บทที่ 36 เสเพล (2)
บทที่ 36 เสเพล (2)
ข่าวลือเกี่ยวกับผู้กำกับวูฮยอนกูที่ระเบิดขึ้นราว ๆ เที่ยงวันของวันที่ 23 ได้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเต็มรูปแบบภายในคืนเดียวกัน ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์เหมือนไฟป่าที่แพร่สะพัดไปทั่ว
『เหยื่อของเจ้าพ่อผู้กำกับหนังวูฮยอนกู: 'ผู้กำกับล่วงละเมิดฉันต่อหน้าเลยค่ะ’』
ไม่เคยมีความวุ่นวายแบบนี้มาก่อนเลย
ชื่อเสียงอันโด่งดังของผู้กำกับวูฮยอนกู ยิ่งส่งเสริมให้เรื่องอื้อฉาวประจำวงการบันเทิงเรื่องแรกของปีนี้รุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับเป็นการเติมน้ำมันลงกองเพลิง ทำให้แวดวงบันเทิงต้องหยุดชะงักชั่วขณะ
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
-สุดช็อก!! ด้านมืดที่เลวร้ายของปรมาจารย์ผู้กำกับวูฮยอนกู! การล่วงละเมิดทางเพศเป็นเหมือนยาเสพติดสำหรับเขา?! บรรดาเหยื่อต่างร่ำไห้
-IssueKingTV
- ยอดวิว 3,107,335/2020 3. 23
คลิปวิดีโอจาก 'IssueKingTV' ที่แฉเรื่องราวของผู้กำกับวูฮยอนกู มียอดวิวทะลุ 3 ล้าน กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นชุมชนออนไลน์ต่าง ๆ โซเชียลมีเดีย หรือยูทูป ข่าวอื้อฉาวของผู้กำกับวูฮยอนกูแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
-ว้าว… ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันเคยดูหนังของไอ้เวรนั่น... น่าขยะแขยงจริง ๆ
- ฮ่าฮ่า แก่แล้วยังไม่ลดความต้องการอีก ไอ้แก่ตัณหากลับ ไอ้โง่เอ้ย!
- กรุณาสืบสวนอย่างจริงจังเพื่อให้เหยื่อได้รับความยุติธรรมด้วย
-ดูหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นคนยังไง หน้าตาตรงกับนิสัยเลยว่าไหม? ฮ่าฮ่าฮ่า! หวังว่าเขาจะได้รับผลกรรมสาสมกับที่เขาเคยก่อไว้
- หวังว่าเขาจะได้รับโทษทรมานสาหัสยิ่งกว่าที่เขาเคยกระทำกับคนอื่น ๆ เสียอีก
-ฉันอยากอ้วก
-'ปรมาจารย์'? ฮ่าฮ่าฮ่า มันก็แค่ไอ้แก่เลว ๆ คนหนึ่ง
- ลบภาพยนตร์ของอาชญากรผู้กำกับวูฮยอนกูทั้งหมด
•
•
•
•
สถานการณ์ตอนนี้มันเลยไปไกลเกินกว่าที่จะควบคุมได้แล้ว ผู้กำกับวูฮยอนกูปรากฏตัวในรายการข่าวทางโทรทัศน์ เป็นการปิดฉากวันนั้น
『เหยื่อที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยผู้กำกับวูฮยอนกูผู้ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นปรมาจารย์กำลังปรากฏขึ้นทุกที่ คิมแดบินรายงาน』
ไม่เพียงแค่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังปรากฏทางโทรทัศน์อีกด้วย ข่าวลือนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งทางวิทยุ บอกต่อกันปากต่อปาก และแม้กระทั่งสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว คาดว่าน่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นภายในเช้าวันพรุ่งนี้ ในขณะที่รถไฟนรกของผู้กำกับวูฮยอนกูกำลังแล่นฉิว ผู้คนมากมายก็กำลังวุ่นวายพูดคุยกันเกี่ยวกับคังวูจิน
เช่น PDซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมี
“เอ๊ะ? จริงหรือ? เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นโดยที่ฉันไม่รู้เนี่ยนะคะ??”
“ครับผม แต่ผมไม่ได้บอกนักเขียนพัคอึนมีไปก็เพื่อที่คุณจะได้จดจ่อกับการเขียนได้เต็มที่”
"...โอ้ พระเจ้า!"
แม้แต่ซีอีโอชเวซองกุนและฮงฮเยยอนจากสังกัดเดียวกันก็ด้วย
“เธอคิดว่าครอบครัวของคังวูจินเป็นพวกเล่นไสยศาสตร์รึเปล่า?”
“······พูดจาให้มันเข้าท่าหน่อยสิ”
“ก็เราไม่รู้อะไรเลยนิ! เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอดีตหรือเรื่องส่วนตัวของเขาเลย”
“ช่างเถอะน่า ดีแล้วที่คังวูจินไม่ด่วนตัดสินใจเข้าร่วมกับไอ้เวรผู้กำกับวูฮยอนกูนั่น ว่าแต่ทำไมความเลวของเขาถึงถูกซ่อนไว้จนถึงตอนนี้กัน? ดูท่าฉันคงไม่สามารถเพิกเฉยต่อสัญชาตญาณของคังวูจินในอนาคตได้แล้วล่ะ”
ในทางกลับกัน บางคนก็ไม่สนใจเสียงโจษจัน บางคนมุ่งเน้นไปที่งานของตน คนนั้นคือผู้กับกับชินดงชุน เขากำลังติดอยู่ในห้องตัดต่อของบริษัทผู้สร้าง ‘สำนักงานนักสืบ’ รวมถึงบรรณาธิการ ผู้กำกับชินดงชุนยามนี้อยู่ในสภาพที่หนวดเคราของเขาเริ่มยาวเฟิ้มขึ้นแล้ว
“กรอกลับไปดูคัทที่แล้วอีกครั้ง”
“ครับ”
ทั้งสามคนมุ่งมั่นกับการตัดต่อมากจนดูโทรม รอยคล้ำใต้ตาดำปี๋ ดูเหมือนคนไร้บ้านไม่มีผิด
“คือว่านะครับ ผู้กำกับชินดงชุน นักแสดงคนนี้ คังวูจิน? เขาเป็นเด็กใหม่ใช่ไหมครับ? ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าการแสดงของเขามันเหนือจินตนาการไปแล้วนะครับ”
“อืม ก็ใช่แหละ กล้องมันจับภาพได้ไม่หมดหรอกนะ ถ้าคุณเห็นด้วยตาตัวเองกับตรงนั้น คุณจะอึ้งเลย”
“ผมนึกภาพออกเลยล่ะครับ ท่าทางแบบนี้มันจะมาจากมือใหม่ได้ยังไง? ภาพตัวละครที่ฉายออกมาให้ดูทั้งน่าสงสารและเศร้าสร้อยแบบนี้ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด มันช่างสุดยอดจริง ๆ”
“สีหน้าเคร่งเครียดเหมือนจริงมากมาก มันดูเหมือนเขาเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาเป็นร้อยครั้งเลย เขาคงจะศึกษาบทภาพยนตร์มาอย่างหนักเลยล่ะครับ”
“ผมตัดต่อหนังมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่แม้แต่นักแสดงมากประสบการณ์ก็ยังแสดงสีหน้าแบบนี้ได้ยากจริง ๆ เขาคงเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่มีอนาคตที่สดใสแน่”
ผู้กำกับชินดงชุนรู้สึกเสียดายคัทที่เพิ่งตัดต่อเสร็จไปนิดหน่อย ยิ่งเห็นการแสดงของคังวูจินบนจอภาพมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าการตัดต่อดูขาด ๆ เกิน ๆ
‘แค่นี้มันจะโอเคจริง ๆ เหรอ?’
ส่วนผสมมันดีเกินไป รู้สึกเหมือนการตัดต่อกำลังฆ่าบรรยากาศของหนัง ทั้ง ๆ ที่วัตถุดิบมีคุณภาพดีเยี่ยม แถม ‘สำนักงานนักสืบ’ เป็นหนังสั้นที่จะเข้าชิงเทศกาลหนังสั้น สถานการณ์มันแตกต่างจากหนังทำเงินที่ดึงดูดคนดูด้วยพลังดารา พวกเขาจึงต้องทุ่มเทกับการตัดต่อมากกว่าหลายเท่าตัว
สาเหตุที่ต้องจริงจังน่ะเหรอ? ก็เพราะมันมีหนังหลายเรื่องที่พังในขั้นตอนการตัดต่อช่วงท้าย ๆ ไงเล่า
ถึงจะถ่ายทำอะไรทุกอย่างเสร็จแล้ว แต่ท้ายที่สุด หนังจะต้องกำเนิดขึ้นจากมือของผู้กำกับเท่านั้น ไม่ว่าการแสดงของนักแสดงจะยอดเยี่ยมแค่ไหน ถ้าความสามารถของผู้กำกับยังไม่ถึงขั้น หนังก็จะได้รับตราบาปว่าเป็นหนังล้มเหลว ผู้กำกับชินดงชุนไม่ต้องการมอบตราบาปเลวร้ายแบบนั้นให้คังวูจิน
มันจะเป็นการทรยศต่อความรักและความมุ่งมั่นที่เขาได้รับมา
‘เสียเวลาเพิ่มปรับปรุงย่อมดีกว่าที่จะทำออกไปแบบห่วย ๆ ’
ผู้กำกับชินดงชุนกำลังจินตนาการภาพที่คังวูจินจะเชิดหน้าขึ้นสูง เพราะคุณภาพของงานที่ยอดเยี่ยม...
“เราจะทำแบบนี้ไม่ได้ เราลองปรับแต่งคัทนี้กับคัทก่อนหน้านี้อีกหน่อยดีไหม?”
“···ครับ?? ผู้กำกับ เราตัดต่อตรงนี้เป็นครั้งที่สามแล้วนะครับ เราจะเวลาไม่พอเอานะ”
“ไม่หรอก ถึงจะสิบหรือร้อยครั้ง ถ้ามันไม่ดีพอมันก็ต้องแก้ไข นักแสดงอุตส่าห์แสดงด้วยความจริงจังขนาดนั้น ผู้กำกับจะปล่อยให้การตัดต่อมาทำลายมันได้ยังไง?”
“อืมก็จริงครับ แต่ว่าผู้กำกับจะพอใจเมื่อไหร่ครับ? การที่โลภมากเกินไปมันอาจจะส่งผลเสียนะครับ”
“ลองอีกครั้งเถอะ มีช็อตเต็มที่ไม่ได้ตัดอกตรงนี้ใช่ไหม? ฉันจะลองเอาไปใส่ด้วยกันดู”
“อ๋อ… ใช่ครับ ใช่”
ผู้กำกับชินดงชุนค่อย ๆ มุ่งมั่นและตื่นเต้นขึ้นทีละน้อย
อีกนิด อีกหน่อย อีกนิดเดียวเท่านั้น
‘ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันจะต้องเสร็จสมบูรณ์แน่’
ในขณะเดียวกัน คังวูจินผู้ที่อยู่ศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมดนี้
- ตุ๊บ!
เขาเพิ่งเข้าไปในมิติว่างเปล่า กำลังจะไปลบหนัง ‘การเจรจาต่อรอง’ ของผู้กำกับวูฮยอนกู แต่กลับเกิดสิ่งที่น่าสนใจก็คือ
“หา?”
คังวูจินเห็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวท่ามความมืดมิดอันไร้ขอบเขต เอียงคอด้วยความสงสัย
ถูกต้องแล้ว เขากำลังมองสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวของเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ’
“มันขึ้นอันดับได้เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เหตุผลนั้นง่ายมาก
- [1/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: สำนักงานนักสืบ) ระดับ A]
เพราะระดับของ ‘สำนักงานนักสืบ’ เพิ่มขึ้นเป็นระดับ A
เช้าวันถัดมา
ผู้กำกับชเวซองกุน แนะนำสมาชิกทีมใหม่ให้กับคังวูจินผู้ที่เพิ่งมาถึงบริษัทบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์ อีกฝ่ายเป็นผู้จัดการฝ่ายโลเคชั่นและสไตลิสต์ รวมทั้งชเวซองกุนในฐานะผู้จัดการทั่วไป มีเพียงแค่สามคน คังวูจินคงจะพอรับมือไหวอยู่
“นี่คือ จางซูฮวาน เขาจะเป็นผู้จัดการฝ่ายโลเคชั่นของนาย! และนี่คือฮันเยจุง เธอจะเป็นสไตลิสต์ของนาย ซึ่งฮันเยจุงน่ะมาจากทีมของฮงฮเยยอน”
เมื่อเห็นจางซูฮวานผู้จัดการฝ่ายโลเคชั่น ความประทับใจแรกของคังวูจินคือ เขาดูเหมือนคิมแดยองทุกประการเลย เพราะเขาตัวใหญ่และร่างกำยำ
‘ถ้าฉันจับเขามาอยู่กับคิมแดยอง คงไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมั้ง’
แต่ จางซูฮวานมีน้ำเสียงค่อนข้างเบาและดูเด็กกว่า เมื่อเทียบกับรูปร่างอันใหญ่โตของเขา
“สวัสดีครับ! พี่คังวูจิน! ผมอายุน้อยกว่านะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ!”
ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างรูปร่างกำยำเหมือนหมีกับน้ำเสียงเบา ๆ ทำให้คังวูจินกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ เขาเกือบจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ขณะที่นึกถึงเพื่อนของเขาอย่างคิมแดยอง ชิบหายแล้ว เพราะไอ้คิมแดยองในหัวเลย แต่ถึงอย่างนั้น คังวูจินก็กลืนเสียงหัวเราะของเขาและทักทายเขากลับไป
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ต่อไปคือสไตลิสต์ ฮันเยจุง เธอมีผมสั้นสีดำอมเขียว เสียงของเธอค่อนข้างแหบแห้ง
“สวัสดีค่ะ ฉันก็อายุน้อยกว่าคุณด้วย ฉันเห็นคอนเซ็ปต์สไตล์ ‘ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล’ แล้ว และกำลังเตรียมเสื้อผ้าให้อยู่ค่ะ”
“ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
สำหรับทั้งสองคน คังวูจินได้ทักทายออกไปอย่างเย็นชา ซึ่งเมื่อเห็นเขา จางซูฮวานและฮันเยจุงก็พึมพำวิจารณ์ในใจไปว่า
‘เขาเป็นคนที่มีบรรยากาศหนักหน่วงมากไปไหมเนี่ย? แต่น่าจะเป็นคนดี! ผมคงต้องทำงานหนักแล้วสิ’
‘เขาค่อนข้างแปลกสำหรับมือใหม่เลยแฮะ’
ชีอีโอชเวซองกุนมองไปรอบ ๆ ทั้งสี่คน รวมทั้งตัวเขาเองและคังวูจิน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน
“งั้นนี่ก็คือทีมของคังวูจินนะ ฮ่า ๆ! พวกเราทุกคนมาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ!”
มันเป็นช่วงเวลาที่ทีมแรกของคังวูจินก่อตั้งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ที่บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่
MV Films บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีชินนอนฮยอน ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ทำเงินเท่านั้น แต่ยังผลิตภาพยนตร์รางวัลอีกด้วย แน่นอนว่าพื้นที่หลักคือภาพยนตร์ทำเงิน แต่พวกเขาก็เคยมีรางวัลมากมายในด้านภาพยนตร์รางวัลอีกด้วย
ส่งผลให้มีโปสเตอร์ภาพยนตร์แปลกตาจำนวนมากประดับอยู่ที่ล็อบบี้
ในห้องประชุมขนาดกลางของบริษัท MV Films ดังกล่าว ชายสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวตรงกลางโต๊ะประชุมรูปตัว U เขาเป็นผู้กำกับรุ่นเก๋าที่อบอุ่นและเป็นมิตร ผู้กำกับควอนกีแท็ก
"อืม..."
เขาพิจารณาแท็บเล็ตอยู่คนเดียว บนหน้าจอแสดงบทความเกี่ยวกับผู้กำกับวูฮยอนกู ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันทั่วเมืองตั้งแต่เมื่อวาน
“เฮ้อ ไอ้โง่นี้”
ผู้กำกับควอนกีแท็กลงพุงได้เดาะลิ้นทันที เพราะเมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น วงการภาพยนตร์ก็จะหยุดชะงัก แม้จะไม่ได้สนิทสนมกับผู้กำกับวูฮยอนกู แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีนัก เพราะเวลาที่เคยได้ใช้ร่วมกันมาก่อนและเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมาย
“ช่างเถอะ เราจะทำอะไรได้ เขาหาเรื่องใส่ตัวเองนิ”
แต่ตอนนี้ไม่มีทางหวนกลับแล้ว แม้กระทั่งในยามนี้ เว็บไซต์ต่าง ๆ ก็เต็มไปด้วยข่าวเกี่ยวกับผู้กำกับวูฮยอนกู การกระทำผิดทางอาญาของเขาก็ไม่เบาเช่นกัน
พูดง่าย ๆ ก็คือ
“มันจบแล้วล่ะสำหรับเขา”
อาชีพอันรุ่งโรจน์ของผู้กำกับวูฮยอนกูจบลงที่นี่ ไม่จำเป็นต้องมีเครดิตตอนจบ ผลงานภาพยนตร์อันน่าประทับใจของเขาจะกลายเป็นเถ้าธุลีและกำลังเลอนหายไป นั่นคือสิ่งที่ผู้กำกับควอนกีแท็กคิด
ในไม่ช้า เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ และสั่นศีรษะไปมาเช่นเคย
ก๊อก ก๊อก
มีเสียงเคาะประตูกระจกของห้องประชุม ผู้ชายหลายคนเดินเข้ามา ชายผู้เดินนำหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เป็นเพราะสีหน้าเคร่งขรึมของผู้กำกับควอนกีแท็ก
“อ่า… ผู้กำกับครับ ให้เรากลับมาทีหลังไหมครับ?”
ราวกับว่าไม่เป็นอะไร ผู้กำกับควอนกีแท็กเพียงยิ้มบาง ๆ
“เปล่า ไม่เป็นไร เริ่มกันเลยเถอะ”
ในไม่ช้า ชายคนนั้นก็นั่งลงตรงข้ามกับผู้กำกับควอนกีแท็ก และชายตาตี่คนหนึ่งยื่นกระดาษและแฟ้มใสที่เขาเอามาให้กับผู้กำกับควอนกีแท็ก
“ก่อนอื่นผู้กำกับ มาเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบคอนเซ็ปต์ชุดทหารเถอะครับ”
"อืม..."
“ตอนนี้เรามีเตรียมไว้แค่เสื้อด้านบนและกางเกงด้านล่าง”
ผู้กำกับควอนกีแท็ก ผู้ที่กำลังมองดูคอนเซ็ปต์อยู่นานนั้น กำลังโฟกัสอย่างหนักไปที่สิ่งสำคัญบางอย่าง จากนั้นผู้กำกับควอนกีแท็กก็ยกนิ้วชี้ขึ้น
“ลองคัดเหลือแค่สามอันนี้แล้วกัน อันนี้ อันนี้ และตัวนี้”
“เข้าใจแล้วครับ”
ชายตาตี่คนที่กำลังเก็บคอนเซ็ปต์พยักหน้าและเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน
“ผู้กำกับครับ แล้วตารางงานวันพรุ่งนี้ล่ะครับ? คุณบอกว่าคุณจะไปที่กองถ่ายทำแรกของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ใช่ไหมครับ?”
“ผมจะไปอยู่แล้ว ผมได้รับเวลาและสถานที่มาล่ะ และผมก็บอกกับPDซงมันวูไปแล้วด้วย น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
“แล้วจำนวนคนล่ะครับ?”
“แค่พวกเราสามคนพอ รวมทั้งคุณและผมด้วย เราไปรบกวนกองถ่ายสำคัญของคนอื่นไม่ได้ เราต้องไม่ให้ใครสังเกตเห็น เราแค่ไปแอบดูการแสดงของรยูจองมินเงียบ ๆ แล้วก็กลับมา”
“แต่มันจำเป็นจริง ๆ เหรอครับที่คุณต้องไปดูด้วยตัวเอง? ข่าวลือเรื่องที่ว่าฝีมือการแสดงเร่งรุดขึ้น มันอาจจะเป็นแค่ข่าวลือก็ได้นะครับ”
“ก็นะ ผมต้องไปดูเองแหละ การได้เห็นรยูจองมินด้วยตัวเองอาจจะช่วยบรรเทาความกังวลของผมได้”
ผู้กำกับควอนกีแท็กไขว่แขนและยิ้มออกมา
“มันคงจะดีถ้าได้รู้ว่าเขามีฝีมือทางการด้านแสดงพัฒนาขึ้นจริง ๆ และถ้าเป็นเช่นนั้น ผมก็อยากรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร”
ในวันที่ 25 ตอนเช้าตรู่
ประมาณ 8 โมงเช้า สถานที่นั้นเป็นกองถ่ายขนาดใหญ่ในอิลซาน พื้นที่ที่รวมเอาสตูดิโอเจ็ดแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งดูเหมือนโกดังเก็บของในตอนแรกเข้าด้วยกัน สตูดิโอแต่ละแห่งมีขนาดใหญ่ แม้ว่าจะเป็นตอนเช้าตรู่แต่ด้านหน้าของ ‘สตูดิโอ A’ กลับเต็มไปด้วยผู้คน
มีรถมินิบัสและรถตู้จำนวนมาก
มีรถอย่างน้อยสิบคัน และทุกคันมีข้อความ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ติดอยู่ที่กระจกหน้าต่างด้านหน้า ผู้คนหลายสิบคนทยอยออกจากรถเหล่านี้
“เริ่มต้นด้วยทีมถ่ายทำไปตั้งกล้อง! กรุณาเตรียมพร้อมในขณะที่ตรวจสอบสตอรี่บอร์ดการถ่ายทำด้วย!”
“ทีมของเราไม่มีวิทยุสื่อสาร!”
“อะ! วิทยุสื่อสารอยู่ตรงนี้!”
เพียงแวบแรก เหมือนจะมีคนมากกว่า 50 คนทันทีที่พวกเขาลงจากรถ พวกเขาได้เริ่มเคลื่อนไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง แม้จะไม่เป็นระเบียบ แต่ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดก็ดูเหมือนกัน เป็นดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
ประมาณเวลานี้เอง
วื้ด
ชายที่มีเคราแพะคนหนึ่งลงจากรถตู้ที่ช่องจอดรถคันแรกสุด เขาดูเหนื่อย แน่นอนว่าเขาคือ PDซงมันวู เขาถือบทละครอยู่ในมือข้างหนึ่ง และขณะที่มองไปที่ฉากสตูดิโอขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา เขาก็บิดขี้เกียจ
“ฮึบ! ฮู้ว มันกำลังเริ่มแล้ว”
สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ดูก็รู้แล้ว
มันคือการถ่ายทำครั้งแรก
เริ่มตั้งแต่วันนี้ วันพุธที่ 25 ฝาหม้อการถ่ายทำครั้งแรกของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ได้ถูกเปิดออกแล้ว ซึ่งมีนักแสดงนำเข้าร่วมด้วย นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ทีมงานหลายสิบคนมีความมุ่งมั่นในสายตาของพวกเขา แน่นอนว่าPDซงมันวูผู้รับผิดชอบภาพรวมของการกำกับนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ในเวลานั้นเอง
-บี๊บ!
เสียงของทีมงานได้ดังมาจากวิทยุสื่อสารขนาดเล็กที่ติดอยู่กับเอวของเขา
“PDครับ! ตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบฉากในห้องสอบสวนทีครับ!”
“เออ ฉันกำลังไป”
PDซงมันวูและทีมกำกับของเขาเข้าไปในฉาก
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
-เอี๊ยด!
รถตู้สีดำที่คุ้นเคย คันหนึ่งมาถึงลานจอดรถที่เต็มไปด้วยรถยนต์ของทีมงาน ต่อจากนั้น ชายที่มีสีหน้าดูเย็นชาคนหนึ่งก็ลงจากด้านหลังของรถตู้
“……”
เขามองไปข้างหน้าอย่างไร้อารมณ์ แต่ความรู้สึกของเขาขณะที่เขามองขึ้นไปยังฉากสตูดิโอขนาดใหญ่ มันไม่ได้สงบนิ่งเหมือนดั่งภายนอก
‘ว้าว บ้าไปแล้ว นี่มันใหญ่มากจริง ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?’
เขาคือ คังวูจิน นักแสดงผู้รับบท 'รองหัวหน้าพัค’ และเขาเป็นนักแสดงคนแรกที่มาถึงกองถ่าย สายตาของเขาจับจ้องมองดูสตูดิโอขนาดใหญ่ โดยไม่แสดงความตื่นเต้นอะไรออกมาเลย
‘มันดูเหมือนศูนย์กระจายสินค้าเลยนิ ดูยังไงก็เป็นงั้นชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?’
ชายสามคนเดินปาดหน้าคังวูจินไปเฉย ๆ แน่นอนว่าคังวูจินไม่ได้สังเกตเห็น เพราะเขากำลังมองไปที่สตูดิโออยู่
ซึ่งยามนั้นเอง
วื้ด
ในบรรดาชายสามคนนั้น หัวหน้าแก๊งผู้ซึ่งเป็นชายที่ดูอบอุ่นกำลังสวมแมสก์อยู่ เขาก็คือผู้กำกับชั้นครู ผู้กำกับควอนกีแท็กได้เหลือบมองกลับไปที่คังวูจินแวบหนึ่ง ขณะที่คังวูจินกำลังมองขึ้นไปยังฉากสตูดิโอขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
‘ดูเหมือนเขาจะประหลาดใจมากนะ นี่คือครั้งแรกของเขาที่ได้มาอยู่ในกองถ่ายขนาดใหญ่หรือเปล่า? เขาดูเหมือนนักแสดงเลย แต่ฉันไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนแฮะ’
จากนั้น ผู้กำกับควอนกีแท็กก็ก้าวเดินต่อและยิ้มบาง ๆ ออกมา
“มือใหม่สินะ? น่ารักดี”
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ฉันชักสงสัยแล้วสิว่าเขาจะแสดงพลาดไปเพราะความประหม่าหรือเปล่า?”
*****