ตอนที่แล้วบทที่ 67 (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 69 (ฟรี)

บทที่ 68 (ฟรี)


บทที่ 68

“ฉันรู้สึกว่าหนึ่งชั่วโมงมันมากไปด้วยซ้ำ ถ้าอยู่ที่นี่สัก 40 นาที ร่างกายต้องเริ่มมีปัญหาแน่! เหอเหอ งั้นฉันจะลดอุณหภูมิแอร์ลงอีก 2 องศา มาดูกันว่าแกจะมีสภาพน่าอนาถยังไง” อู๋เกอพูดพร้อมลดอุณหภูมิลงสององศาทันที

จากนั้นเขาก็เริ่มทำงาน

เขาต้องรีบหน่อย เพราะค่ายกลที่สร้างขึ้นนี้มีพลังค่อนข้างรุนแรง

อู๋เกอต้องทำงานให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงแล้วออกจากห้องนี้ ไม่เช่นนั้นเขาจะมีปัญหาตามมาเช่นกัน

ณ ขณะนี้ หลินเป่ยฝานเดินไปที่ห้องทำงานของหลิวรู่เหมย

“รองประธานหลิน ทำไมคุณถึงมาที่นี่?” หลิวรู่เหมยถามขณะแยกเอกสารโดยไม่เงยหน้ามองเขาแม้แต่แวบเดียว

หลินเป่ยฝานไม่ใส่ใจ เขาหาที่นั่งใกล้ ๆ และนั่งลง “ผมมาหาคุณ เพื่อดูว่าคุณตั้งใจทำงานจริงๆรึเปล่า”

“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็วางใจได้ เมื่อมีเจ้านายขี้เกียจอยู่ข้างตัว ฉันไหนเลยจะเกียจคร้านได้!”

หลิวรู่เหมยจ้องตอบกลับไป เจ้านายเธอทำตัวสบายๆแล้วโยนงานทั้งหมดให้เธอ เล่นเอาตำแหน่งเลขาของเธอไม่มีโอกาสได้อู้งานเลย

“ก็คนอื่นๆผมไม่ไว้ใจ เพราะงั้นได้แต่รบกวนคุณแล้ว” หลินเป่ยฝานหัวเราะเบาๆ

หลิวรู่เหมยพ่นลมหายใจไม่พอใจ กระนั้นเธอก็รู้สึกภูมิใจและมีแรงบันดาลใจในการทำงานมากขึ้น

“ว่าแต่นี่คุณไม่ได้เปิดแอร์หรอ?” หลินเป่ยฝานถามอีกครั้ง เขารู้สึกว่าที่นี่ร้อนกว่าข้างนอกหลายองศา

หลิวรู่เหมยจ้องเขาแล้วพูดว่า “เป็นเพลย์บอยซะเปล่า ไม่รู้เหรอว่าผู้หญิงมีร่างกายที่ทนต่อความหนาวได้น้อยกว่าผู้ชาย?”

“อ้อ ถ้างั้นผมก็วางใจได้แล้ว” หลินเป่ยฝานพยักหน้า

“หืม? วางใจอะไร?”

“ไม่มีอะไร!”

หลินเป่ยฝานยกมือขึ้นลูบคาง ชื่นชมการทำงานอย่างขยันขันแข็งของหลิวรู่เหมย ขณะเดียวกันขอพรอย่างเงียบๆ

'ฉันขอพรให้อุณหภูมิร่างกายของฉันลดลง 3 องศา และถูกขังอยู่ในห้องไม่สามารถออกไปไหนได้เป็นเวลา ... ซัก 30 - 35 นาที!”

[ติ๊ง! คำขอประสบผลสำเร็จ]

จู่ๆ หลินเป่ยฝานก็รู้สึกหนาวเล็กน้อย

มนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น โดยทั่วไปอุณหภูมิปกติของร่างกายมนุษย์จะอยู่ระหว่าง 36 ถึง 37 องศา หากต่ำกว่าหรือสูงกว่าอุณหภูมินี้จะผิดปกติ

อุณหภูมิต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส เรียกว่าภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ

อุณหภูมิต่ำกว่า 32 องศา ถือว่าอุณหภูมิในร่างกายต่ำกว่าปกติขั้นร้ายแรงแล้ว

ตอนนี้เขาขอให้อุณหภูมิลดลง 3 องศา ดังนั้นอุณหภูมิร่างกายตัวเองจึงต่ำลงมาอยู่ระหว่าง 33-34 องศา ซึ่งแค่นี้ก็เล่นเอาเขาแทบจะทนไม่ไหว

สงสัยจังว่าทางด้านอู๋เกอจะเป็นยังไง ... ที่ต้องอยู่ในค่ายกลอันตรายแบบนั้นเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง!

จู่ๆ หลินเป่ยฝานก็เกิดความคาดหวังบางอย่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน

...

บังเกิดลมกรรโชกวูบหนึ่ง ประตูห้องทำงานของหลินเป่ยฝานก็ปิดลง

แต่อู๋เกอซึ่งทำงานอยู่ในห้องก็ไม่สนใจ

ประตูปิดก็ปิดสิ เดี๋ยวไว้เปิดทีหลังก็ได้ หรือต่อให้ประตูบังเอิญล็อก แต่มันก็ปลดได้จากข้างในนี่ ถูกไหม?

ณ ขณะนี้ สายตาเขามักจะมองเครื่องปรับอากาศข้างๆ เป็นครั้งคราว พร้อมสีสันในดวงตาที่สะท้อนแวววาว “ฉันว่า ... น่าจะลดอุณหภูมิแอร์ลงอีกซัก 2 องศา เหลือ 20 องศา ทำแบบนี้พลังของค่ายกลจะได้รุนแรงยิ่งขึ้น!”

เครื่องปรับอากาศปล่อยลมเย็นแรง พัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว

แต่อู๋เกอกลับอุทานอย่างมีความสุข ทั้งตัวเขาสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น “เจ๋ง! กลิ่นนี้แหละ! ความรู้สึกนี้แหละ! หลินเป่ยฝานแกไม่รอดแน่!”

ณ ขณะนี้ อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศพัดมาที่เขาอีกครั้ง ทำให้เขาตัวสั่นจนขนลุก

ในเวลาเดียวกัน เขายังรู้สึกถึงคลื่นอากาศร้อนที่อบอวลอยู่ในร่างกายตัวเอง

นี่แสดงว่ารูปแบบเริ่มทำงานและส่งผลต่อร่างกายเขาแล้ว

อู๋เกอยิ้มอย่างมีความสุข“ผลที่ได้ชัดเจนมาก! ความรู้สึกสาแก่ใจแบบนี้แหละที่ฉันต้องการ! รีบทำงานให้เสร็จแล้วออกไปดีกว่า! หลินเป่ยฝานจะได้กลับมาที่นี่!”

ดังนั้นเขาจึงเริ่มทำงานอย่างหนักทันที

ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเช็ดโต๊ะและตู้ของหลินเป่ยฝานให้สะอาด

พอทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็หนาวสั่น และรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม อู๋เกอหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น ใบหน้าตัวเองยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งคนทั้งร่างเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี “ฮ่าฮ่า!หลินเป่ยฝาน! ขนาดฉันอยู่ที่นี่แค่ห้านาทียังแทบทนไม่ไหว ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงแก มาเลย! ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นสภาพน่าทุเรศของแก!”

เขาผิวปากอย่างร่าเริง เอื้อมมือออกมาไปจับประตูและหมุนเบาๆ

ทว่ากลับได้ยินเพียงเสียงกริ๊ก! ของประตู และไม่สามารถเปิดมันได้

อู่เกอไม่สนใจและหมุนลูกบิดไปอีกทางหนึ่ง

แต่ก็ยังได้ยินเสียงกริ๊ก ประตูไม่เปิดอยู่ดี

เขายังคงไม่สนใจ “ประตูเป็นแบบล็อกอัตโนมัติล่ะมั้ง”

เมื่อรู้ว่าล็อกก็ไม่ใช่ปัญหา แค่ปลดล็อกก็จบแล้วไหม?

กระนั้น เมื่อปลดล็อกแล้ว แต่พอหมุนลูกบิด ประตูก็ยังไม่ยอมเปิด

อู๋เกอเริ่มตื่นตระหนก “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันถึงเปิดไม่ได้? อย่าบอกนะว่าตัวล็อกพัง?”

เขาออกแรงบิดอีกสองสามครั้งและในที่สุดก็พบว่าตัวล็อกประตูพังจริงๆ

อู่เกอรีบเคาะประตูแล้วตะโกนเสียงดัง  “มีใครอยู่มั้ย ตัวล็อกประตูพัง ใครก็ได้มาเปิดจากข้างนอกให้ที!”

เมื่อได้ยินเสียงเอะอะ เพื่อนร่วมงานทุกคนก็รวมตัวกันรอบๆ

“เกิดอะไรขึ้นเสี่ยวอู๋?”

“นายมีปัญหาอะไรเสี่ยวอู๋?”

อู๋เกอพูดอย่างเร่งด่วนว่า “เมื่อกี้ผมกำลังทำความสะอาดข้างในอยู่ แต่พอจะหมุนลูกบิดแล้วกลับเปิดประตูไม่ได้! ผมคิดว่าตัวล็อกน่าจะพัง พวกคุณพอจะช่วยผมได้ไหม?”

“ตัวล็อกไม่น่าจะพัง แต่อาจเป็นประตูที่พัง” เสมียนสำนักงานผู้มากประสบการณ์กล่าว “ตัวล็อกประตูของเราที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย ตราบใดที่ใช้กุญแจล็อกประตู ก็ไม่สามารถเปิดจากด้านในได้! บางทีรองประธานหลินอาจล็อกมันตอนที่เขาออกไป”

อู๋เกอพูดอย่างเร่งรีบ “ถ้าอย่างนั้นก็ไปขอให้รองประธานหลินเปิดประตูสิ!”

ชายคนหนึ่งกระซิบว่า  “ไปหารองประธานหลินเหรอ? ฉันเพิ่งเห็นว่าตอนนี้รองประธานหลินดูเหมือนจะไปที่ห้องทำงานของเลาขาหลิว!”

ทุกคนรู้ดีว่ารองประธานหลินกับเลขาหลิวสนิทกันมาก ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา และตอนนี้พวกเขายังอยู่ในห้องเดียวกัน ดังนั้น หากไปรบกวนพวกเขาตอนนี้ อาจไม่ใช่เวลาที่ดี ทุกคนมีสมองและหัวคิด ดังนั้นไม่ยินดีไปรบกวนพวกเขา อย่างน้อยก็ในเร็วๆนี้!

“งั้นไปที่สำนักงานของท่านประธาน! ที่นั่นมีกุญแจของประตูทุกบาน!” ชายคนหนึ่งอุทานออกมา

อู๋เกอพูดอย่างมีความสุข “ใช่ ใช่! รีบไปที่สำนักงานท่านประธานเถอะ”

หลังจากพูดเขาก็จามเสียงดัง

หลังจากนั้นไม่นาน ท่านประธานก็มาพร้อมกับกุญแจ

ภายใต้สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังของอู๋เกอ เขาสอดกุญแจเข้าไปในรูกุญแจแล้วหมุนจนเกิดเสียงกริ๊กสองครั้ง แต่ประตูก็ยังไม่สามารถเปิดได้

ประธานสำนักงานผายมือ “ตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่าล็อกของประตูพัง”

อู๋เกอตกตะลึง “แล้วแบบนี้ผมควรทำยังไง?”

ประธานกล่าว “คงทำได้แค่ไปตามตัวช่างทำกุญแจ!”

อู๋เกอพูดด้วยความหวัง “แล้วเขาจะมาในกี่นาที”

ประธานส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายจะยุ่งรึเปล่า ถ้าพวกเขาอยู่ใกล้และไม่ยุ่งคงใช้เวลาไม่นาน  แต่ฉันคิดว่าจะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดก็หนึ่งชั่วโมง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด