บทที่ 39 ไม่มีอะไรอร่อยไปกว่าเกี๊ยวอีกแล้ว
บทที่ 39 ไม่มีอะไรอร่อยไปกว่าเกี๊ยวอีกแล้ว
กลับถึงบ้าน ฉู่เฉินก็ถือถุงเข้าไปในห้อง
ซ่งเหยียนยังคงนั่งอ่านข้อมูลอยู่บนโซฟา เหลือบมองประตูห้องของฉู่เฉิน เธออดไม่ได้ที่จะสงสัย วางข้อมูลลง เดินเข้าไปเคาะประตูห้องเบาๆ
“เมื่อกี้นี้นายเอาอะไรเข้าไป?” ซ่งเหยียนอดไม่ได้ที่จะสงสัย กลางดึกออกไปข้างนอก ถือถุงกลับมาอย่างลับๆ ล่อๆ
สีหน้าของฉู่เฉินดูลำบากใจ
เขาไม่อยากจะปิดบังซ่งเหยียน แต่สิ่งที่เขากำลังจะทำ สำหรับคนธรรมดาแล้วคงจะรับไม่ได้
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่เฉินก็ได้แต่พูดเป็นนัย “ของบางอย่างที่สามารถช่วยผมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ เธอก็ช่วยผมไม่ได้ ผมได้แต่พึ่งตัวเอง”
ซ่งเหยียนมองไปที่ฉู่เฉินด้วยความสงสัย ครู่หนึ่งต่อมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว
“ภรรยาจ๋า เธอเข้ามาช่วยผมหน่อยได้ไหม?” ฉู่เฉินตัดสินใจที่จะไม่ปิดบัง
ซ่งเหยียนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำ “ฝันไปเถอะ!”
ผู้ชายคนนี้ ช่างหยาบคาย
ซ่งเหยียนหยิบข้อมูลแล้วเดินกลับไปที่ห้อง
ฉู่เฉินอึ้งไป ครู่หนึ่งต่อมาก็ส่ายหน้าปิดประตู
“นี่คือวิชาสิงร่างของจิ่วเสวียนที่แท้จริง” ฉู่เฉินใช้ผงชาดวาดยันต์ เขียนวันเดือนปีเกิดที่ได้มาจากบ้านของซ่งมู่หยาง คำนวณจากอายุแล้ว นี่น่าจะเป็นวันเดือนปีเกิดของซ่งชิ่งหลง ลูกชายคนโตของตระกูลซ่ง ซึ่งก็คือตัวละครหลักของตระกูลซ่งในคืนนี้ที่โรงแรมหวงถิง
“ยันต์กับผงชาดของสำนักซิงหลัว วัสดุไม่เลวจริงๆ” ฉู่เฉินพึมพำกับตัวเอง หญิงสาวของสำนักซิงหลัวที่เขาพบในคืนนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าจะอายุยังน้อย แต่เธอกลับให้ความรู้สึกกับฉู่เฉินว่า ความสามารถด้านโหราศาสตร์ของเธอเหนือกว่าหวงหยู่ไห่ “ไม่คิดเลยว่า จะได้พบกับลูกศิษย์ของศิษย์น้องเจ็ด”
ผู้ก่อตั้งสำนักซิงหลัวคือหลัวหยุนเต้าจวิน
เมื่อหลายปีก่อน หลัวหยุนเต้าจวินไปสำนักจิ่วเสวียนเพื่อขอเป็นศิษย์ แต่ในสำนักจิ่วเสวียน หลัวหยุนเต้าจวินก็ยังคงเป็นศิษย์น้องของฉู่เฉิน
เขาคืออาจารย์ของอาจารย์เธอ ประโยคนี้ไม่ได้หลอกอู๋โยวแม้แต่นิดเดียว
“วิชาลับในโลก ล้วนแล้วแต่มาจากจิ่วเสวียน” ฉู่เฉินนึกถึงคนตัวเล็กมนตร์ดำของหวงหยู่ไห่ “คนตัวเล็กของสำนักอู๋ จะไปเทียบกับวิชาสิงร่างที่แท้จริงของจิ่วเสวียนได้ยังไง”
ฉู่เฉินถือยันต์ที่วาดเสร็จแล้ว พับเป็นคนตัวเล็กๆ ถืออยู่ในมือ ผลักประตูออกไปอีกครั้ง
วิชาสิงร่างของจิ่วเสวียน ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งควบคุมได้ง่าย
……
โรงแรมหวงถิง…
หน้าโต๊ะกลมในห้องVIP ซ่งมู่หยางกับครอบครัวห้าคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า ดูภาคภูมิใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
“คุณอาซ่ง คุณพ่อของหนูบอกว่า อีกสิบนาทีท่านจะมาถึง” หวงซิ่วซิ่ว หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ซ่งชิ่งหลงเอ่ยปาก แต่ชื่อของเธอกับรูปร่างของเธอไม่ค่อยเข้ากัน สามารถใช้คำว่าสูงใหญ่กำยำมาอธิบายได้ เธออยู่ในชุดที่ดูทะมัดทะแมง ตัดผมสั้น คิ้วหนา จมูกโด่ง ริมฝีปากหนา
ซ่งชิ่งหลงนั่งอยู่ข้างๆ เธอ กลับให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้หญิงตัวเล็กๆ
ดวงตาของซ่งมู่หยางเป็นประกาย ยิ้มพลางกล่าวว่า “ผู้อาวุโสห้าสามารถสละเวลามาในช่วงที่ยุ่งแบบนี้ อาซ่งรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
หวงซิ่วซิ่วยิ้มจับมือซ่งชิ่งหลงไว้แน่น “หนูกับชิ่งหลง เราทั้งสองรักกัน ท้ายที่สุดแล้วก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณอาซ่งไม่ต้องเกรงใจ”
“พี่สะใภ้พูดถูก” ซ่งชิ่งเผิงตื่นเต้น หยิบแก้วชาขึ้นมา “ผมขอใช้ชานี้แทนเหล้า ยกให้พี่สะใภ้หนึ่งแก้ว”
หวงซิ่วซิ่วยกแก้วตอบ
บรรยากาศคึกคัก
ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก
มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายวัยกลางคนที่ร่างกายดูสูงโปร่ง อยู่ในชุดสูท
หวงฉีเต๋อ หนึ่งในลูกชายเจ็ดคนของตระกูลหวง เขาอยู่อันดับที่ห้า
เสียงในห้องหยุดลงทันที คนตระกูลซ่งลุกขึ้นยืน มองไปที่คนที่เข้ามา สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ซ่งชิ่งเผิงดีใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่กับคุณหนูหวงรักกัน ครอบครัวของพวกเขาคงจะไม่มีสิทธิ์ถูกผู้อาวุโสห้าตระกูลหวงเลี้ยง
ตำแหน่งผู้นำตระกูลซ่ง พวกเขาต้องได้มาแน่ๆ
ซ่งชิ่งเผิงยืดตัวขึ้น
คนตระกูลซ่งจะต้องไม่เสียหน้า
“ผู้อาวุโสห้า” ซ่งมู่หยางเดินเข้าไป “ผมซ่งมู่หยาง ในงานประชุมประจำปีของหอการค้าเมืองฉานปีที่แล้ว พวกเราเคยพบกันครั้งหนึ่ง”
หวงฉีเต๋อยิ้มพยักหน้า “สวัสดีครับคุณซ่ง ทุกคนนั่งลง ไม่ต้องเกรงใจ”
หวงฉีเต๋อนั่งลงที่กลางโต๊ะอย่างไม่เคอะเขิน มองไปที่หวงซิ่วซิ่วด้วยความรัก “ลูกสาวคนนี้ของผม ขี้อายมาตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยเข้าสังคม นานๆ ทีเธอจะเจอคนที่ชอบ ผมหวังว่า คนที่เธอชอบจะดูแลเธอให้ดี”
ซ่งชิ่งหลงรีบลุกขึ้นยืน สีหน้าจริงจัง “ซิ่วซิ่วคือรักแรกพบของผม การที่ซิ่วซิ่วสามารถชอบผมได้ ยิ่งเป็นบุญที่ผมสั่งสมมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ผมจะดูแลเธออย่างดี”
ใบหน้าของหวงซิ่วซิ่วแดงก่ำ ก้มหน้าลง บิดมือซ่งชิ่งหลงด้วยความเขินอาย “ต่อหน้าคุณพ่อ นายก็พูดให้มันน้อยๆ ลงหน่อย”
ซ่งชิ่งหลงอยากจะร้องไห้
เขารู้ดีว่า หวงซิ่วซิ่วฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ในบรรดาคนวัยเดียวกัน เธอไม่ค่อยมีคู่ต่อสู้
หวงฉีเต๋อมองไปที่ซ่งชิ่งหลง อือ.. หน้าตาหล่อเหลาดี สีหน้าของเขาดูพอใจ
แม้ว่าสถานะและฐานะของตระกูลซ่งจะเทียบกับตระกูลหวงไม่ได้ แต่ในเมืองฉาน จะมีตระกูลไหนที่เทียบกับตระกูลหวงได้?
หลังจากที่ซ่งชิ่งหลงนั่งลง หวงฉีเต๋อก็เริ่มถามถึงสถานการณ์ของตระกูลซ่ง
“พูดถึงความสามารถในการทำธุรกิจ ซ่งเสียหยางกับพวกเทียบกับพวกคุณไม่ได้ แต่ตำแหน่งผู้นำตระกูลซ่ง กลับเป็นของซ่งเสียหยาง” หวงฉีเต๋อส่ายหน้า “คุณปู่ซ่ง คงสายตาไม่ค่อยดีแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของซ่งมู่หยางก็เป็นประกาย
มีคำพูดประโยคนี้ของผู้อาวุโสห้าตระกูลหวง อีกไม่นาน ตำแหน่งผู้นำตระกูลซ่งจะต้องเปลี่ยนคน
“ที่น่าขำกว่านั้นคือ ซ่งเสียหยางยังให้ซ่งเหยียน ลูกสาวที่แต่งงานแล้ว ไปยั่วยวนเย่เส้าหวง คุณชายเย่ของตระกูลเย่” ซ่งชิ่งเผิงหัวเราะออกมา “น่าเสียดายที่คุณชายเย่ไม่สนใจ แถมสามีของซ่งเหยียนยังเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน เป็นคนปัญญาอ่อนอีก แบบนี้ ช่างทำให้ตระกูลซ่งขายหน้า”
“ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่ง เป็นคนปัญญาอ่อนจริงๆ เหรอ?” หวงซิ่วซิ่วสงสัย
“แน่นอน” ซ่งชิ่งหลงยิ้ม หยิบแก้วชาขึ้นมา ยืนขึ้น ใช้ชานี้แทนเหล้า
หวงฉีเต๋อยิ้มพยักหน้า
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า ในตอนนี้ ในห้องVIP ของร้านกาแฟข้างๆ โรงแรมหวงถิง ฉู่เฉินหยิบคนตัวเล็กๆ จากยันต์ออกมา
“วิชาสิงร่างของจิ่วเสวียน!”
ทันใดนั้นแก้วชาในมือของซ่งชิ่งหลงก็ร่วงลงบนพื้น! แตกเป็นเสี่ยงๆ!
ห้องเงียบลงในทันที
ไม่มีใครคาดคิดว่า ซ่งชิ่งหลงจะทำแก้วแตก
“พี่ใหญ่ นี่คือ...ดีใจมากเกินไปเหรอ?” ซ่งชิ่งเผิงอดไม่ได้ที่จะพูด
ซ่งชิ่งหลงหัวเราะออกมา “วันนี้ดีใจมาก บอกเลยว่า ชาดื่มแล้วไม่เมา ทว่าฉัน ซ่งชิ่งหลง...” ซ่งชิ่งหลงก้มหน้าลง มองไปที่หวงซิ่วซิ่วด้วยสายตาที่รักใคร่ “ความงามตรงหน้าช่างน่าหลงใหล ดั่งมึนเมาไปเสียแล้ว”
หวงซิ่วซิ่วเขินอาย
ใบหน้าของซ่งมู่หยางเปลี่ยนไป การกระทำของซ่งชิ่งหลง ดูเหลาะแหละเกินไป
หางตาของซ่งมู่หยางเหลือบมองหวงฉีเต๋อ หัวใจของเขาก็เต้นแรง สีหน้าของหวงฉีเต๋อก็ดูไม่ค่อยดี
“พี่ใหญ่” ทันใดนั้นซ่งชิ่งเหอก็นึกอะไรบางอย่างออก ดวงตาของเขามองไปที่ซ่งชิ่งหลง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ในขณะเดียวกัน ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “นักพรตคนนั้นของตระกูลซ่งกลับมาแล้ว”
ซ่งชิ่งหลงโอบไหล่ของหวงซิ่วซิ่ว หัวเราะพลางพูดว่า “น้องทั้งสาม พวกเราพี่น้องกัน ตั้งแต่เด็กจนโต มีบุญก็ต้องแบ่งกัน สุภาษิตกล่าวว่า ไม่มีอะไรอร่อยไปกว่าเกี๊ยว หลังจากแต่งงานแล้ว จะให้ซิ่วซิ่วห่อเกี๊ยวให้พวกนายกินทุกวัน”
(อารมณ์ประมาณแบ่งเมียให้พี่น้องนะครับ 555)