บทที่ 78 แดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้!
“ถ้าอย่างนั้นเราไปดูกันเถอะ” หลินซวนกล่าว
ก่อนที่จะมาถึงอาณาจักรหมื่นปีศาจ เขาต้องการพาเด็ก ๆ ไปที่พระราชวังปีศาจเพื่อเล่นอยู่แล้ว
เนื่องจากการชุมนุมยุทธอยู่ที่ภูเขาปิศาจศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่กใกล้เมืองหลวง เช่นนั้นก็แวะไปก่อนก็ไม่มีปัญหา
“ตกลง! ข้าจะนำทางให้ท่าน!”
เซียวเย่หรานเอ่ยออกมาทันที รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมติดตามตี้ฟู่!
หลินซวนพยักหน้าเล็กน้อย
ข้อดีอีกประการของการปล่อยให้เซียวเย่หรานเป็นผู้นำทาง คือ บุตรสาวของเขาสามารถเล่นกับพยัคฆ์ขาวจันทราเงินได้ด้วย.
ขอเพียงบุตรสาวมีความสุข อะไรก็ได้ทั้งนั้น.
หลังจากนั้นเซียวเย่หรานก็นำหลินซวนและบุตรสาวของเขาไปยังพื้นที่ชุมนุมชาวยุทธ.
-
ห่างออกไปจากอาณาจักรหมื่นปิศาจ
แดนศักดิ์สิทธิ์โหลวหยาง(อาทิตย์อัสดง)
“เซิ่งจู่ แย่แล้ว!”
เสียงที่ดูกระวนกระวายได้ดังเข้ามาในหูของจู่เทียนหยู.
ดวงตาสีโลหิตของจู่เทียนหยูลืมขึ้น และเอ่ยออกมาว่า "เกิดอะไรขึ้น"
อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์โหลวหยางที่เอ่ยรายงาน“อาวุโสอู๋ และพรรคพวกตายกันหมดแล้ว!”
"อะไรนะ?!" จูเทียนหยูดูตกใจเป็นอย่างมาก"เป็นไปไม่ได้!"
วันนี้ อู๋จินเทานำคนกลุ่มหนึ่ง ร่วมมือกับสองอาวุโสจากอีกสองแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อปิดล้อมนิกายโหยวลั่ว จากคำแนะนำส่วนตัวของจูเทียนหยู.
กล่าวได้ว่ามันควรเป็นการตัดสินใจของเขาทั้งหมด
อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามล้วนแต่มีฐานบ่มเพาะขอบเขตจ้าววิญญาณขั้นต้น มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้นำนิกายโหลวลั่ว.
นอกจากนี้พวกเขายังลอบลงมืออย่างลับ ๆ ลอบโจมตีนิกายโหยวลั่วในทันที.
พวกเขาจะตกตายได้อย่างไร?
อาวุโสเอ่ยรายงาน“นิกายโหยวลั่วนั้นถูกกวาดล้างไปแล้ว และข่าวเองก็ได้กระจายออกไปรอบ ๆ แล้วเช่นกัน!”
“ส่วนอาวุโสอู๋และคนอื่น ๆ พวกเขาตกตายไปทั้งหมดระหว่างไล่ล่าสังหารสตรีศักดิ์สิทธิ์นิกายโหยวลั่ว.”
เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าว จูเทียนหยูยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น.
การไล่ล่าสังหารธิดาศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกเขาถูกกวาดล้างอย่างงั้นรึ?
“พวกเจ้านำศพกลับมาแล้วรึ?”จูเทียนหยูเอ่ยสอบถามอย่างเร่งรีบ.
“นำกลับมายังวิหารแล้ว!”
หลังจากได้ยิน จูเทียนหยูก็เร่งรีบนำอาวุโสไปที่วิหารดังกล่าวทันที.
คนหลายร้อยคนนอนเรียงรายเคียงข้างกันบนพื้น
แน่นอนว่าคนที่น่าสังเกตที่สุดคงจะเป็นอู๋จินเทา.
จู่เทียนหยูนั่งลงตรวจสอบร่างกายพวกเขาอย่างระมัดระวังพร้อมกับเอ่ยพึมพำ.
“อาวุโสอู๋มีบาดแผลเพียงเล็กน้อย แต่กระดูกของเขาหักทั้งหมด และเส้นโลหิตและชีพจรแตกสลายแหลกเป็นเสี่ยง ๆ”
“นี่แสดงว่าคนที่โจมตีอาวุโสอู๋สังหารเขาให้ตายทันที ซึ่งมีฐานบ่มเพาะสูงกว่าอาวุโสอู๋มาก!”
“สำหรับคนอื่น ๆ ไม่มีรอยแผลบนร่างกายเลย และกระดูกเส้นชีพจร!ยังคงสมบูรณ์ครบถ้วน”
“ทว่าพวกเขาก็ตกตายไปทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าพวกเขาถูกทำร้ายด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์”
เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่ยถามออกมาว่า“แล้วคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองล่ะ?”
อาวุโสคนอื่นเอ่ยออกมาว่า“พวกเขาตายหมดแล้ว! เหมือนกับที่ท่านเอ่ย พวกเขาเสียชีวิตจากการโจมตีทางจิตวิญญาณ พวกเขาถูกนำกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาหมดแล้ว.”
"แฮก ๆ~" เมื่อได้ยินเช่นนี้ จูเทียนหยูอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ๆ
เขาคาดเดาได้ว่าคนที่สังหารอู๋จินเทาและคนอื่น ๆ นั้น ควรจะลงมืออู๋จินเท่าด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่มีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเป็นคนแรก.
จากนั้นก็ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สังหารคนอื่น ๆ ทุกคน.
ด้วยวิธีการนี้อีกฝ่ายควรเป็นคนเพียงคนเดียวเท่านั้น
เนื่องจากวิธีการสังหารนี้ และสภาพการตาย มีแต่ต้องสรุปได้ว่ามาจากคนเพียงคนเดียว.
อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่สังหารอาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์และคนจำนวนมากพร้อมกันในเวลาเดียวกันเช่นนี้....
“พวกเราเจอยอดฝีมือเข้าแล้ว!”
จูเทียนหยูคือขอบเขตจ้าววิญญาณขั้นสุดยอด ได้ฝึกฝนทักษะทางจิตวิญญาณเช่นกัน เขาสามารถเอ่ยได้อย่างมั่นใจ ว่าคนที่โจมตีนั้นอย่างน้อยต้องมีขอบเขตจักรพรรดิ!
เรื่องนี้มันแย่มาก!
ขอบเขตจักรพรรดิเพียงแค่คนเดียวก็สามารถบดขยี้แดนศักดิ์สิทธิ์โหลวหยางทั้งหมดได้แล้ว.
ยิ่งมีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่มีความแข็งแกร่งมาก ยิ่งกล่าวได้ว่าเป็นขอบเขตจักรพรรดิที่น่าเกรงขามเข้าไปอีก..
เกรงว่าสำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์โหลวหยางคงไม่ต่างจากมดในสายตาของอีกฝ่าย.
อาวุโสของเขาเอ่ยถาม“เซิ่งจู่ พวกเราต้องตรวจสอบเรื่องนี้อีกหรือไม่?”
"ตรวจสอบ! แน่นอนเจ้าต้องตรวจสอบ!"
จูเทียนหยูที่มีใบหน้าตื่นตระหนก“ตามหาแบะแสจากธิดาศักดิ์สิทธิ์นิกายโหยวลั่วไป จะต้องรู้แน่ว่าบุคคลนั้นเป็นใคร!”
“จำเอาไว้ เมื่อได้ข่าวแล้ว ต้องรีบรายงานทันที!”
"รับทราบ!" อาวุโสคนดังกล่าวพยักหน้าและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน "เซิ่งจู่ ความสามารถของอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวมาก พวกเราต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความระมัดระวัง!"
"แน่นอนข้ารู้!" จูเทียนหยูพยักหน้ารับทันที!
“ตราบใดที่ข้ารู้ว่าเขาเป็นใคร ข้าจะไปที่เร่งรีบเดินทางออกไปขอโทษ…”
"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไม่สามารถรุกรานบุรุษที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้!"
แดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโหยวและแดนศักดิ์สิทธิ์หานซิ่วเองก็คิดเช่นเดียวกัน.
เซิ่งจู่แดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโหยว จงติงเหล่ย และเซิ่งจู่แดนศักดิ์สิทธิ์หานซิ่ว หลิงซู ได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อค้นหาข้อมูลของหลินซวน.
ในขณะที่ทั้งสามแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็จมอยู่ในความกังวลใจและวิตกกังวลในการตาหาหลินซวน.
......
อาณาจักรหมื่นปิศาจ ภูเขาปีศาจศักดิ์สิทธิ์
ภูเขานี้มีความสูงถึง 100,000 เมตรและดูเหมือนปีศาจที่มองดูโลกหล้า
สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าปีศาจทั่วอาณาจักรนับถือ
การประชุมเต๋าการต่อสู้ จัดขึ้นทุก ๆ ห้าปี ได้จัดขึ้นที่ภูเขาดังกล่าวนี้อีกครั้งแล้ว.
ผู้บ่มเพาะปีศาจจากทั่วประเทศ ถ้ำอมตะ และผู้ฝึกยุทธปีศาจที่มีขอบเขตกงล้อวิญญาณมีมากกว่า 100,000 คนได้มารวมตัวกัน เวลานี้พูดคุยเสียงดังอื้ออึงวุ่นวายไปหมด.
"จักรพรรดินีเสวียนปิงได้สร้างประวัติศาสตร์แห่งยุคสมัยและปกครองอาณาจักรปีศาจของพวกเรา ซึ่งทำให้การประชุมเต๋าการต่อสู้ของเราแตกต่างไปมาก!"
"ถูกต้อง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกกวาดล้างเนื่องจากการต่อต้านจักรพรรดินี และตอนนี้โลกยุทธในอาณาจักรหมื่นปิศาจเวลานี้ยังไม่มีผู้นำ"
“เมื่อขาดผู้นำ ข้าเกรงว่าหลังจากวันนี้นิกายโหยวลั่วจะต้องมาแทนแดนศักดิ์สิทธิ์โม่ชางที่ล่มสลายไปและกลายเป็นผู้นำนิกายปิศาจทั้งอาณาจักรอย่างแน่นอน!”
-
ข้อถกเถียงกันในวันนี้ของการประชุมโลกยุทธภพ คือใครจะมาเป็นผู้นำคนใหม่ หลังจากการล่มสลายของแดนศักดิ์สิทธิ์โม่ชาง.
อย่างไรก็ตาม ในฐานนิกายปิศาจอันดับหนึ่งของอาณาจักรหมื่นปิศาจที่เหลืออยู่ นิกายโหยวลั่วย่อมถูกพูดถึงโดยธรรมชาติ.
ในขณะเดียวกันก็มีข่าวที่น่าตื่นตกใจเกิดขึ้น.
“จู่ ๆ นิกายโหยวลั่วก็ถูกปิดล้อม โดย แดนศักดิ์สิทธิ์โหลวหยาง แดนศักดิ์จิ่วโหยว และแดนศักดิ์สิทธิ์หานซิ่ว เวลานี้ถูกทำลายไปแล้ว!”
โว้ว!
ข่าวดังกล่าวทำให้เกิดเสียงดังวุ่นวายในหมู่ผู้เข้าร่วมชุมนุมทันที.
หลาย ๆ คน คาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่านิกายโหยวลั่วจะถูกทำลายไปในชั่วข้ามคืน.
ดูเหมือนว่างานชุมนุมวันนี้คงไม่สงบแน่.
คงมีหลายนิกายต้องการเป็นผู้นำ แม้แต่ต่อสู้แย่งชิงกัน ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร ต้องตายไปข้างหนึ่งแน่.
ขณะที่ทุกคนกำลังเอ่ยถึงเรื่องนี้ จู่ ๆ แสงพระจันทร์ก็ส่องสว่างปกคลุมไปทั่วเทือกเขาเทพปิศาจ.
ภายใต้แสงจันทร์ที่เจิดจรัส ปรากฏเมฆวิเศษลอยล่อง.
แสงวิเศษที่ลึกล้ำ ปกคลุมไปทั่วสวรรค์และปฐพี ทำให้ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงเงยหน้าขึ้นมองเป็นสายตาเดียวกัน.
“ปรากฏนิมิตบนท้องฟ้า จะต้องมีผู้แข็งแกร่งปรากฏ!”
“ช่างเป็นพลังปราณปิศาจที่ทรงพลัง อย่างน้อยต้องเป็นจุดสูงสุดของเขตเขตจ้าววิญญาณ!”
"มาจากไหนกัน?"
เมื่อทุกคนประหลาดใจก็เห็นร่างสีดำร่อนลงมาจากบนท้องฟ้า
อีกฝ่ายสวมชุดคลุมสีดำ ผมยาวปกคลุมบนไหล่ และมีเครื่องหมายพระจันทร์ปีศาจบนหน้าผาก
“หึหึ! ข้าคือกู่ซูจิง ผู้นำนิกายเฟิงฉี(สายลมร่ำไห้)!”
คนที่รู้จัก กู่ซูจิง อดไม่ได้ที่จะอุทาน
“ผู้นำนิกายกูซูสามารถอัญเชิญพระจันทร์อาคมขนาดใหญ่ได้ ซึ่งหมายความว่า 'ศาสตร์เวทเทียนเช่อ ของเขาฝึกฝนไปจนถึงขั้นความสมบูรณ์แบบอันยิ่งใหญ่แล้ว!”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็คาดเดานิมิตก่อนหน้านี้ ว่าเป็นพลังของกู่ซู่จิงอย่างแน่นอน.
นอกเหนือจากฐานบ่มเพาะ
สิ่งที่ทำให้กู่ซูจิงน่ากลัวมากที่สุด ก็คือเทคนิคลับต้องห้ามของเขา "ศาสตร์เวทเทียนเช่อ"
ด้วยอาคมดังกล่าวนี้ เขาสามารถสร้างเขตแดนอาคมเวทล้อมรอบตัวเอง และสามารถเพิ่มพลังเวทได้มหาศาล
การโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็ทรงพลังมากกว่าปรกติสิบเท่า.
กล่าวได้ว่า หากกู่ซูจิงใช้เวทดังกล่าวเต็มกำลัง เขาจะสามารถยกระดับตัวเองให้มีพลังเทียบเท่ากับเสมือนจักรพรรดิได้เลย!
เมื่อเห็นกู่ซูจิงปรากฏตัวพร้อมกับกลิ่นอายสะกดข่มดังกล่าว ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ก็เข้าใจได้ว่า เขากำลังแสดงพลังให้ทุกคนที่นี่ยอมรับ
หากใครต้องการแข่งขันกับเขา จะต้องทนทุกข์ทรมานจาก“ศาสตร์เวทเทียนเช่อ”แน่ ๆ.
“หากไม่มีใครที่แข็งแกร่งกว่านี้ เกรงว่าทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่ซูจิงแน่”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก.