ตอนที่ 82: การดูแลบุตรที่ยอดเยี่ยม!
"นี้……"
หลังจากได้สติหวนเจี่ยเซียว มองไปที่หลินซวน ด้วยความตกใจ: "มันกลับลงน้ำแล้วจริง ๆ!"
เจิ้งซีถอนหายใจขณะถูฝ่ามือไปมา "ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะเชื่อฟังมาก นี่คือวิธีอะไรกัน ช่างเปิดหูเปิดตาข้าจริง ๆ!"
กลุ่มขุนนางที่อยู่ข้างหลังต่างก็พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
อาจารย์หวนเป็นที่รู้จักในฐานะผู้แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรหมื่นปีศาจ อาจารย์อสูรสัตว์ห้าอันดับแรกในดินแดนตะวันออกของแดนปีศาจสวรรค์ กระทั่งเขาก็ยังยากจะจัดการมังกรปีศาจที่ดุร้ายตนนี้ได้.
ทว่าหลังจาก ตี้ฟู่ เอ่ยสั้น ๆ มันกลับเชื่อฟัง ไปอยู่ในน้ำดูเหมือนกับเด็กดีไปแล้ว.
นี่แสดงให้เห็นว่าพลังควบคุมสัตว์อสูรของตี้ฟู่ นั้นยอดเยี่ยมมาก.
“ถ้าให้ข้าคาดเดา ไม่เพียงฐานบ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิเท่านั้น ยังมีทักษะขอบเขตปรมาจารย์อีกด้วย!”
ตั้งแต่สมัยโบราณ อาจารย์อสูรก็เหมือนกับมังกร.
อาจารย์สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนชั่วชีวิต ที่ไล่ตามแสวงหาขอบเขตปรมาจารย์.
ต้องรู้ด้วยว่าพลังของปรมาจารย์อสูรนั้นไม่เพียงแค่สามารถควบคุมสัตว์อสูรยักษ์ ยังควบคุมสัตว์อสูรระดับสามได้ด้วย.
หากก้าวไปถึงขอบเขตดังกล่าวสามารถก่อตั้งนิกายเพื่อรับสมัครสาวกได้.
นี่คือความรุ่งโรจน์ที่เหล่าอาจารย์สัตว์อสูรใฝ่ฝันถึง.
อย่างไรก็ตามมันก็ยากเกินไปที่จะพัฒนาขอบเขตการฝึกฝนควบคุมสัตว์ร้ายได้เช่นกัน.
นอกจากความแข็งแกร่งและทักษะอีกหลายอย่างแล้ว.
ยังต้องมีความอดทนในการดูแลสัตว์อสูร และอยู่กับพวกมันเป็นเวลานาน.
ต้องเข้าใจนิสัยและลักษณะเฉพาะของสัตว์อสูรต่าง ๆ หลากหลายประการ
นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจตัวตนของสัตว์อสูร สภาพแวดล้อมการดำเนินชีวิต และมีวิธีในการฝึกฝนทำให้เชื่องโดยสมบูรณ์อีกด้วย.
สิ่งสำคัญที่สุด คือการเพิ่มฐานบ่มเพาะ และความแข็งแกร่งของตัวเองผ่านสัตว์อสูรได้ด้วย.
ดังนั้นอาจารย์สัตว์อสูรจึงเป็นอาชีพที่หายากมาก น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ.
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นความสามารถของหลินซวนที่มีขอบเขตปรมาจารย์ ก็ทำให้หวนเจี่ยเซียวรู้สึกทึ่งและชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจ.
“เสด็จพ่อครับ ข้าขี่มันได้แล้วเหรอ?” เสวียนหยูแทบรอไม่ไหวที่จะคว้ามือของหลินซวนไว้
หลินซวนเผยยิ้ม "ใช่!"
จากนั้นเขาก็โบกมือสั่งมังกรปีศาจเกล็ดดำ
มังกรปีศาจเกล็ดดำว่ายเข้ามายังฝั่งอย่างเชื่อฟัง มันลดศีรษะลง และปล่อยให้เสวียนหยูปีนขึ้นไปบนนั้นอย่างว่าง่าย.
เสวียนจู และคนอื่น ๆ ลังเลในตอนแรก
แต่เมื่อเห็นดวงตาที่ให้กำลังใจของหลินซวน พวกนางก็ปีนขึ้นไปอย่างกล้าหาญ
จากนั้นมังกรเกล็ดดำก็ว่ายไปรอบ ๆ สระน้ำโดยมีเด็กหญิงตัวน้อยอยู่บนหลัง ทำให้พวกนางหัวเราะชอบใจ.
“เสด็จพ่อครับ มังกรมันตัวยาวมาก ขอเล่นกระดานลื่นบนตัวมันได้ไหม”
หลังจากเล่นไปสักพัก เสวียนซี ก็ถามหลินซวนออกมาทันที.
ต้องรู้ด้วยว่าในสวนของพระราชวังหยกนั้นมีสถานที่ให้พวกนางเล่นกระดานลื่นอยู่นั่นเอง.
"แน่นอน!" หลินซวนโบกมือ และมังกรปีศาจเกล็ดดำก็พาเด็ก ๆ ไปที่ฝั่งอย่างเชื่อฟัง
หลังจากนั้นก็บิดตัวและกลายเป็นกระดานลื่นที่วนสูงสามชั้น
“ว้าว! นี่คือกระดานลื่นที่หมุนวนไปมาได้!”
"มันน่าทึ่ง มันต้องสนุกแน่!"
สาวน้อยต่างตื่นตะลึง!
พวกนางไม่เคยเห็นกระดานลื่นที่สามารถหมุนเป็นวงกลมมาก่อน
เจิ้งซี, ฮวนเจี๋ยเซียว และคนอื่น ๆ เวลานี้ยิ่งพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม.
ไม่มีใครคิดเลยว่าหลินซวน จะควบคุมมังกรปีศาจเกล็ดดำอย่างอย่างหมดจดเช่นนี้ได้
"ตี้ฟู่ ได้สร้างผลงานชิ้นเอกให้กับเด็ก ๆ แล้วจริง ๆ!"
หัวใจของทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์สั่นไหวอยู่พักหนึ่ง และพวกเขาก็ถูกครอบงำโดยวิธีการและภูมิปัญญาของหลินซวน
และในเวลาเดียวกัน
ติ๊ง!
ทันใดนั้นเสียงกลไกของระบบก็ดังขึ้น
“โฮสน์ปล่อยให้บุตรสาวของสัมผัสประสบการณ์กระดานลื่นที่แปลกใหม่ รับรางวัล: เนตรทองคำเพลิงศักดิ์สิทธิ์(หลี่ฮั่วจินตง)!”
“ให้ตายเถอะ นี่คือรางวัลระดับเทพชิ้นที่สองรองจากกายาศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้น!”
หลินซวนมีความสุขมาก
เนตรทองคำเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้น สามารถใช้ดวงเนตรปลดปล่อยเนตรเพลิงหนานหมิงได้.
เพลิงศักดิ์สิทธิ์หนานหมิงนั้นคือหนึ่งในสิบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในสมัยโบราณ.
มีตำนานเล่าว่านี่คือเพลิงของสัตว์ร้ายหงส์แดง(จู่เซี่ย) ที่สามารถเผาไหม้ทุกอย่างได้.
ด้วยเหตุนี้ดวงตาของหลินซวนจึงกลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว.
เพียงกระพริบตาก็สามารถกระตุ้นจุดเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผาไหม้ทุกสรรพสิ่งได้!
ติ๊ง!
“โฮสน์ต้องการถอนรางวัลหรือไม่?”
"ใช่!"
"ผสานดวงตาสีทองเพลิงศักดิ์สิทธิ์สำเร็จแล้ว!"
แสงสีทองแวววาวส่องประกายในดวงตาของ หลินซวน
ที่ใจกลางรูม่านตาของเขา มีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงทองจาง ๆ สว่างวูบวาบ
ในเวลาต่อมาเปลวไฟก็ถูกซ่อนเอาไว้อย่างลึกล้ำ
หลินซวนรู้สึกว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์หนานหมิงนั้นถูกซ่อนเอาไว้ในจิตสำนึกของเขา.
ตราบใดที่เขาต้องการ เขาสามารถปล่อยเพลิงศักดิ์สิทธิ์หนานหมิงออกมาได้ตลอดเวลา.
เจิ้งซี, ฮวนเจี่ยเซียว และคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างบังเอิญมองเห็นแสงสีทองในดวงตาของหลินซวน ทำให้หัวใจของพวกเขาหดตัวลงทันที
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกถึงความกดดันเป็นอย่างมาก จากสายตาของหลินซวน.
ภายใต้อำนาจสะกดข่มนี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายและดวงวิญญาณพร้อมจะถูกเผาไหม้ให้เป็นเถ้าถ่านได้ตลอดเวลา.
“สมกับเป็นตี้ฟู่ เพียงแค่มองก็สามารถทำให้ร่างกายหลุดจากร่างได้ ช่างน่าเกรงขามนัก!”
เจิ้งซี, ฮวนเจี๋ยเซียวและคนอื่น ๆ แอบเช็ดเหงื่อที่เย็นยะเยือบออกมา แทบไม่กล้าสบตากับหลินซวนอีก
หลังจากนั้นไม่นาน
หัวหน้าองครักษ์รีบเข้ามาในวังแล้วเอ่ยออกมาว่า "ตี้ฟู่ มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างนอกพระราชวังขอร้องเข้าพบท่าน พวกเขาเอ่ยว่า มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์โหลวหยาง แดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโหยว และแดนศักดิ์สิทธิ์หานซิ่ว
เมื่อเจิ้งซีและคนอื่น ๆ ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตกใจ
พวกเขาได้ยินว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามได้ทำให้ตี้ฟู่ขุ่นเคือง.
นี่พวกเขาต้องการตายอย่างงั้นรึ?!
หลินซวนเอ่ยอย่างเฉยเมย "ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ"
แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามรวมหัวกัน บุกเข้าล้อมกรอบนิกายโหยวลั่ว เพื่อต้องการโลหิตของธิดาศักดิ์สิทธิ์เซียวเย่หราน.
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดามาช้านานแล้วในโลกแห่งนี้ ผู้อ่อนแอตกเป็นเหยื่อผู้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในแดนปิศาจแทบจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา.
หากไม่ใช่เพราะเซียวเย่หราน ได้พบกับหลินซวนโดยบังเอิญ คงถูกพวกเขาสังหารไปเรียบร้อยแล้ว.
ไม่นานหลังจากนั้น เซิ่งจู่ของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามก็ก้าวเข้ามา.
จู่เทียนหยู จงติงเหล่ยและหลิงซู เดินเข้ามาด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง.
เมื่อพวกเขาเห็นหลินซวน ก็เร่งรีบแสดงความเคารพออกมาทันที
“จู่เทียนหยูผู้นำแดนศักดิ์สิทธิ์โหยวหลาน จงติงเหล่ย ผู้นำแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโหยวและหลิงซูผู้นำแดนศักดิ์สิทธิ์หานซิ่ว ขอวิงวอนจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน!”
หลินซวนมองดูพวกเขาทั้งหมดและเอ่ยออกมาว่า“พวกเจ้าต้องการขออะไร?”
จู่เทียนหยูและพวกที่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินสิ่งดังกล่าว.
ตามความหมายของตี้ฟู่ แสดงให้เห็นว่าตราบใดที่พวกเขาแสดงความจริงใจ ก็มีโอกาสชดใช้บาปของพวกเขาได้.
หลังจากที่ทั้งสามมองหน้ากันแล้ว จู่เทียนหยูก็นำแผ่นริ้วหยกออกมา.
“เรียนตู้ฟู่ นี่คือวิชาลับเสียงปิศาจ เป็นวิชาบ่มเพาะของแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา.”
"โปรดรับไว้ด้วย!"
หลินซวนเหลือบมองเล็กน้อย
วิชาต้องห้ามนี้ควรจะเป็นอาคมระดับสวรรค์ชั้นยอด มีคุณภาพค่อนข้างสูงทีเดียว.
แม้นว่าจะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ทว่าหลินซวนก็ยอมรับมันมา.
จงติงเล่ยและหลิงซูก็เองก็นำกล่องหยกขนาดเล็กออกมาด้วยเช่นกัน.
หนึ่งกล่องเป็นแผ่นริ้วหยกเป็นวิชาระดับสวรรค์ชั้นยอด อีกกล่องเป็นดาบเวทอาวุธจิตวิญญาณชั้นยอดเช่นกัน
หลินซวนเก็บสิ่งเหล่านี้ไปและเอ่ยออกมาว่า “ข้ายอมรับสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าจะสามารถวางใจในอนาคตได้!”
ม่านตาสีทอง เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกาย พลังจิตยักษาที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเขา.
แสงไฟที่ส่องประกายพลังจิตที่น่าพรั่นพรึง ทำให้พวกจูเทียนหยูรู้สึกราวกับว่าร่างกายของพวกเขาถูกย่างไปด้วยเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ.
พวกเขาเข้าใจแทบจะในทันที ถึงพลังของตี้ฟู่.
หากตี้ฟู่ต้องการลงมือ พวกเขาทั้งสามย่อมถูกสังหารแทบจะในทันที.
“น่ากลัวไปแล้ว! โชคดีที่ข้าออกตัวสารภาพผิดก่อน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงได้รับหายนะใหญ่แน่!”
พวกเขาแทบจะคิดเหมือน ๆ กัน พลางถอนหายใจที่พวกเขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว.