ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 73 หัตถ์พุทธะร้อยปาง
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 73 หัตถ์พุทธะร้อยปาง
กองทัพผู้บำเพ็ญเพียรกว่าสามล้านคน เดินทางอย่างคับคั่งไปยังทิศทางที่วัดบรรพตขจีตั้งอยู่
ส่วนจำนวนพระภิกษุประมาณสามแสนกว่ารูปของวัดบรรพตขจีในเวลานี้
ล้วนถือกระบองยุทธ์หรือไม้เท้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ยืนขวางกองทัพเหล่านั้นที่มองไม่เห็นที่สิ้นสุดอย่างคับคั่ง
หากถามไม่กลัวหรือ?
ล้อเล่นหรือกระไร? เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพผู้บำเพ็ญเพียรที่ใหญ่โตเช่นนี้ จะไม่กลัวได้อย่างไร??
แต่ถึงจะกลัว จะทำอย่างไร?
สำหรับพระภิกษุเหล่านี้ วัดบรรพตขจีก็คือความศรัทธาของพวกเขา วัดบรรพตขจีคือบ้านที่พึ่งพาเพื่อดำรงชีพ วัดบรรพตขจีคือสิ่งเดียวในจิตใจ
หากวัดบรรพตขจีถูกโค่นล้ม พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร?
"ทุกท่าน”
"วันนี้ พวกเราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมวัดบรรพตขจี"
ทันใดนั้น
พระภิกษุที่มีพรรษาอาวุโสมากที่สุดของวัดบรรพตขจี ที่มีชีวิตอยู่หลายหมื่นปี ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ฐานพลังยุทธ์อยู่ที่ขอบเขตพิสูจน์เต๋า 2 สวรรค์
เวลานี้สวมผ้ากาสาวะ มือซ้ายกำลูกประคำ มือขวาถือไม้เท้าที่เปล่งแสงพุทธคุณเป็นระยะ มีร่างกายค่อม ค่อย ๆ เดินออกมาด้วยร่างที่สั่นเทา
ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจิตใจที่หาญกล้า
"พวกเราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมวัดบรรพตขจี"
"พวกเราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมวัดบรรพตขจี"
"พวกเราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมวัดบรรพตขจี"
ตามหลังพระภิกษุชราปรากฏตัว
พระภิกษุของวัดบรรพตขจีสามแสนกว่ารูป ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ก็ปะทุพลังอำนาจขึ้นอีกครั้ง
แต่มันจะมีประโยชน์หรือ??
สำหรับคำถามนี้
ในใจของพระภิกษุชรารูปนั้น แท้จริงแล้วก็มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว
ในเวลาไม่นาน
ตามคำสั่งของหลัวเหิง ผู้เป็นจ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบัน
กองทัพผู้บำเพ็ญเพียร 30 ล้านคนก็พุ่งเข้าใส่วัดบรรพตขจี
ในพริบตา กลิ่นอายการสังหารก็ลอยขึ้นฟ้า
เสียงของดาบศึกที่หล่อจากเหล็กกล้าและกระบองยุทธ์ที่หล่อจากเหล็กกล้ากระทบกัน ดังไม่หยุด
"ปัง"
เสียงทึบแผ่วของดาบศึกและเนื้อสัมผัสกันก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ในสนามรบ
เมื่อเวลาผ่านไป
เพียงครู่เดียว โลหิตสีแดงฉานก็ย้อมพื้นที่วัดบรรพตขจีให้กลายเป็นสีแดงโลหิต
ศพของพระภิกษุนับไม่ถ้วนล้มลงบนพื้นดิน
ถูกผู้บำเพ็ญเพียรเหยียบย่ำ
กลิ่นคาวเลือดหนักหน่วงค่อย ๆ แผ่กระจายไปรอบ ๆ
เมื่อเลือดและกลิ่นคาวเลือดกระจายไป
ผู้บำเพ็ญเพียรนับไม่ถ้วนก็เริ่มเข่นฆ่าสังหารอย่างคลั่งไคล้
วัดบรรพตขจี
ภายในตำหนักแห่งหนึ่ง
เวลานี้ มีเทียนไขเล่มเดียวกำลังลุกไหม้อยู่ แสงสว่างจึงดูสลัว
"อาจารย์”
"เสียงตะโกนฆ่าดังขึ้นแล้ว คงเป็นกองทัพตระกูลหลัวบุกเข้ามายังวัดบรรพตขจีของเราแล้ว......"
เบื้องหลังพระชรา
พระหนุ่มนามคงเหวิน ขมวดคิ้ว หลังจากลังเลชั่วขณะจึงเอ่ยขึ้น
และพระชราผู้เป็นเจ้าอาวาสของวัดบรรพตขจี ได้ยินคำนี้แล้วก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
จากนั้นก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น จ้องมองพระพุทธรูปงามวิจิตรที่สร้างจากหินเซียนระดับสูงสุดต่อหน้าตนเอง
ราวกับกำลังอ้อนวอนขออะไรบางอย่าง
แต่ก็คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
จนกระทั่งนานมาก
พระชราก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเบาะ เขาเดินมาข้าง ๆ ศิษย์ของตนเอง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็มอบไม้เท้าที่ดูเก่าคร่ำ และลูกประคำในมือให้แก่คงเหวิน
เขาเอ่ยอย่างสิ้นหวังว่า
"ไปเถอะ...”
"ไปที่วัดสมบัติวิญญาณ”
"วัดสมบัติวิญญาณเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนาของมณฑลตงหวง หากอยู่ที่นั่น พวกเขาย่อมปกป้องเจ้าได้
"ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าไม่ควรจะอยู่ที่นี่”
เมื่อพูดจบ
พระชราก็หันกลับอีกครั้ง
กลับไปนั่งบนเบาะอีกหน หลับตา อ่านบทสวดอย่างไม่หยุดหย่อน
ส่วนคงเหวิน ผู้เป็นผูนำของวัดบรรพขจี และเป็นศิษย์ของพระชราก็รู้สึกขมขื่นในจมูก ดวงตาเป็นประกายด้วยความเศร้าโศก
แต่เขาก็รีบเก็บลูกประคำและไม้เท้าของอาจารย์ ผลักประตูตำหนักแล้ววิ่งออกไปนอกวัดบรรพตขจีอย่างบ้าคลั่ง
เพราะในฐานะผู้นำวัดบรรพตขจี คงฮุ่ยก็เข้าใจดีว่า
ตนเองไม่ควรโอ้อวดในเวลานี้
การอยู่ที่นี่ก็มีเพียงทางตาย แต่ถ้าหนีรอดมีชีวิต ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนาวัดสมบัติวิญญาณแห่งมณฑลตงหวงได้ เขาก็ยังมีโอกาสแก้แค้นแทนอาจารย์
ดังนั้น คงเหวินย่อมแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าอะไรสำคัญกว่ากัน
"อสูรร้าย เจ้ากล้าบุกรุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนา วัดบรรพตขจีของข้า ตายเสีย"
ภายในวัดบรรพตขจี
พระภิกษุชราร่างผอม ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยนั้น
เมื่อเห็นภาพต่อหน้าหลาย ๆ ภาพ
ในที่สุดก็ทนไม่ไหว
เขาร้องอย่างแผ่วบาง มือทั้งสองประสานกัน พระพุทธรูปทองคำที่รวมตัวกันด้วยพลังศรัทธาก็ปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหลัง
"[หัตถ์พุทธะร้อยปาง]"
เมื่อสิ้นเสียง
พระภิกษุชรายกมือทั้งสองขึ้นทำท่าทางประหลาดท่าแล้วท่าเล่า
และพระพุทธรูปทองคำยักษ์ที่อยู่เบื้องหลังเขาก็ทำท่าทางตามไปด้วย
ในพริบตา สิ่งที่รู้สึกได้คือ ในสถานที่นั้นพุ่งขึ้นมาพร้อมกับพลังพุทธะที่น่าสะพรึงกลัว และแสงสีทองที่วาบวับบนพระพุทธรูปทองคำยักษ์ก็ค่อย ๆ สว่างไสว
"เป็นวิชา [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] ของท่านผู้อาวุโสคู่เจี๋ย"
"หากท่านผู้อาวุโสคู่เจี๋ยลงมือ บางทีวัดบรรพตขจีของพวกเราอาจยังมีความหวัง"
เมื่อรับรู้ถึงพลังพุทธะอันน่าสะพรึงกลัวนั้นแล้ว
มีพระภิกษุเงยหน้ามองพระพุทธรูปทองคำยักษ์ด้วยความประหลาดใจแล้วพูดขึ้น
"ใช่แล้ว"
"[หัตถ์พุทธะร้อยปาง]นี้ เป็นวิชาลับประจำวัดของวัดบรรพตขจีเรา จัดอยู่ในระดับเซียนขั้นสูงสุด"
"หากวิชา [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] นี้ปรากฏขึ้น"
"บางที วัดบรรพตขจีของเราอาจไม่ถูกตระกูลหลัวทำลายล้างก็เป็นได้"
และเนื่องจากการลงมือของพระภิกษุชราคู่เจี๋ยแห่งวัดบรรพตขจี รวมถึงการปรากฏตัวของวิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุด [หัตถ์พุทธะร้อยปาง]
พระภิกษุกว่าสองแสนรูปที่เหลืออยู่ของวัดบรรพตขจี
ต่างปรากฏแสงแห่งความหวังในดวงตา
อย่างไรก็ตาม......
ความหวังจะมาเยือนจริง ๆ หรือ?
วัดบรรพตขจี จะรอดพ้นจากการโจมตีของตระกูลหลัวได้จริง ๆ หรือ??
ผลลัพธ์นั้นก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
เมื่อวิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุด [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] ปรากฏขึ้น
พระภิกษุของวัดบรรพตขจีก็ขุมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่ [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] จะเปล่งออกมาอย่างแท้จริง
ฝ่ายกองทัพตระกูลหลัว
ทันใดนั้น มีผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ เอวคาดกระบี่คม เหยียบย่ำอยู่บนอากาศ ร่างกายปกคลุมไปด้วยขอบเขตพิสูจน์เต๋าระดับสมบูรณ์
เขากำลังยกมือขวาขึ้น
บนมือขวา ทันใดนั้นก็ปะทุเปลวไฟ ครู่หนึ่งต่อมาเปลวไฟก็ก่อร่างเป็นขวานเพลิงยักษ์สีแดงเพลิงขนาดมหึมา
จากนั้นผู้บำเพ็ญเพียรก็ร้องเสียงดังว่า
"เฒ่าหัวโล้น เจ้าอย่าลำพองใจนัก”
"[ขวานเพลิงเบิกฟ้า] ไป"
ผู้บำเพ็ญเพียรใช้พลังเซียนอันน่าสะพรึงกลัวของขอบเขตพิสูจน์เต๋าระดับสมบูรณ์
พลางโบกมือขวา ฟาดฟันไปยังทิศทางที่พระภิกษุชรานั้นอยู่อย่างรุนแรง
"ขอบเขตพิสูจน์เต๋าระดับสมบูรณ์??"
เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายที่เหนือกว่าฐานพลังยุทธ์ของตัวเองนั้น
คู่เจี๋ยก็รู้สึกหน้าชาไปชั่วขณะ
แต่เขาก็ยังคงรักษาท่าทางของตนไว้
วิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุด [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] จึงถูกปล่อยออกไป พลังดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
เพียงแต่.........
ภายใต้ขวานเพลิงยักษ์สีแดงสด ที่มีขนาดใหญ่หลายร้อยเมตร
[หัตถ์พุทธะร้อยปาง] ก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีกในพริบตา
พลังเซียนกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
ค่อย ๆ สลายหายไปจากโลกนี้
และขวานเพลิงยักษ์สีแดงสดที่ผ่า [หัตถ์พุทธะร้อยปาง] ก็ยังคงฟาดฟันเข้าใส่วัดบรรพตขจีและทิศทางที่พระภิกษุชราอยู่ต่อไป