ตอนที่ 8 ตระกูลไป๋ถูกกดดัน
ตอนที่ 8 ตระกูลไป๋ถูกกดดัน
ณ จวนสกุลไป๋ เรือนของไป๋ชิงเฟิง
เซียวเฉินเพิ่งเดินออกมาจากห้องไป๋ชิงเฟิงก็เห็นไป๋เนี่ยนปิงเดินสวนมา
“จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ” เซียวเฉินถามพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่ ถูกข้าไล่ไปแล้ว”
ทันทีที่ไป๋เนี่ยนปิงพูดจบ ใบหน้าของนางก็ปรากฏแววประหลาดใจ “เจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วหรือ”
ดูจากสีหน้าของเซียวเฉินแล้ว คล้ายเขาจะมั่นใจมากว่าตนจะสามารถไล่โจวขวางโม่ไปได้
“ก่อนหน้านี้เจ้าเพิ่งก้าวข้ามขอบเขต ยังไม่น่าจะใช้พลังหมดสิ้น พลังที่เหลืออยู่คงเพียงพอจะจัดการกับโจวขวางโม่ได้ไม่ยาก” เซียวเฉินพูดพร้อมรอยยิ้มบาง
ดวงตาคู่งามของไป๋เนี่ยนปิงฉายแววฉงน “พี่เซียวช่างรอบรู้จริง ๆ ทำเอาข้าอดทึ่งไม่ได้”
“ไม่ต้องยกยอข้าหรอก นายท่านไป๋ดูเหมือนจะมีเรื่องอยากพูดกับเจ้า” เซียวเฉินไม่ได้กล่าวขอบคุณ สิ่งที่เขาทำได้ก็คือพยายามรักษาไป๋ชิงเฟิงให้หายดี
เช่นนี้ความร่วมมือของพวกเขาจะยิ่งแน่นแฟ้นและมั่นคง
“ท่านพ่อฟื้นแล้วหรือ” ไป๋เนี่ยนปิงรีบพุ่งเข้าไปในห้องเพื่อดูว่าไป๋ชิงเฟิงฟื้นตัวดีขึ้นหรือไม่
เซียวเฉินยิ้มแล้วเดินจากไป
“ซิ่นเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่” เมื่อกลับมาที่เรือ เซียวเฉินไปเยี่ยมซิ่นเอ๋อร์ก่อน
“พี่ไป๋ไม่ได้โกหกข้าจริง ๆ ที่นี่มีของอร่อยมากมาย ข้ากินแทบไม่ทันเลย” ซิ่นเอ๋อร์พูดจากใจจริง
“ซิ่นเอ๋อร์มีความสุขก็ดีแล้ว” เซียวเฉินลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ เขาหวังจะทำให้น้องสาวไร้ซึ่งความกังวลและความทุกข์ใด ๆ ไปตลอดชีวิต
“พี่ไป๋ดูใจดีกว่าพี่หลิงเสวี่ยมากเลย นางจะอยู่กับเราได้ตลอดไปไหม” ซิ่นเอ๋อร์ถาม
“เจ้ายังเรียกนางว่าพี่อีกหรือ” เซียวเฉินหมายถึงโจวหลิงเสวี่ย แน่นอน เขาจดจำทุกสิ่งที่หญิงชั่วช้าผู้นี้ทำได้ขึ้นใจ
“ชั่วครู่หนึ่งจึงเปลี่ยนคำพูดไม่ทัน” ซิ่นเอ๋อร์ก้มหัวลงราวกับทำผิด ทำให้เซียวเฉินรู้สึกเจ็บปวด
“ไม่โทษเจ้าหรอก ผิดที่นางโหดร้ายเกินไป อยากได้ชีวิตข้า แล้วยังจะทำลายชีวิตเจ้าอีก” เขานึกถึงตอนที่ซิ่นเอ๋อร์ถูกส่งไปหาจอมมารฉู่ ความเกลียดชังในใจก็ยิ่งทบทวี เขาต้องพยายามเพิ่มพูนพลังบำเพ็ญของตนพื่อต่อกรกับโจวหลิงเสวี่ยและตระกูลโจวทั้งหมด
การประลองครั้งใหญ่ของเมืองวายุไกลกำลังจะมาเยือน เขาจะทำให้โจวหลิงเสวี่ยและบิดาของนางประหลาดใจ
ส่วนที่ซิ่นเอ๋อร์พูดถึงไป๋เนี่ยนปิงนั้น เซียวเฉินไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
หลังอาหารเย็น เซียวเฉินเช็ดปากพลางมองซิ่นเอ๋อร์ที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาเผยรอยยิ้มออกมา ขณะนั้นประตูห้องของเขาก็ถูกผลักเปิดอย่างรุนแรง คนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยโทสะ
“ไป๋เนี่ยนซง เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เซียวเฉินเห็นซิ่นเอ๋อร์ตกใจมากจึงแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ในทันที
“ตามข้าไปพบเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋” สีหน้าของไป๋เนี่ยนซงเกรี้ยวกราดราวกับเซียวเฉินไปทำเรื่องที่น่าโกรธแค้นเสียเต็มประดา
“เรื่องใดกัน” เซียวเฉินถาม
“น้องสาวของข้าถูกเหล่าผู้อาวุโสทั้งตระกูลไป๋ตำหนิเพราะเจ้า มีคนเสนอให้ขับไล่นางออกจากตระกูลไป๋ด้วยซ้ำ” อีกฝ่ายตะโกน
“ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ” เซียวเฉินนึกถึงเรื่องราวในตอนกลางวัน “เพราะโจวขวางโม่หรือ”
ตอนไป๋เนี่ยนปิงเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง นางดูนิ่งเฉย ทว่าในดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความกังวล
“นางเอาชนะเขาได้ เขาจึงไม่ยอมแพ้ ประกาศสงครามกับตระกูลไป๋ในฐานะตัวแทนตระกูลโจว เรื่องนี้น้องสาข้าไม่ได้ปรึกษาเหล่าผู้อาวุโส ท่านพ่อก็นอนป่วยอยู่บนเตียง เหล่าผู้อาวุโสจึงต้องการขับไล่นางและเจ้าออกจากตระกูลไป๋ เพื่อแลกกับการให้อภัยจากตระกูลโจว” ไป๋เนี่ยนซงคว้าคอเสื้อของเซียวเฉินไว้แน่นราวกับอยากจะบดขยี้เขาให้แหลกละเอียด
เซียวเฉินไม่ได้ขัดขืน เขาเองก็มีน้องสาว จึงเข้าใจความรู้สึกของไป๋เนี่ยนซง
“ข้าไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้นางตกที่นั่งลำบากเพียงนี้” เซียวเฉินถอนหายใจ “ข้าจะไปกับเจ้า”
“พี่ชาย” ซิ่นเอ๋อร์ได้ยินชัดเจน นางกลัวพี่ชายจะเป็นอันตรายหากไปพบเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋
“พี่ไม่เป็นไร” เซียวเฉินยิ้มอย่างสบาย ๆ ไป๋เนี่ยนซงที่อยู่ข้าง ๆ กลับยิ้มเยาะ คิดว่าจะสามารถเอาตัวรอดจากเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ได้หรือ
เหล่าผู้อาวุโสในขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นแปดทั้งหลายเหล่านี้ต่างอยากจะกินเซียวเฉินทั้งเป็นเพื่อระงับความโกรธของตระกูลโจว...
ไม่นานนัก เซียวเฉินก็เดินตามไป๋เนี่ยนซงไปยังศาลบรรพชนของตระกูลไป๋
ไป๋เนี่ยนปิงคุกเข่าอยู่หน้าแท่นบูชาบรรพบุรุษของตระกูลไป๋ ข้าง ๆ นางมีชายชราหน้าตาเคร่งขรึมยืนอยู่หลายคน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลไป๋
“ใครให้เจ้ามีอำนาจประกาศสงครามกับตระกูลโจวโดยพลการ ต่อให้ท่านพ่อของเจ้าฟื้นจากล้มป่วยก็ยังไม่มีสิทธิ์เช่นนั้น” ผู้อาวุโสของตระกูลไป๋คนหนึ่งกล่าวด้วยความโมโห
“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านพูดแบบนี้ไม่ได้ ท่านพ่อของข้าในฐานะผู้นำตระกูลจะมีไม่มีสิทธิ์ได้อย่างไร เขาให้เนี่ยนปิงดูแลตระกูลแทน ตระกูลโจวต้องการเปิดศึก แล้วตระกูลไป๋ของเราจะต้องร้องขอความเมตตาหรือ” ไป๋เนี่ยนซงเห็นน้องสาวของตนถูกกลั่นแกล้ง จึงรีบเข้าไปประคองและโต้เถียงแทนนาง
“เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด” ผู้อาวุโสใหญ่สะบัดแขนเสื้อ พลังรากฐานเชี่ยวกรากกระแทกไป๋เนี่ยนซงกระเด็นไกล
“แม้ไป๋เนี่ยนซงผู้นี้จะหุนหันพลันแล่นและโง่เขลา แต่ความห่วงใยต่อน้องสาวก็ไม่ต่างจากข้า” เซียวเฉินยืนอยู่หน้าประตูโถง เห็นฉากนี้แล้วอดซาบซึ้งใจไม่ได้
“ต้องปล่อยให้โจวขวางโม่พาคนจากตระกูลไป๋ของเราไปอย่างนั้นหรือ ข้าทำไม่ได้” เห็นได้ชัดว่าไป๋เนี่ยนปิงไม่ยอมแพ้
“สารเลว พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านำหายนะมาสู่ตระกูลไป๋ของเราอย่างไร ตระกูลหวังในเมืองหลวงมีผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตทะเลทุกข์ พวกเจ้าร่วมมือกับเซียวเฉินโดยพลการ ต่อต้านตระกูลโจว มันรังแต่จะนำหายนะมาให้ตระกูลไป๋” ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลไป๋หน้าซีดเผือด มองทั้งสองด้วยความโกรธ
แม้แต่ในช่วงรุ่งเรืองที่สุดของไป๋ชิงเฟิง พวกเขาก็ยังสู้ตระกูลหวังไม่ได้แม้เศษขน ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ไป๋ชิงเฟิงป่วยอยู่บนเตียง การมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลโจวในเวลานี้ย่อมไม่ฉลาด
“หากไม่มีข้า ตระกูลโจวจะไม่แตะต้องตระกูลไป๋ตลอดไปหรือ” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นราวกับเป็นการตอบคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่
“เซียวเฉิน” เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋เพิ่งสังเกตเห็นว่าเซียวเฉินยืนอยู่ด้วย!
“เจ้ายังกล้าโผล่หัวมาอีก” สายตาเย็นชาของผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลไป๋มองไปที่เซียวเฉิน พลังน่าหวั่นเกรงแผ่ปกคลุมเขาไว้
คนไร้ค่าผู้นี้ทำให้ตระกูลไป๋ประสบหายนะใหญ่หลวง
“เจ้าพาเขามาทำไม” ไป๋เนี่ยนปิงตำหนิไป๋เนี่ยนซงเบา ๆ ทำให้ใบหน้าของเขาเผยท่าทีน้อยใจ
“ข้าคิดว่าทุกคนในตระกูลไป๋ฉลาดเสียอีก แต่ไม่คิดว่าจะมีเพียงไป๋เนี่ยนปิงคนเดียวที่ฉลาด ส่วนคนอื่นนั้นล้วนโง่เขลา” เซียวเฉินเดินไปข้างหน้าผู้อาวุโสใหญ่ด้วยสีหน้าสงบ
“อวดดีนัก ไม่ดูตาม้าตาเรือว่าที่นี่ที่ไหน”
“เจ้ากล้ามาอาละวาดที่ศาลบรรพชนตระกูลไป๋เชียวหรือ!”
“กล้าดูหมิ่นเหล่าผู้อาวุโสในศาลบรรพชนตระกูลไป๋ รนหาที่ตายหรืออย่างไร!”
มีคนหลายคนข้างหลังผู้อาวุโสใหญ่พูดขึ้น ตำหนิเซียวเฉิน ทั้งหมดเป็นคนสนิทของผู้อาวุโสใหญ่
“หากไม่ใช่คนโง่ พวกเจ้ากล้าตอบคำถามของข้าเมื่อครู่หรือไม่ ตระกูลโจวมีตระกูลหวังในเมืองหลวงหนุนหลัง และยังมีโจวหลิงเสวี่ยผู้มีกายเต๋า ในอนาคตตระกูลไป๋จะมีที่ยืนในเมืองวายุไกลหรือ”
เซียวเฉินเดินไปหาผู้อาวุโสใหญ่แล้วมองเข้าไปในดวงตาของเขา
“อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสในระยะเวลาอันสั้น ตระกูลไป๋ยังมีทางรอด” ผู้อาวุโสใหญ่ถูกสายตาของเซียวเฉินจ้องมองจนหวาดหวั่น ชายไร้ค่าผู้นี้ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวผู้อาวุโสใหญ่อย่างเขาแต่อย่างใด
“ท่านคิดผิดแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ ตระกูลโจวจะไม่รอ ตระกูลไป๋ไม่สามารถนั่งรอความตาย ปล่อยให้ตระกูลโจวกลืนกินได้”
ไป๋เนี่ยนปิงโพล่งขึ้น “การมอบเซียวเฉินให้ตระกูลโจวยิ่งทำให้ตระกูลโจวคิดว่าตระกูลไป๋ของเราอ่อนแอ และยืนยันข่าวลือที่ว่าท่านพ่อข้าป่วยหนัก”
เหล่าผู้อาวุโสต่างเงียบงัน พวกเขารู้ว่าสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง
ถึงกระนั้นใครเล่ากล้าเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากตระกูลโจวและตระกูลหวังในเมืองหลวง
“อย่างน้อยการมอบเซียวเฉินให้ตระกูลโจวก็ทำให้ตระกูลโจวหมดเหตุจะลงมือกับตระกูลไป๋ของเรา” ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลไป๋ยังคงไม่เปลี่ยนท่าที
“เหล่าผู้อาวุโสคิดเช่นนั้นหรือ” เซียวเฉินถาม
ทุกคนต่างเงียบงัน ตระกูลไป๋อ่อนแอและอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเลือกอย่างไรก็ล้วนผิด!
“ฆ่าเจ้าได้ ทุกอย่างก็จบสิ้น”
พลังรากฐานน่าสะพรึงรวมตัวกันอยู่ในฝ่ามือของผู้อาวุโสใหญ่ ในจังหวะที่พลังนั้นจะพุ่งออกไป เซียวเฉินก็เอ่ยเสียงเย็นชาออกมาจากปากของเขา
“หากข้าสามารถทำให้ท่านผู้อาวุโสทั้งหลายก้าวเข้าสู่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าได้เล่า”
“อะไรนะ”
ผู้อาวุโสใหญ่ชะงักมือหยุดนิ่งกลางอากาศ เหล่าผู้อาวุโสที่เหลือก็ยิ่งตื่นเต้นจนดวงตาเป็นประกาย