ตอนที่แล้วบทที่ 131 เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์หมื่นมังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 133 เจ้าคิดว่าธารสายฟ้าเป็นน้ำเต้าหู้งั้นรึ

บทที่ 132 ไฟประหลาดแห่งตำหนักกระบี่


หากใครจากอาณาจักรโดยรอบสามารถเข้าร่วมสำนักเทียนโต้วได้ จะนับว่าเป็นเกียรติอันสูงสุดของบุคคลเหล่านั้น

“เข้าร่วมสำนักเทียนโต้ว” แววตาของหยางเสี่ยวเทียนเปล่งประกายยิ่งขึ้น

เฉินฉางชิงพยักหน้า “ช่วงคิมหันต์ฤดูครั้งต่อไป สำนักเทียนโต้วจะเปิดรับคัดเลือกศิษย์”

คิมหันต์ฤดูของปีหน้างั้นหรือ

หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้ารับทราบคำชี้แนะของผู้อาวุโสเฉินฉางชิงทันที

หากต้องการเข้าร่วมสำนักเทียนโต้ว เขาต้องเข้าร่วมการประลองฝีมือระดับสำนักของอาณาจักร เสินไห่เสียก่อน

และนี่ เป็นการประลองฝีมือของศิษย์จากสำนักหลักในอาณาจักรเสินไห่ ซึ่งหากสามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกได้ จึงจะมีโอกาสถูกรับการพิจารณาเป็นศิษย์ใหม่ของสำนักเทียนโต้ว

ดังนั้นอีกหนึ่งปีข้างหน้า หยางเสี่ยวเทียนจะต้องประลองฝีมือระดับสำนัก และกลายเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของอาณาจักรเสินไห่ให้ได้

เขาต้องติดหนึ่งในสิบอันดับแรก ของการประลองฝีมือระดับสำนัก!

ซึ่งภายในปีนี้ เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเพิ่มระดับพลังยุทธ์ และวรยุทธให้แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้

แม้เขาจะเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของการประลองฝีมือระดับสำนัก แต่เขายังคงต้องเข้ารับการพิจารณาเป็นศิษย์ใหม่ของสำนักเทียนโต้ว โดยการประลองฝีมือกับเหล่าอัจฉริยะจากสำนักหลักในอาณาจักรโดยรอบอยู่ดี

เลือดของหยางเสี่ยวเทียนเดือดพล่านไปทั่วร่าง ครั้นนึกถึงการประลองฝีมือกับบรรดาอัจฉริยะจากสำนักหลักในอาณาจักรโดยรอบ

“การพิชิตไฟศักดิ์สิทธิ์ นับว่ายากจะสำเร็จยิ่งนัก” เหอเล่อกล่าวแทรก

จากนั้นเขากล่าวเสริมว่า “แล้วไฉน เจ้าไม่ลองพยายามพิชิตไฟประหลาดดูเล่า”

“ไฟประหลาด” หยางเสี่ยวเทียนอุทานด้วยความตกตะลึง

“ใช่แล้ว” เหอเล่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แท้จริงแล้ว ในตำหนักกระบี่ของเรา ก็มีไฟประหลาดอยู่ชนิดหนึ่ง”

เมื่อได้ยินว่ามีไฟประหลาดอยู่ในตำหนักกระบี่ หยางเสี่ยวเทียนก็อดฉงนใจไม่ได้

“จริงสิ ข้าลืมไปเลยว่ามีไฟประหลาดอยู่ในตำหนักกระบี่ของเราเช่นกัน” เฉินฉางชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เมื่อก่อน ผู้อาวุโสสูงสุดกัวเจี๋ย ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะพิชิตมัน แต่ทว่า แม้จะผ่านไปเนิ่นนานผู้อาวุโสสูงสุดกัวเจี๋ยก็มิอาจพิชิตมันได้สำเร็จ  จวบจนตอนนี้ ภายในตำหนักกระบี่ ยังคงมีไฟประหลาดชนิดนี้อยู่” เฉินฉางชิงกล่าวเสริมสีหน้าเคร่งเครียด

เขาพักหายใจอยู่ครู่ แล้วกล่าวต่อ “ต่อจากนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดกัวเจี๋ยจึงได้ตั้งกฎขึ้นว่า หากมีผู้ใดสามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ครบหนึ่งร้อยเล่ม จนได้รับตำแหน่งเจ้าตำหนักกระบี่ จึงจะสามารถเข้าไปยังส่วนลึกของตำหนัก เพื่อพิชิตเปลวไฟประหลาดนี้ได้”

“หยั่งรู้ศิลากระบี่ครบหนึ่งร้อยเล่มงั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนเปิดปากถามหลังนิ่งเงียบมาสักพัก

“ใช่แล้ว ไม่ว่าศิษย์คนใดก็ตาม ที่สามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ครบทั้งร้อยเล่ม จะได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าตำหนักกระบี่ และเป็นผู้ครอบครองทุกสิ่งอย่างของตำหนักกระบี่” เฉินฉางชิงกล่าว

เขาก้มศีรษะมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยรอยยิ้มก่อนกล่าวอีกว่า “วันใดที่เจ้ากลายเป็นเจ้าตำหนักกระบี่ จึงจะสามารถเข้าไปยังส่วนลึกของตำหนัก เพื่อพิชิตเปลวไฟประหลาดนั้นได้”

“ไฟประหลาดนี่ เป็นไฟประหลาดชนิดใดขอรับ” หยางเสี่ยวเทียนสงสัยมานานจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“เปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณ!” เฉินฉางชิงกล่าว

เปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณ!

เปลวไปชนิดนี้ มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับเก้า ในบรรดาไฟประหลาดทั้งสิบอันดับแรก!

หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าในสำนักเสินเจี้ยนแห่งนี้ จะมีไฟประหลาดอันดับที่เก้าอย่างเปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณเก็บซ่อน ณ ส่วนลึกเข้าไปในตำหนักกระบี่

ในบรรดาไฟแห่งสวรรค์และโลก ไฟศักดิ์สิทธิ์นับว่าหาได้ยากยิ่ง แต่ภายใต้ความทรงพลังลองลงมาจากไฟศักดิ์สิทธิ์ ไฟประหลาดถือว่าแข็งแกร่งใช้ได้ และเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว

หากเขาได้ครอบครองหนึ่งในสิบอันดับแรกของไฟประหลาด มันคงเป็นเรื่องน่าทึ่งอยู่ไม่น้อย

ไม่นานหลังจากได้รับรู้ตำแหน่งอื่นๆ ของบรรดาไฟศักดิ์สิทธิ์ หยางเสี่ยวเทียนก็กลับออกจากตำหนักกระบี่ด้วยสีหน้ายินดี แม้การพิชิตเปลวไฟหมื่นมังกรเพลานี้ จะยังเป็นเรื่องยุ่งยากอยู่

แต่หยางเสี่ยวเทียนกลับได้รู้ตำแหน่งของเปลวไฟเก้าหงส์สุวรรณ ไฟประหลาดเก้าอันดับแรก ในตำหนักกระบี่ ที่เขายังพอมีโอกาสพิชิตมัน ซึ่งต้องหลังจากหยั่งรู้ศิลากระบี่ ให้ครบทั้งร้อยเล่มเสียก่อน

“เสี่ยวเทียนจะใช้เวลานานเท่าใดนะ จึงจะหยั่งรู้ศิลากระบี่ครบทั้งร้อยเล่มได้” เริ่นเฟยเสวี่ยพึมพำ

“อาจจะหนึ่งปี ก็เป็นได้” เฉินฉางชิงกล่าวน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ

“หนึ่งปีงั้นรึ เป็นไปไม่ได้แน่ อะไรจะรวดเร็วปานนั้น!” เหอเล่อส่ายศีรษะเมื่อได้ยินสิ่งนี้

แม้พรสวรรค์ด้านกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนจะสูงส่งมากก็จริง แต่ในมุมมองเหอเล่อ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสามปีขึ้นไป จึงจะแตกฉานศิลากระบี่หนึ่งร้อยเล่ม

หลังหยางเสี่ยวเทียนออกจากตำหนักกระบี่ และกำลังเดินผ่านจัตุรัสร้อยกระบี่ เขากลับหยุดยืนมองมันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่ามันใกล้จะมืดค่ำ จึงตัดสินใจมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น

ครั้นหยางเสี่ยวเทียนถึงจวนหลัก หลัวชิงก็พาเลี่ยวคุนและจางจิงหรงมาพบ โดยบอกว่าพวกเขาทั้งห้าคน กลืนยาเหล่านั้นไปแล้วแลเต็มใจที่จะติดตามหยางเสี่ยวเทียน

หยางเสี่ยวเทียนจึงมอบของขวัญสำหรับการประชุมให้เลี่ยวคุน กับพวกเขาทั้งสี่คน โดยแต่ละคนเป็นโอสถวิญญาณสี่ประการระดับสวรรค์

“โอสถวิญญาณสี่ประการระดับสวรรค์!” เลี่ยวคุนพร้อมอีกสี่คนมองไปยังโอสถวิญญาณสี่ประการระดับสวรรค์ทั้งห้าเม็ด ที่อยู่ในมือของหยางเสี่ยวเทียนด้วยความประหลาดใจยิ่ง

ระหว่างที่อยู่ในสำนักดาบสีชาด แม้ทางสำนักจะแจกจ่ายโอสถวิญญาณทุกหกเดือน แต่นั่นเป็นเพียงโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงเท่านั้น ไม่ใช่แม้แต่โอสถวิญญาณระดับสูงสุด สำมะหาอะไรกับโอสถวิญญาณระดับสวรรค์ที่อยู่เบื้องหน้า ไหนเลยพวกเขาจะเคยพบพานมาก่อน

หยางเสี่ยวเทียนกล่าวเจียมๆ “เนื่องจากข้ามีเวลาน้อย จึงหลอมได้เพียงโอสถวิญญาณสี่ประการระดับสวรรค์เท่านั้น ไว้เดือนหน้า ข้าจะหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ให้พวกเจ้า”

เลี่ยวคุนและอีกสี่คน ยืนตะลึงลานอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นนานสองนาน พวกเขากล่าวอะไรไม่ออก กระทั่งหัวใจก็แทบจะหยุดเต้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด