ตอนที่แล้วระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 72 จู่โจม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 74 เมื่ออยู่ในสายตาพุทธศาสนายังเหมือนมดปลวกที่ไม่คู่ควร

ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 73 หัตถ์พุทธะร้อยปาง


ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 73 หัตถ์พุทธะร้อยปาง

กองทัพผู้บำเพ็ญเพียรกว่าสามล้านคน เดินทางอย่างคับคั่งไปยังทิศทางที่วัดบรรพตขจีตั้งอยู่

ส่วนจำนวนพระภิกษุประมาณสามแสนกว่ารูปของวัดบรรพตขจีในเวลานี้

ล้วนถือกระบองยุทธ์หรือไม้เท้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ยืนขวางกองทัพเหล่านั้นที่มองไม่เห็นที่สิ้นสุดอย่างคับคั่ง

หากถามไม่กลัวหรือ?

ล้อเล่นหรือกระไร? เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพผู้บำเพ็ญเพียรที่ใหญ่โตเช่นนี้ จะไม่กลัวได้อย่างไร??

แต่ถึงจะกลัว จะทำอย่างไร?

สำหรับพระภิกษุเหล่านี้ วัดบรรพตขจีก็คือความศรัทธาของพวกเขา วัดบรรพตขจีคือบ้านที่พึ่งพาเพื่อดำรงชีพ วัดบรรพตขจีคือสิ่งเดียวในจิตใจ

หากวัดบรรพตขจีถูกโค่นล้ม พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร?

"ทุกท่าน”

"วันนี้ พวกเราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมวัดบรรพตขจี"

ทันใดนั้น

พระภิกษุที่มีพรรษาอาวุโสมากที่สุดของวัดบรรพตขจี ที่มีชีวิตอยู่หลายหมื่นปี ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ฐานพลังยุทธ์อยู่ที่ขอบเขตพิสูจน์เต๋า 2 สวรรค์

เวลานี้สวมผ้ากาสาวะ มือซ้ายกำลูกประคำ มือขวาถือไม้เท้าที่เปล่งแสงพุทธคุณเป็นระยะ มีร่างกายค่อม ค่อย ๆ เดินออกมาด้วยร่างที่สั่นเทา

ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจิตใจที่หาญกล้า

"พวกเราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมวัดบรรพตขจี"

"พวกเราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมวัดบรรพตขจี"

"พวกเราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมวัดบรรพตขจี"

ตามหลังพระภิกษุชราปรากฏตัว

พระภิกษุของวัดบรรพตขจีสามแสนกว่ารูป ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ก็ปะทุพลังอำนาจขึ้นอีกครั้ง

แต่มันจะมีประโยชน์หรือ??

สำหรับคำถามนี้

ในใจของพระภิกษุชรารูปนั้น แท้จริงแล้วก็มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว

ในเวลาไม่นาน

ตามคำสั่งของหลัวเหิง ผู้เป็นจ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบัน

กองทัพผู้บำเพ็ญเพียร 30 ล้านคนก็พุ่งเข้าใส่วัดบรรพตขจี

ในพริบตา กลิ่นอายการสังหารก็ลอยขึ้นฟ้า

เสียงของดาบศึกที่หล่อจากเหล็กกล้าและกระบองยุทธ์ที่หล่อจากเหล็กกล้ากระทบกัน ดังไม่หยุด

"ปัง"

เสียงทึบแผ่วของดาบศึกและเนื้อสัมผัสกันก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ในสนามรบ

เมื่อเวลาผ่านไป

เพียงครู่เดียว โลหิตสีแดงฉานก็ย้อมพื้นที่วัดบรรพตขจีให้กลายเป็นสีแดงโลหิต

ศพของพระภิกษุนับไม่ถ้วนล้มลงบนพื้นดิน

ถูกผู้บำเพ็ญเพียรเหยียบย่ำ

กลิ่นคาวเลือดหนักหน่วงค่อย ๆ แผ่กระจายไปรอบ ๆ

เมื่อเลือดและกลิ่นคาวเลือดกระจายไป

ผู้บำเพ็ญเพียรนับไม่ถ้วนก็เริ่มเข่นฆ่าสังหารอย่างคลั่งไคล้

วัดบรรพตขจี

ภายในตำหนักแห่งหนึ่ง

เวลานี้ มีเทียนไขเล่มเดียวกำลังลุกไหม้อยู่ แสงสว่างจึงดูสลัว

"อาจารย์”

"เสียงตะโกนฆ่าดังขึ้นแล้ว คงเป็นกองทัพตระกูลหลัวบุกเข้ามายังวัดบรรพตขจีของเราแล้ว......"

เบื้องหลังพระชรา

พระหนุ่มนามคงเหวิน ขมวดคิ้ว หลังจากลังเลชั่วขณะจึงเอ่ยขึ้น

และพระชราผู้เป็นเจ้าอาวาสของวัดบรรพตขจี ได้ยินคำนี้แล้วก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

จากนั้นก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น จ้องมองพระพุทธรูปงามวิจิตรที่สร้างจากหินเซียนระดับสูงสุดต่อหน้าตนเอง

ราวกับกำลังอ้อนวอนขออะไรบางอย่าง

แต่ก็คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

จนกระทั่งนานมาก

พระชราก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเบาะ เขาเดินมาข้าง ๆ ศิษย์ของตนเอง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็มอบไม้เท้าที่ดูเก่าคร่ำ และลูกประคำในมือให้แก่คงเหวิน

เขาเอ่ยอย่างสิ้นหวังว่า

"ไปเถอะ...”

"ไปที่วัดสมบัติวิญญาณ”

"วัดสมบัติวิญญาณเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนาของมณฑลตงหวง หากอยู่ที่นั่น พวกเขาย่อมปกป้องเจ้าได้

"ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าไม่ควรจะอยู่ที่นี่”

เมื่อพูดจบ

พระชราก็หันกลับอีกครั้ง

กลับไปนั่งบนเบาะอีกหน หลับตา อ่านบทสวดอย่างไม่หยุดหย่อน

ส่วนคงเหวิน ผู้เป็นผูนำของวัดบรรพขจี และเป็นศิษย์ของพระชราก็รู้สึกขมขื่นในจมูก ดวงตาเป็นประกายด้วยความเศร้าโศก

แต่เขาก็รีบเก็บลูกประคำและไม้เท้าของอาจารย์ ผลักประตูตำหนักแล้ววิ่งออกไปนอกวัดบรรพตขจีอย่างบ้าคลั่ง

เพราะในฐานะผู้นำวัดบรรพตขจี คงฮุ่ยก็เข้าใจดีว่า

ตนเองไม่ควรโอ้อวดในเวลานี้

การอยู่ที่นี่ก็มีเพียงทางตาย แต่ถ้าหนีรอดมีชีวิต ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนาวัดสมบัติวิญญาณแห่งมณฑลตงหวงได้ เขาก็ยังมีโอกาสแก้แค้นแทนอาจารย์

ดังนั้น คงเหวินย่อมแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าอะไรสำคัญกว่ากัน

"อสูรร้าย เจ้ากล้าบุกรุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนา วัดบรรพตขจีของข้า ตายเสีย"

ภายในวัดบรรพตขจี

พระภิกษุชราร่างผอม ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยนั้น

เมื่อเห็นภาพต่อหน้าหลาย ๆ ภาพ

ในที่สุดก็ทนไม่ไหว

เขาร้องอย่างแผ่วบาง มือทั้งสองประสานกัน พระพุทธรูปทองคำที่รวมตัวกันด้วยพลังศรัทธาก็ปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหลัง

"[หัตถ์พุทธะร้อยปาง]"

เมื่อสิ้นเสียง

พระภิกษุชรายกมือทั้งสองขึ้นทำท่าทางประหลาดท่าแล้วท่าเล่า

และพระพุทธรูปทองคำยักษ์ที่อยู่เบื้องหลังเขาก็ทำท่าทางตามไปด้วย

ในพริบตา สิ่งที่รู้สึกได้คือ ในสถานที่นั้นพุ่งขึ้นมาพร้อมกับพลังพุทธะที่น่าสะพรึงกลัว และแสงสีทองที่วาบวับบนพระพุทธรูปทองคำยักษ์ก็ค่อย ๆ สว่างไสว

"เป็นวิชา [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] ของท่านผู้อาวุโสคู่เจี๋ย"

"หากท่านผู้อาวุโสคู่เจี๋ยลงมือ บางทีวัดบรรพตขจีของพวกเราอาจยังมีความหวัง"

เมื่อรับรู้ถึงพลังพุทธะอันน่าสะพรึงกลัวนั้นแล้ว

มีพระภิกษุเงยหน้ามองพระพุทธรูปทองคำยักษ์ด้วยความประหลาดใจแล้วพูดขึ้น

"ใช่แล้ว"

"[หัตถ์พุทธะร้อยปาง]นี้ เป็นวิชาลับประจำวัดของวัดบรรพตขจีเรา จัดอยู่ในระดับเซียนขั้นสูงสุด"

"หากวิชา [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] นี้ปรากฏขึ้น"

"บางที วัดบรรพตขจีของเราอาจไม่ถูกตระกูลหลัวทำลายล้างก็เป็นได้"

และเนื่องจากการลงมือของพระภิกษุชราคู่เจี๋ยแห่งวัดบรรพตขจี รวมถึงการปรากฏตัวของวิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุด [หัตถ์พุทธะร้อยปาง]

พระภิกษุกว่าสองแสนรูปที่เหลืออยู่ของวัดบรรพตขจี

ต่างปรากฏแสงแห่งความหวังในดวงตา

อย่างไรก็ตาม......

ความหวังจะมาเยือนจริง ๆ หรือ?

วัดบรรพตขจี จะรอดพ้นจากการโจมตีของตระกูลหลัวได้จริง ๆ หรือ??

ผลลัพธ์นั้นก็ถูกกำหนดไว้แล้ว

เมื่อวิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุด [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] ปรากฏขึ้น

พระภิกษุของวัดบรรพตขจีก็ขุมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่ [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] จะเปล่งออกมาอย่างแท้จริง

ฝ่ายกองทัพตระกูลหลัว

ทันใดนั้น มีผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ เอวคาดกระบี่คม เหยียบย่ำอยู่บนอากาศ ร่างกายปกคลุมไปด้วยขอบเขตพิสูจน์เต๋าระดับสมบูรณ์

เขากำลังยกมือขวาขึ้น

บนมือขวา ทันใดนั้นก็ปะทุเปลวไฟ ครู่หนึ่งต่อมาเปลวไฟก็ก่อร่างเป็นขวานเพลิงยักษ์สีแดงเพลิงขนาดมหึมา

จากนั้นผู้บำเพ็ญเพียรก็ร้องเสียงดังว่า

"เฒ่าหัวโล้น เจ้าอย่าลำพองใจนัก”

"[ขวานเพลิงเบิกฟ้า] ไป"

ผู้บำเพ็ญเพียรใช้พลังเซียนอันน่าสะพรึงกลัวของขอบเขตพิสูจน์เต๋าระดับสมบูรณ์

พลางโบกมือขวา ฟาดฟันไปยังทิศทางที่พระภิกษุชรานั้นอยู่อย่างรุนแรง

"ขอบเขตพิสูจน์เต๋าระดับสมบูรณ์??"

เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายที่เหนือกว่าฐานพลังยุทธ์ของตัวเองนั้น

คู่เจี๋ยก็รู้สึกหน้าชาไปชั่วขณะ

แต่เขาก็ยังคงรักษาท่าทางของตนไว้

วิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุด [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] จึงถูกปล่อยออกไป พลังดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

เพียงแต่.........

ภายใต้ขวานเพลิงยักษ์สีแดงสด ที่มีขนาดใหญ่หลายร้อยเมตร

[หัตถ์พุทธะร้อยปาง] ก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีกในพริบตา

พลังเซียนกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง

ค่อย ๆ สลายหายไปจากโลกนี้

และขวานเพลิงยักษ์สีแดงสดที่ผ่า [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] ก็ยังคงฟาดฟันเข้าใส่วัดบรรพตขจีและทิศทางที่พระภิกษุชราอยู่ต่อไป

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด