมู่คน เมืองวายุไกลหาใครมาเปรียบเทียบได้ยาก”
เมื่อไป๋เนี่ยนปิงพูดจบ บรรยากาศในห้องก็ดูเหมือนจะเยือกเย็นลง โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งของจวนเจ้าเมืองที่แผ่ปราณน่าสะพรึงกลัวออกมา
เจ้าเมืองน้อยของพวกเขาไม่สามารถเทียบได้กับไอ้คนไร้ค่าเซียวเฉินอย่างนั้นหรือ
“เซียวเฉินได้รับคำสรรเสริญจากคุณหนูไป๋เช่นนี้ ข้ายังกังขาในใจ ขอพี่เซียวชี้แนะด้วย!”
มีร่างหนุ่มเดินออกมาจากฝั่งจวนเจ้าเมือง สายตาเยาะเย้ยจ้องเซียวเฉิน
“ขออภัย ข้าไม่สนใจ” เซียวเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!” หลิงจื่อเถิงก้าวออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมไอสังหารมาคุ!
ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันในจวนเจ้าเมือง พรสวรรค์ของเขาเป็นรองเพียงหลิงจื่อเหิง!
ไป๋เนี่ยนปิงยกยอเซียวเฉิน เขาจึงต้องเหยียบย่ำไอ้คนไร้ค่าเซียวเฉินให้จมดิน!
ดาบทองลงทัณฑ์เปล่งประกายออกมา ตระกูลหลิงแห่งจวนเจ้าเมืองฝึกเคล็ดวิชาดาบทองลงทัณฑ์ราวกับว่าพวกเขามีหน้าที่ตัดสินโทษผู้อื่น!
พรึ่บ!
เซียวเฉินที่นั่งอยู่ไม่คิดลุกขึ้น แค่สาดน้ำชาออกไป
ภายในเสี้ยววินาที น้ำชาราดไปทั่วตัวหลิงจื่อเถิง ทำให้พลังของเขาสลายไปในทันที
ดาบของเขาลอยอยู่กลางอากาศ เหลือบมองร่างเปียกปอนของตนเองแล้วก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว
“ข้าจะแทงเจ้าให้พรุน!”
ทว่าในขณะนั้นเอง หลิงจื่อเถิงรู้สึกว่าบริเวณที่ถูกน้ำชาสาดใส่เริ่มเป็นสีดำ!
“อ๊าก!” หลิงจื่อเถิงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ราวกับพลังชีวิตของเขากำลังถูกกลืนกินไปทีละน้อย
ทุกคนต่างแตกตื่น เซียวเฉินนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่ต้นจนจบ แค่สาดน้ำชาถ้วยเดียว แต่กลับทำให้อัจฉริยะบุคคลของจวนเจ้าเมืองกลายเป็นเช่นนี้!
“รีบเอายาแก้พิษมา!” ผู้แข็งแกร่งของจวนเจ้าเมืองตะโกน
“พิษเล็กน้อยแค่นี้ จวนเจ้าเมืองไม่มีปัญญาถอนหรือ” เซียวเฉินถามกลับ
“จวนเจ้าเมืองของข้าจะจดจำเรื่องนี้ไว้ กลับ!” หลิงหยวนถูกระฟัดกระเฟียด “พาจื่อเถิงกลับ”
แม้เขาจะเป็นเจ้าเมือง แต่เมื่อเสียเปรียบก็ไม่ยอมลดเกียรติลงมือกับเซียวเฉิน ด้วยกลัวว่าจะถูกผู้อื่นครหา
ทว่าในจังหวะที่หลิงหยวนถูหันหลังกลับ อีกสามร่างก็ก้าวออกมาจากฝ่ายจวนเจ้าเมือง เป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นสูง!
“ท่านเจ้าเมืองใจกว้าง แต่พวกเราผู้ใต้บังคับบัญชาไม่สามารถนิ่งดูดายเมื่อเห็นจวนเจ้าเมืองถูกดูหมิ่นได้!”
“หากต้องการรังแกคนรุ่นหลังก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องอ้างเหตุผลเหล่านี้!” ผู้อาวุโสสามคนของตระกูลไป๋ก้าวออกมา เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งของจวนเจ้าเมืองทันที!
ตูม!
ตอนแรกผู้แข็งแกร่งของจวนเจ้าเมืองยังตะลึงกับความกล้าหาญของตระกูลไป๋ แต่ครั้นการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาก็ประหลาดใจที่พบว่าผู้อาวุโสทั้งสามได้ก้าวข้ามมาสู่ขอบเขตเดียวกับพวกเขาแล้ว ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเขาเลย!
ฟาดฟันกันไปพักใหญ่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งของจวนเจ้าเมืองต้องพ่ายแพ้กลับไป!
เรื่องนี้ทำให้คนในตระกูลไป๋ยิ่งมั่นใจ!
“จวนเจ้าเมืองคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ” ไป๋ชิงหลินกังวลอยู่บ้าง
“จวนเจ้าเมืองย่อมต้องคำนึงถึงผลกระทบ คงไม่ลงมือกับเราโดยตรง เมื่อครู่พวกเขาคงอยากจะสั่งสอนเรา แต่ไม่คิดว่าตระกูลไป๋ของเรามีผู้แข็งแกร่งขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้ามากกว่าหนึ่งคน” ไป๋เนี่ยนซงดูเหมือนจะภูมิฐานขึ้นมาก
“โจวหลิงเสวี่ยปลุกพลังกายเต๋าโดยกำเนิด ฝักฝ่ายในเมืองวายุไกลนี้คงพังทลายลง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปไม่อาจคาดเดา ทำได้แค่พยายามพัฒนาตนเอง” ไป๋เนี่ยนปิงกล่าว
ทุกคนพยักหน้า ความแข็งแกร่งของตนเองนั้นสำคัญที่สุด
เซียวเฉินเพิ่งกลับมาถึงเรือนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทำให้เขาขมวดคิ้ว
สี่ร่างสวมหน้ากากติดตามเขามา ก่อนกระโดดเข้ามาในเรือน!
“ฆ่า!”
ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นเซียวเฉินก็ไม่ลังเลที่จะกระโจนไปหาเซียวเฉิน
พวกเขาต้องการฉวยโอกาสช่วงตระกูลไป๋กำลังวุ่นวายกับจวนเจ้าเมืองในการสังหารเซียวเฉิน!
“ตระกูลโจวหรือจวนเจ้าเมืองเล่า”
สายตาของเซียวเฉินวูบไหว ร่างเหล่านี้เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไว ไม่ต้องการให้เขามีโอกาสใช้พิษ!
ตุ้บ!
เซียวเฉินก้าวเท้าออกไป ปราณของขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นห้าแผ่ซ่านออกมา ทำฝ่ายตรงข้ามหยุดชะงักลง การโจมตีก็เชื่องช้าลงไปเล็กน้อย
“เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ได้สูญเสียพลังบำเพ็ญไป!”
ร่างแรกที่พุ่งเข้ามาโจมตีโดยใช้สองมือตบออกไป พลังรากฐานแก่นแท้ที่แผ่ซ่านออกมารุนแรงมากเสียจนได้ยินเสียงลมกำโชกราวกับปราณจะฉีกขาด
“ฝ่ามือทำลายรากฐาน พวกเจ้าเป็นคนของตระกูลโจว!”
เซียวเฉินเงื้อมือขึ้นแล้วต่อยออกไปเต็มแรง รอบตัวเขาเหมือนมีแสงแห่งการต่อสู้เป็นประหายแผ่ซ่านอยู่ กำปั้นของเขาถูกปกคลุมไปด้วยตัวอักษรทรงพลัง พลังหมัดรุนแรงมาก
โครม!
พลังรากฐานแก่นแท้สลายไปแล้ว กำปั้นของเซียวเฉินพาพลังไร้เทียมทานกระแทกอกของร่างที่สวมหน้ากากนั้นเข้าอย่างจัง ภายในเสี้ยววินาทีกระดูกหน้าอกก็แตกร้าวท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั่ว
อีกสามคนจ้องมองด้วยสายตาแข็งทื่อ ผู้ที่ถูกโจมตีคนแรกมีพลังบำเพ็ญในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเจ็ด แต่กลับพ่ายแพ้ต่อหมัดของเซียวเฉินอย่างนั้นหรือ
“ไม่ได้สูญเสียพลังบำเพ็ญ และยังสามารถต่อสู้ข้ามระดับขอบเขตได้ด้วยหรือ”
พวกเขางุนงงทว่าก็ไม่ได้หยุดมือ หนึ่งในนั้นโบกหอกหมายจะฆ่าเซียวเฉิน หอกที่ดูไร้เทียมทานพุ่งออกมาพร้อมแสงเพลิงแผดเผา แทงทำลายทุกสิ่ง!
“เคล็ดวิชาหอกประจำตระกูลโจว” เซียวเฉินยิ้มเยาะ ยื่นมือออกไปข้างหน้า หอกที่รวดเร็วราวกับสายฟ้ากลับเชื่องช้าในสายตาของเซียวเฉิน ราวกับว่าเขาสามารถคว้ามันได้ทันทีโดยไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย!
แกร็ก!
หัวหอกถูกเซียวเฉินหักออกก่อนโยนออกไปอย่างแม่นยำ แทงเข้าลำคอของคนโจมตีก่อนหน้านี้จนสิ้นลม
คนที่สองตกตะลึงกับเซียวเฉิน ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือของเซียวเฉินก็ฟันลงมาราวกับมีด หั่นเขาเป็นชิ้น ๆ
อีกสองคนสบตากัน แล้วพุ่งจู่โจมเซียวเฉินจากด้านซ้ายและขวา พวกเขาดูเหมือนจะฝึกวิชาดาบแบบเดียวกัน และประสานงานกันดีมาก ต้องการปิดกั้นเส้นทางของเซียวเฉินทั้งสองด้าน
“นี่ไม่ใช่พลังของตระกูลโจว!”
สายตาของเซียวเฉินชะงัก มีฝ่ายอื่นร่วมผสมโรงด้วย!