ตอนที่ 9 การข่มขวัญจากโจวหลิงเสวี่ย
ตอนที่ 9 การข่มขวัญจากโจวหลิงเสวี่ย
“ผู้อาวุโสใหญ่ ช้าก่อน!”
บรรดาผู้อาวุโสก้าวออกมาห้ามผู้อาวุโสใหญ่
คำพูดของเซียวเฉินทำให้ในใจของพวกเขาไม่เสมือนไม้แห้งได้สายฝนชโลม ไม่อาจอดกลั้นอารามตื่นเต้นได้
พวกเขาติดอยู่ในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นแปดมาหลายปี หรืออาจถึงขั้นหลายสิบปีแล้ว พวกเขาวาดฝันที่จะก้าวข้ามขอบเขตนี้
“จริงแท้ เป็นพี่เซียวที่ช่วยให้ข้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเจ็ดไม่ใช่หรือ” ไป๋เนี่ยนปิงกล่าวพร้อมปล่อยพลังลมปราณออกมาเผยให้เห็นระดับพลังบำเพ็ญของนาง
“ข้าจำได้ว่าเมื่อสองเดือนก่อนเนี่ยนปิงเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นหก ในระยะเวลาอันสั้นคงไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเจ็ดได้”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดเสียงดัง ดึงสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เซียวเฉิน
เป็นไปได้หรือที่เซียวเฉินช่วยให้ไป๋เนี่ยนปิงก้าวข้ามขอบเขต
“ไร้สาระ ข้าอยู่ในเมืองวายุไกลที่มีผู้บำเพ็ญหลายแสนคน ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้ามีไม่ถึงสิบคน ชายไร้ค่าผู้นี้ที่ตระกูลโจวต้องการสังหาร ไหนเลยจะสามารถช่วยพวกเจ้าให้ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าได้”
ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลไป๋ก็ติดอยู่ในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นแปดมาหลายปีแล้ว แม้ในใจเขาจะปรารถนาสิ่งนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้ครอบครองอำนาจของตระกูลไป๋
“ท่านไม่เชื่อก็ได้ ตามใจท่าน” เซียวเฉินหันหลังกลับโดยไม่สนใจผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลไป๋อีกต่อไป แต่หันไปมองผู้คนของตระกูลไป๋
“เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย มาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงเซียวเฉินจะไม่สามารถทำสำเร็จเราก็ไม่สูญเสียสิ่งใด แต่หากทำสำเร็จอความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลไป๋ของเราจะก้าวไปอีกขั้น” คำพูดของไป๋เนี่ยนปิงทำให้เหล่าผู้อาวุโสหลายคนคล้อยตาม เชื่อเขาสักครั้งและลองดูนับว่าไม่เสียหาย
“แต่หากต้องการให้ข้าช่วย ท่านต้องตอบตกลงในเงื่อนไขสองข้อของข้า” เซียวเฉินเอ่ยเมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มใจอ่อน
“เจ้ายังมีเงื่อนไขอีกหรือ” ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลไป๋เยาะเย้ย
“ข้อแรก ผู้ที่ต้องการก้าวข้ามขอบเขตต้องได้รับความยินยอมจากข้า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลายคนก็มองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสใหญ่บังคับให้ไป๋เนี่ยนปิงคุกเข่า ทั้งยังต้องการฆ่าเซียวเฉิน หากพูดถึงคนที่เซียวเฉินไม่เต็มใจช่วยมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเขา
“เจ้ายังไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ ยังวางท่าเช่นนี้อยู่อีกหรือ” ผู้อาวุโสใหญ่ฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์เต็มที
“หากต้องการก้าวข้ามขอบเขต เราต้องพึ่งพาเขา คำพูดนี้สมเหตุสมผล” ชายวัยกลางคนก้าวออกมาพลางมองเซียวเฉินและคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอารอง” ไป๋เนี่ยนปิงเรียกขานด้วยความยินดี
เซียวเฉินพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “ข้อสอง ผู้อาวุโสที่ต้องการก้าวข้ามขอบเขตต้องสัญญา ว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ไป๋เนี่ยนปิงจะมีอำนาจควบคุมตระกูลไป๋อย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถขัดขืนเจตจำนงของนางได้”
“ไม่มีทาง”
ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลไป๋คัดค้านทันที จะให้เชื่อฟังคำสั่งของไป๋เนี่ยนปิงหรือ ฝันไปเถิด
แววตาคู่งามของไป๋เนี่ยนปิงแข็งค้างไป เงื่อนไขที่สองของเซียวเฉินคือการปูทางให้นางไม่ใช่หรือ
“ข้าไม่คัดค้าน” ท่านอารองไป๋พูดพร้อมรอยยิ้ม
เหล่าผู้อาวุโสต่างมองหน้ากัน ท่านอารองไป๋มีพลังบำเพ็ญในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเจ็ด หากเขาสามารถก้าวข้ามขอบเขตได้ ก็จะอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาและสามารถดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสได้
“ลองให้เขาลองดูก็ได้”
ทุกคนต่างคิดในใจเช่นนี้ เงื่อนไขที่เซียวเฉินเสนอข้อแรกไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ข้อที่สองนั้นยังไม่ยากจะยอมรับได้
“เหล่าผู้อาวุโสค่อย ๆ ไตร่ตรองดูได้ แต่บางทีข้าอาจเปลี่ยนใจ” เซียวเฉินพูดพร้อมรอยยิ้มแล้วจากไป ทิ้งเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ที่ลังเลใจไว้เบื้องหลัง
“จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้หรือ แล้วการประกาศสงครามของตระกูลโจวจะทำอย่างไร” ผู้อาวุโสใหญ่ถามเสียงดังแต่ไม่มีใครตอบ ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
“ผู้อาวุโสเชื่อใจข้าเพียงนั้นเลยหรือ” เซียวเฉินถามท่านอารองไป๋ด้วยความฉงน
“ข้าเชื่อเนี่ยนปิงต่างหาก” อีกฝ่ายตอบ “ต่อให้ขุนเขาถล่มลงตรงหน้า สีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปร ข้าชัดสงสัยในตัวเจ้าไม่น้อย”
พลังฝ่ามือของท่านอารองไป๋เกือบจะกระแทกศีรษะเซียวเฉิน แต่เขายังคงสงบนิ่งและรักษาท่าทีไว้ได้ หาใช่ความสุขุมเยี่ยงชายหนุ่มทั่วไป
เซียวเฉินยิ้มและไม่ได้พูดมากความ
ตกดึก เสียงร้องคำรามสั่นสะเทือนจวนสกุลไป๋ดังขึ้นยาวนาน เหล่าผู้อาวุโสและทุกคนตกใจและมารวมตัวกันด้านนกเรือนของเซียวเฉิน
“ชิงหลิน เจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นแปดแล้วหรือ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามท่านอารองไป๋
ไป๋ชิงหลินหัวเราะร่า ปราณของเขาแผ่กระจาย ชวนให้บรรดาผู้อาวุโสตะลึงงัน สบตากันและรีบพุ่งตัวออกไปราวกับกลัวจะตกขบวน
“เราต้องขออภัยด้วย น้องเซียวได้โปรดให้อภัย!”
“เหตุการณ์ก่อนหน้าล้วนเป็นการเข้าใจผิด น้องเซียวได้โปรดอย่าถือสา”
“ใช่ เราหูเบาฟังคำคนชั่ว ถึงได้หลงทำให้เนี่ยนปิงลำบาก ได้โปรดยกโทษให้กับความบาดหมางครั้งเก่าด้วย”
ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลไป๋กลับกลายหน้าคล้ำ ไอ้สารเลวพวกนี้พร้อมใจกันขายเขา!
“เงื่อนไขทั้งสองข้อของข้า...”
เซียวเฉินไม่ทันได้พูดจบก็ได้รับคำตอบจากผู้อาวุโส “พวกเรายินดีทำตาม!”
‘ไอ้คนไร้ประโยชน์!’
เห็นท่าทีสอพลอของพวกเขาแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ก็สบถในใจ
“ในเมื่อทุกคนไม่คัดค้าน เราก็มาทำสัญญากัน”
เซียวเฉินเอ่ยเสียงเรียบ นอกจากไป๋เนี่ยนปิงแล้ว เขาไม่ไว้ใจใครในตระกูลไป๋
ไป๋เนี่ยนซงหยิบสัญญาออกมาให้เหล่าผู้อาวุโสลงนาม กัดนิ้วและประทับเลือดลงไป!
ทุกคนไม่รอช้า ผู้ใดไม่ปรารถนาโอกาสจะก้าวข้ามขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าบ้างเล่า
ผู้อาวุโสใหญ่ใจเต้นแรงและจากไปด้วยความโมโห เขารู้ว่าเซียวเฉินไม่มีวันช่วยตนเอง และยังไม่อาจยอมเสียหน้าได้
“ไอ้เด็กเวร สมควรตาย!” ผู้อาวุโสใหญ่มีแววตาโหดเหี้ยม เขาเฝ้ารอโอกาสนี้มานานหลายปี ในที่สุดเมื่อได้โอกาสดีเช่นนี้กลับถูกเซียวเฉินทำลาย!
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผู้อาวุโสใหญ่จากไป ในคืนนี้ตระกูลไป๋แทบปั่นป่วนไปทั้งจวน ยากจะสงบลงได้
ไป๋เนี่ยนปิงจ้องมองสัญญาที่เหล่าผู้อาวุโสลงนามไว้ รู้สึกราวกับฝัน เซียวเฉินไม่เพียงแต่ช่วยให้นางข้ามขอบเขตและช่วยชีวิตบิดาของนางเท่านั้น แต่ยังทำให้นางได้ตำแหน่งในตระกูลไป๋ได้อย่างแท้จริงอีกด้วย
ดูเหมือนว่านางจะติดหนี้เซียวเฉินมากขึ้นทุกที...
ไป๋เนี่ยนซงยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน ภาพต่าง ๆ ผุดขึ้นมาในใจของเขา นึกไม่ถึงว่าความขัดแย้งในโรงเตี๊ยมจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในของตระกูลไป๋
‘น้องสาวข้าตาแหลมกว่าข้าจริง ๆ น่าเสียดายที่เด็กคนนี้ไม่สามารถบำเพ็ญได้ ไม่เช่นนั้นหากได้เป็นน้องเขยคงดีไม่น้อย’ ไป๋เนี่ยนซงคิดในใจ
เนื่องจากเซียวเฉิน สถานการณ์ของเมืองวายุไกลทั้งเมืองจึงเปลี่ยนแปลงไป
สิ่งที่ชัดที่สุดคือสงครามระหว่างตระกูลไป๋และตระกูลโจว ลูกหลานของทั้งสองฝ่ายพบกันเมื่อใดเป็นต้องเกิดความขัดแย้งอย่างแน่นอน ในตอนแรกทั้งสองฝ่ายยังคงสูสีกัน ทว่าตระกูลเหล่งแสดงท่าทีชัดเจนว่าเข้าข้างตระกูลโจว ทำให้ลูกหลานของตระกูลไป๋ถูกกดขี่ทุกหนทุกแห่ง ในที่สุดก็ทำได้เพียงหลบซ่อนตัวอยู่ในตระกูลไป๋
มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าตระกูลเหล่งได้เป็นพันธมิตรกับตระกูลโจว เพื่อร่วมมือกันทำลายตระกูลไป๋ หากตระกูลไป๋ต้องการมีชีวิตรอดก็ต้องมอบตัวเซียวเฉิน
ทว่าสิ่งที่ทำให้ชาวเมืองวายุไกลประหลาดใจคือตระกูลไป๋ยอมเสี่ยงจะย่อยยับ แต่ไม่ยอมมอบตัวเซียวเฉินให้
อีกทั้งพวกเขายังสามัคคีกันมาก คำพูดของพวกเขาก็แทบจะเหมือนกันหมด อ้างว่าเซียวเฉินเป็นแขกของตระกูลไป๋ และไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องเขา!
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนนึกกังขาไม่น้อย เซียวเฉินเป็นเพียงชายไร้ค่าที่สูญเสียพลังบำเพ็ญไปแล้ว เหตุใดตระกูลไป๋จึงต้องปกป้องเขาเต็มกำลัง
“เช่นนั้นก็ให้ตระกูลไป๋และเซียวเฉินตายไปด้วยกัน” โจวขวางเจาปรากฏตัวและประกาศกร้าวกลางเมืองวายุไกล
นายท่านเหล่งยืนอยู่ข้างโจวขวางเจา ราวกับยอมรับความเป็นพันธมิตรระหว่างสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คนมองตำแหน่งที่พวกเขายืน ตระกูลเหล่งคล้ายจะเป็นเพียงบริวารของตระกูลโจว
โจวหลิงเสวี่ยที่หายหน้าไปนานปรากฏตัวขึ้น หลังนางปลุกพลังกายเต๋าแล้ว ราวกับว่านางถูกห่อหุ้มด้วยความลึกลับบางอย่าง ราวกับว่าได้หลอมรวมเข้ากับวิถีแห่งฟ้าดิน!
“ใครกล้าช่วยเซียวเฉินเท่ากับเป็นศัตรูกับข้า” เสียงของโจวหลิงเสวี่ยโหดเหี้ยมและเย็นชา ข่มขวัญคนทั้งเมืองวายุไกล
ตระกูลไป๋ดูท่าจะใกล้สิ้นแล้ว
“จวนเจ้าเมืองมาสู่ขอตระกูลไป๋!”
วันนี้ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายจากจวนเจ้าเมืองได้มาเยือนตระกูลไป๋!