ตอนที่แล้วบทที่ 34 ผู้เชี่ยวชาญ (6)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 36 เสเพล (2)

บทที่ 35 เสเพล (1)


บทที่ 35 เสเพล (1)

เมื่อผู้กำกับวูฮยอนกูเห็นพาดหัวข่าวที่มีชื่อของเขาอยู่ ตาของเขาก็เบิกกว้างราวกับจะถลนออกมาและแดงก่ำยิ่ง

“บทความนี้เพิ่งออกมาเหรอ?!!”

ผู้กำกับวูฮยอนกูตกตะลึงจนพูดติดอ่าง  ท่าทางหยิ่งยโสติดตัวเขาหายไปหมด ในทางกลับกัน ผู้กำกับควอนกีที่ยืนกอดอกยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

“ดูเหมือนว่าเพิ่งจะลงไม่นานเท่าไรเองมั้ง?”

“ไอ้พวกนักข่าวบ้าเอ๊ย! มันทำอะไรลงไปเนี่ย!!”

เสียงของผู้กำกับวูฮยอนกูเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและโกรธแค้น คิ้วสีขาวอมเทาของเขาสั่นเทา ขณะที่รีบเช็คเนื้อหาบทความ

หัวข้อชวนขยะแขยง เนื้อหาเลวร้ายอย่างที่สุด

เริ่มต้นด้วยการล่วงละเมิดทางเพศ มีการระบุอาชญากรรมที่คล้ายกันหลายอย่างและมีผู้เสียหายมากกว่าหนึ่งคน แถมยังมีเรื่องที่ลงลึกมากด้วย  แน่นอนว่าอาชญากรรมทั้งหมดชี้ไปที่ผู้กำกับวูฮยอนกู มันยากที่จะปฏิเสธด้วยว่านี่เป็นเพียงข่าวลือ

ยิ่งไปกว่านั้น

“···การเปิดโปงของยูทูปเบอร์งั้นเหรอ?”

มีแหล่งที่มาชัดเจน บทความนี้มาจากแหล่งข่าวที่ยูทูปเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบล้านคนสืบเสาะมา

ตอนนั้นเอง

-กึก

ผู้กำกับควอนกีแท็กลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เอาโทรศัพท์คืนจากผู้กำกับวูฮยอนกูที่ตกตะลึงและเดินออกจากห้องอย่างใจเย็น ทันใดนั้นเขาได้หยุดฝีเท้าลงชั่วครู่

"ฉันบอกนายไปแล้วนี่ใช่ไหม? นายคงจะไม่ได้นั่งบนตำแหน่งเดิมไปอีกสักพักแล้วล่ะ”

ผู้กำกับควอนกีแท็กมองกลับไปทางผู้กำกับวูฮยอนกูที่สับสนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พึมพำเบา ๆ ต่ออีก

“ไม่สิ มันไม่ใช่แค่ชั่วคราวหรอก ด้วยเรื่องนี้ มันคงอยู่กับนายไปตลอดชีวิต แต่นายควรจะได้ชดใช้ในสิ่งที่นายทำไว้ ดูแลตัวเองด้วยนะ แล้วก็สำนึกผิดซะ”

ผู้กำกับควอนกีแท็กออกจากห้องไป ไม่ว่าผู้กำกับวูฮยอนกูจะทำหรือไม่ เขาก็ทำได้เพียงจ้องมองไปยังที่ว่างอย่างเลื่อนลอย หลังจากนั้นประมาณ 10 วินาทีหรือเปล่าไม่ทราบได้? ทันใดนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดยูทูปเพื่อหายูทูปเบอร์ที่เป็นแหล่งข่าวของการเปิดโปงที่เขาเห็นในบทความ

ที่น่าสนใจคือ

“นี่มัน··· บ้าจริง”

เขาไม่จําเป็นต้องค้นหาเลย วิดีโอที่เขาต้องการนั้นขึ้นอันดับหนึ่งของวิดีโอที่กำลังมาแรงของการจัดอันดับวิดีโอแบบเรียลไทม์แล้ว

-ช็อก!! ด้านมืดที่เลวร้ายของปรมาจารย์ผู้กำกับวูฮยอนกู! สําหรับเขาการล่วงละเมิดทางเพศเป็นยาเสพติดงั้นเหรอ?! เหยื่อทุกคนต่างรู้สึกเจ็บแค้นเศร้าโศก

-IssueKingTV

- ผู้ชม 303,128 / 2020. 3. 23

อัปโหลดเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ก็มียอดวิวทะลุ 300,000 ครั้งแล้ว

มันจะมียอดวิวเกินกว่าหนึ่งล้านวิวภายในวันนี้ได้อย่างง่ายดายเลย

ผู้กำกับวูฮยอนกู จากปรมาจารย์กลายเป็นไอ้เลวใหญ่โต ชีวิตการทำงานของเขาหลายทศวรรษกำลังพังทลายลงในพริบตา ไม่แปลกใจที่ผู้กำกับวูฮยอนกูจะตกใจ

“······อ่า เดี๋ยวก่อนสิ เหมือนมันมีอะไรผิดปกติ”

ขณะที่ผู้กำกับวูฮยอนกูยกมือที่สั่นเล็กน้อยขึ้นเพื่อแตะวิดีโอ

-♬♪!!

เสียงเรียกเข้าดังกรี๊งกร๊างมาจากโทรศัพท์ของเขา มีคนโทรมา แน่นอนว่าอีกฝ่ายคือบริษัทภาพยนตร์บ๊อกซ์มูฟวี่ที่เขามีสัญญาด้วย ตอนนั้นเอง ความคิดของผู้กำกับวูฮยอนกูก็หยุดชะงักไปหมด

แต่โทรศัพท์ของเขาก็ยังคงรัวมาไม่หยุด

ทันทีที่เสียงเรียกเข้าหยุด...

-♬♪,♬♪,♬♪!

เสียงแจ้งเตือนต่าง ๆ ดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ผู้กำกับวูฮยอนกูที่กำลังจ้องมองโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ ก็โยนมันทิ้งไปราวกับว่ามันเปื้อนอุจจาระ   แต่มันก็ยังคงมีเสียงแจ้งเตือนดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

-♬♪,♬♪,♬♪,♬♪!

ผู้กำกับวูฮยอนกูตัวสั่นราวกับหนาว เขาพึมพำเบา ๆ ว่า

“แย่แล้ว กูซวยแน่”

มันฟังดูเหมือนคำพิพากษาประหารชีวิตก็ไม่ปาน

ในขณะเดียวกัน

ยามนั้น คังวูจินอยู่ในสตูดิโอกำลังจะเริ่มถ่ายทำ จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในสตูดิโอแห่งนี้ มีนักแสดงนำของละคร 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' มารวมตัวกันที่นั่น

การจัดแต่งสตูดิโอคล้ายกับโรงภาพยนตร์

เก้าอี้หลายตัวถูกวางไว้ตรงกลางเวทีสตูดิโอ เหล่านักแสดงหลัก รวมถึงรยูจองมินที่สวมใส่เสื้อคลุมยาว และฮงฮเยยอนที่มัดผมยาวอย่างสวยงาม ต่างก็นั่งอยู่บนเก้าอี้เหล่านั้น และที่ปลายสุดของแถว

“……”

คังวูจินผู้รับบทเป็น ‘รองหัวหน้าพัค’ นั่งอยู่เงียบ ๆ เขาแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว และเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินของเขาก็ดูเข้ากับเขามาก แม้จะอยู่ท่ามกลางนักแสดงแถวหน้ามากมาย แต่เขาก็ไม่ดูแปลกแยกเลย เพราะวันนี้เขาไม่ใช่รองหัวหน้าพัค แต่เป็นนักแสดงคังวูจิน การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นของเขาจึงดึงดูดความสนใจของเหล่านักแสดงแถวหน้าที่นั่งอยู่เป็นแถว

อ๋อ ยกเว้นเพียงฮงฮเยยอน

ซึ่งทางรยูจองมินที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวแรก เขาได้เปลี่ยนทรงผมยาวของเขาเป็นทรงดัดสั้นเพื่อให้เข้ากับบท ‘ยูจีฮยอง’ ผู้เป็นพระเอกของเรื่อง

‘ฉันคิดว่าทรงผมเดิมก็ไม่ได้แย่ แต่พอแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จ หน้าตาเขาก็ดูดีขึ้นเป็นกองเลย’

เหล่านักแสดงนำอย่าง จางแทซันและอีโดจอง ต่างก็แอบมองคังวูจิน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกันอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่การอ่านบทละครอันน่าตกตะลึง คังวูจินก็ยังคงเต็มไปด้วยปริศนา อีกทั้งเขาไม่ได้สนิทสนมกับนักแสดงคนอื่น ๆ มากนัก

“บรรยากาศตึงเครียดอีกแล้ววันนี้ แต่นักแสดงคนนั้นมีกี่หน้ากันนะ? เขาเหมือนเป็นคนละคนเลยหลังจากที่กำจัดลุคของรองหัวหน้าพัคออกไปแล้วเลย แถมยังแต่งตัวได้เท่อะไรขนาดนี้’

‘โอ้โห เขาไม่เหมือนกับตอนที่เขาแสดงเป็นรองหัวหน้าพัคเลยไม่ใช่เหรอ?’

นอกจากนั้น คำว่า ‘เรียนรู้ด้วยตัวเอง’ และการแสดงของคังวูจินก็ยังคงติดอยู่ในใจของเหล่านักแสดง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงกระตือรือร้นในการฝึกซ้อมบทบาทหลังจากการอ่านบท และมันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไป ดังนั้นบรรยากาศจึงเป็นแบบนี้กระมัง

จะว่ายังไงดี มันดูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก?

ในทางกลับกัน คังวูจินนั้นเคร่งขรึมราวกับแม่ทัพก่อนวันออกรบ สีหน้าของเขาที่ไม่เปลี่ยนแปลงนั้นโดดเด่นยิ่ง ราวกับว่าเขาต้องการแสดงให้เห็นว่าความเย็นชาที่แท้จริงเป็นยังไง แน่นอนว่านี่เป็นมุมมองจากมุมมองของนักแสดงคนอื่น ๆ เท่านั้น

'อา- ฉันต้องตดสักหน่อย ทำไมฉันถึงไม่เข้าห้องน้ำก่อนหน้านี้กันล่ะ?’

ตอนนี้คังวูจินรู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย เขาอยากผายลมออกไป แต่เขาประมาทไม่ได้ คังวูจินออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อหูรูดเพื่อกลั้นอารมณ์ความรู้สึกที่ตึงเครียดประหลาดนั้นไว้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวละครที่เขาสวมบทบาท

ส่วนเหตุผลที่พวกเขามารวมตัวกันก็เรียบง่าย

เพื่อเป็นการถ่ายทำบทสัมภาษณ์นักแสดงที่จะนำไปใช้หลังออกอากาศอย่างเป็นทางการ  รูปแบบมันก็คล้ายกับตัวอย่าง และในบรรดาทีมงานหลายสิบคนที่กำลังดูนักแสดงบนเวที มีบางคนกำลังพึมพำด้วยความสงสัยอยู่

“คังวูจินก็จะร่วมสัมภาษณ์ด้วยเหรอ?”

“พวกเขาบอกว่ากำลังถ่ายรูปเพื่อใช้หลังออกอากาศครั้งแรก รวมถึงคังวูจินด้วย ดูเหมือนพวกเขาจะสัมภาษณ์ตัวร้ายทั้งหมดทั้งสี่คนเลย แต่วันนี้แค่เฉพาะคังวูจินเท่านั้น”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว แต่คังวูจินจะไม่เปลี่ยนไปเยอะเกินไปหน่อยเหรอ? ก่อนหน้านี้ตอนอ่านบทเขาดูเหมือนรองหัวหน้าพัคมาก แต่ว่าวันนี้เขาดูเป็นแค่นักแสดง ฉันคิดว่าเขาดูหล่อขึ้นมากกว่าเดิมเลยนะ”

"ใช่ไหมล่ะ? ฉันประหลาดใจมากเลยนะเมื่อเห็นเขาตอนแรก”

ตอนนั้นเอง

-เอี๊ยด

PDซงมันวูผู้มีหนวดเคราแพะ ซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อยู่นอกห้อง เดินเข้ามาในสตูดิโอ เขาโบกมือเรียกทีมงานที่เดินผ่านไปมาให้รีบเข้ามาละเดินตรงไปยังเวทีหลักที่นักแสดงนั่งอยู่ จากนั้นเขาก็หยุดชะงักไป

"อืม..."

เมื่อเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยของชายคนหนึ่งท่ามกลางทีมงานหลายสิบคน เขาก็เดินเข้าไปหา

“คุณภูมิใจไหมครับ? ที่ได้นักแสดงของคุณสองคนอยู่ตรงนั้น แถมพวกเขายังเป็นตัวละครหลักของละครเรื่องของเราด้วย”

ซีอีโอชเวซองกุนยิ้มตอบให้กับ PDซงมันวู

“ก็นะครับ ทั้งสองคนมีบุคลิกที่พิเศษไม่ธรรมดาเลย ผมว่าในอนาคตพวกเขาคงจะสร้างปัญหามากมายอีกแน่”

“คำว่าพิเศษที่คุณพูดถึงคง ไม่ได้หมายความแค่บุคลิกของพวกเขาใช่ไหมครับ?”

"ฮ่าฮ่า แน่นอนครับ โดยเฉพาะคังวูจินเลย ผมคาดหวังกับเขามาก”

“อืม ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นจะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่ดูท่ามันคงจบตั้งแต่คังวูจินเลือกไม่เข้าร่วมโปรเจคต์ของผู้กำกับวูฮยอนกูใช่ไหม?”

“ใช่ครับ มันจบแล้ว คือแบบว่า ผมไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกูเลย ทั้งหมดเพราะคำว่าสัญชาตญาณ...แล้วเราจะทำยังไงได้ล่ะครับ? คุณคังวูจินเขาดื้อรั้นมากเลย”

คำว่า 'สัญชาตญาณ' ทำให้ PDซงมันวูหัวเราะออกมา มันทําให้เขานึกถึงคนที่ 'ยึดมั่นหลักการปานเสา' ไม่มีผิด

“ผมเองก็ตั้งหน้าตั้งตารอเลยล่ะครับ”

"ครับ? ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงครับ?”

“เปล่า แค่พูดกับตัวเอง”

ตอนนั้นเอง บรรดาทีมงานรอบ ๆ PDซงมันวูและซีอีโอชเวซองกุนเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเล็กน้อย  ด้วยเหตุนี้ PDซงมันวูจึงขมวดคิ้วและเรียกผู้ช่วยผู้กำกับให้เข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมเสียงดังแบบนี้?”

ผู้ช่วยผู้กำกับ ซึ่งกำลังเหลือบมองโทรศัพท์ของเขา รีบเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เขาดูตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็แสดงหน้าจอโทรศัพท์ของเขาให้ PDซงมันวูดู

“ผมเพิ่งเจอบทความนี้ครับ ข่าวมันใหญ่มาก”

PDซงมันวูและซีอีโอชเวซองกุนเอียงคอ มองดูหน้าจอโทรศัพท์ บทความนี้มีชื่อเรื่องที่ค่อนข้างน่าตกใจพอสมควร

『[ข่าวด่วน] เบื้องหลังอันน่ารังเกียจของ ‘ผู้กำกับระดับปรมาจารย์' วูฮยอนกู ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังชื่อเสียง... ยูทูปเบอร์ผู้ติดตาม 900,000 คน ได้เผยแพร่ความเลวร้ายของผู้กำกับ』

ขณะที่ดูบทความนี้อยู่ PDซงมันวูก็ขมวดคิ้ว คว้าโทรศัพท์ของผู้ช่วยผู้กำกับ จากนั้นเขาก็เริ่มอ่านเนื้อหาของบทความอย่างละเอียด ซีอีโอชเวซองกุนเองก็มองมันด้วยสีหน้าจริงจัง

ในไม่ช้า พวกเขาก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

“นั่นมัน… ผู้กำกับวูฮยอนกู”

"ผู้กำกับวูฮยอนกู ใช่คนที่เรารู้จักใช่ไหม?”

จากเนื้อหาของบทความ ยืนยันแล้วว่าวูฮยอนกูผู้กำกับฝีมือฉกาจชื่อดังนั้นจบเห่แล้ว และทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนเลย

"เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย จู่ ๆ ก็เป็นแบบนี้เลยงั้นเหรอ?"

"ผมก็ว่างั้น! มันรวดเร็วเกินไปแล้ว······แต่เนื้อหาข่าวดูไม่น่าจะเป็นแค่ข่าวลือไร้สาระนะ?"

"มีข่าวอื่นอีกไหม?"

PDซงมันวูก็เช็คข่าวอื่น ๆ อย่างรีบร้อน ต่อมาไม่นาน บทความเกี่ยวกับผู้กำกับวูฮยอนกูก็แพร่กระจายไปทั่ววงการบันเทิงอย่างรวดเร็ว นักข่าวที่มีลักษณะเหมือนแร้งที่ได้กลิ่นเหยื่อ ต่างมุ่งเป้าโจมตี

ชีวิตของผู้กำกับวูฮยอนกูเหมือนโดนระเบิดนิวเคลียร์ถล่มไม่หยุดหย่อน

ทันใดนั้น

“!!!”

แววตาของPDซงมันวูเบิกกว้างขึ้นอย่างฉับพลัน

"เดี๋ยวก่อน ถ้ามันเป็นแบบนี้..."

"······ครับ?"

ซีอีโอชเวซองกุนผู้ถามคําถามขึ้นมา ก็คล้ายเข้าใจบางอย่างลึกซึ้ง

"จริงสิ"

ในไม่ช้า PDซงมันวูที่กำลังก้มมองโทรศัพท์และซีอีโอชเวซองกุนก็หันไปมองกันเอง พวกเขามองไปที่เวทีหลักที่นักแสดงกำลังนั่งอยู่ หรือจะพูดให้แม่นยำกว่านั้น พวกเขากำลังมองไปที่

"สัญชาตญาณ"

"สัญชาตญาณนั้น"

พวกเขามองไปยังคังวูจิน ที่กำลังนั่งนิ่งกลั้นลมตดอยู่บนเวที มันเป็นสถานการณ์ที่ง่ายต่อการเกิดความเข้าใจผิดมาก พวกเขาดันเข้าใจไปว่าสัญชาตญาณอันน่าหวาดหวั่นของนักแสดงสัตว์ประหลาดอัจฉริยะคนนี้ช่างน่าทึ่งเกินไปแล้ว

ดังนั้น PDซงมันวูและซีอีโอชเวซองกุนชเวจึงตกตะลึงอย่างมาก

'นี่มันเกินกว่าเรื่องสัญชาตญาณไปแล้ว! หรือว่าเขาเห็นอนาคตได้??’

'เขาเป็นอะไรกัน? เขาได้รับการประทานพรวิเศษงั้นหรือ? ทำนายอนาคตด้วยสัญชาตญาณงั้นเหรอ? มันเป็นไปได้ยังไง??!’

ข่าวของผู้กำกับวูฮยอนกูแพร่กระจายไปถึงเหล่านักแสดงบนเวทีด้วย จุดเริ่มต้นมาจากจางแทซันที่กำลังนั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์อยู่

“เอ๊ะ? นี่มันอะไรกัน? ว้าว เขาบ้าไปแล้ว ผู้กำกับวูฮยอนกูโดนแฉเหรอ?”

เสียงพึมพำของเขาเรียกความสนใจจากนักแสดงคนอื่น ๆ อย่างรยูจองมินและฮงฮเยยอน   แต่คังวูจินที่นั่งอยู่ปลายแถวยังคงนั่งหน้านิ่งเฉยราวกับไม่สนใจสิ่งใด แต่ภายในใจเขากลับรู้สึกต่างออกไป

เขากังวลมาก

'เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เอ่อ อยากรู้ที่สุดเลย'

ถึงจะไม่สามารถยืนยันข่าวว่ามันถูกต้องหรือไม่ นักแสดงคนอื่น ๆ ต่างพากันอ้าปากค้างบ้าง ตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจและตกตะลึงกันไปหมดแล้ว

"บ้าแล้ว······ นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ??"

"ฉันก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าผู้กำกับวูฮยอนกูต้องเจอเรื่องอะไรสักอย่างเข้าสักวัน เขามันเป็นคนนิสัยเสียอยู่แล้ว"

"ถึงยังไงเขาก็เกินเลยไปหน่อยนะ ตอนนี้เขาเป็นอาชญากรแล้วใช่ไหม? เราอยู่ในยุคนี้แล้ว ยังมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกเหรอ?"

"บทความเล่าละเอียดมาก มีผู้เสียหายหลายคน ว้าว จบเห่ทั้งผู้กำกับวูฮยอนกูและบ็อกซ์มูฟวี่เลย พวกเขาเริ่มสร้างฉากภาพยนตร์ไปแล้วสิ แถมนักลงทุนก็เข้ามาด้วย"

"ผู้กำกับวูฮยอนกูจบแน่ ถ้ามันจบลงแบบนี้บทลงโทษคงหนักมาก"

เหล่านักแสดงต่างพูดคุยกันไปต่าง ๆ นา ๆ แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องของผู้กำกับวูฮยอนกู ไม่มีใครสนใจคังวูจินที่นั่งอยู่ท้ายสุดเลย

แต่ท่ามกลางกลุ่มนักแสดงที่ยืนคุยกันอยู่นั้น มีเพียงคนเดียวเท่านั้น

“······?”

มีเพียงฮงฮเยยอนเท่านั้นที่หันกลับไปมองคังวูจินในตอนนี้

"เขาบอกว่ามันเป็นสัญชาตญาณใช่ไหม? แต่ทำไมมันแม่นยำขนาดนี้?  หรือเขารู้มาตลอด?  ไม่งั้นก็อธิบายเรื่องนี้ไม่ได้หรอก······'

ดวงตาโตอยู่แล้วของเธอก็เบิกกว้างขึ้นไปอีก

ในไม่ช้า คังวูจินที่สังเกตเห็นสายตาของเธอก็ค่อย ๆ สบตากับฮงฮเยยอน ใบหน้านิ่งเฉยของเขายังคงเดิม เมื่อเป็นเช่นนั้น ฮงฮเยยอนก็ขมวดคิ้วหลังจากสบเข้ากับสายตาที่จ้องมาของคังวูจิน

'แปลกมากที่เขายังคงใจเย็นในสถานการณ์แบบนี้ได้ คุณมันเป็นตัวอะไรกันแน่??'

แม้ว่าท่าทางภายนอกจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ภายในใจคังวูจินกลับแอบหวั่นเล็กน้อย

'···หรือเธอจับได้? ฉันอุตส่าห์ปล่อยลมอย่างเงียบแท้ ๆ'

เขาสงสัยว่าตัวเองโดนจับได้ตอนผายลมเบา ๆ หรือเปล่า

ต่อมา

ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่คังวูจินเริ่มถ่ายทำบทสัมภาษณ์ บทความเกี่ยวกับผู้กำกับวูฮยอนกูก็เริ่มปรากฏเต็มไปหมดตามเว็บไซต์ต่าง ๆ

『[ข่าวด่วน] ยูทูปเบอร์เปิดโปงความจริงอันน่ารังเกียจของวูฮยอนกู ผู้กำกับระดับ 'ปรมาจารย์' ยอดชมวิดีโอพุ่งทะยานไปแล้ว』

『วิกฤตในวงการภาพยนตร์! เหยื่อคุกคามทางเพศล่วงละเมิดกว่า 5 คน ผู้กำกับระดับ 'ปรมาจารย์ วูฮยอนกูยังคงนิ่งเฉย』

ข่าวฉาวโฉ่ของผู้กำกับวูฮยอนกูถูกตีแผ่ทีละบทความอย่างละเอียด มันเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น ก่อนที่เรื่องราวจะแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ผ่านปากและนิ้วมือของประชาชนที่ให้ความสนใจ ส่วนทางด้านผู้กำกับวูฮยอนกูยังคงนิ่งเฉย ไร้ซึ่งการชี้แจงใด ๆ

ในขณะที่โลกโซเชียลเต็มไปด้วยข่าวฉาวของผู้กำกับวูฮยอนกู

ช่วงบ่ายแก่ ๆ การถ่ายทำบทสัมภาษณ์กับเหล่านักแสดงที่รวมถึงคังวูจินก็เสร็จสิ้นลง  ทีมงานหลายสิบคน แม้กระทั่งระหว่างที่กำลังเก็บกวาด ต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องของผู้กำกับวูฮยอนกูกัน

เช่นเดียวกันกับเหล่านักแสดงที่ยังไม่ลุกออกจากเก้าอี้ ในตอนนั้นเอง ฮงฮเยยอนก็ลุกขึ้นยืนทันที

-พึบ

เธออยู่ใกล้ ๆ คังวูจินที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเขา ในไม่ช้ากลิ่นหอม ๆ ก็ลอยอยู่รอบตัวคังวูจิน แต่เขายังคงทำหน้านิ่งเฉย ฮงเฮยอนจึงกระซิบเบา ๆ ข้างหูเขาไปว่า

“คุณรู้ใช่ไหม?”

"อะไรเหรอครับ?"

“เรื่องผู้กำกับวูฮยอนกู คุณรู้ใช่ไหม?”

อ๋อ เรื่องนั้นเหรอ? คังวูจินได้ยินเรื่องอื้อฉาวของผู้กำกับวูฮยอนกูมาบ้างแล้ว

แต่ต่างจากนักแสดงคนอื่น ๆ ปฏิกิริยาของเขาไม่ได้รุนแรงอะไรนัก เพราะเขามีเพียงความคิดว่า ‘ก็ไม่แปลกใจที่เป็นแค่ผู้กำกับ ระดับ F’ แค่นั้นเอง เพราะเขารู้เบาะแสเกี่ยวกับอนาคตมาแล้ว แน่นอนว่าภายในใจเขาก็อยากสาปส่งผู้กำกับคนนี้เหมือนกัน

แต่เขาพูดออกไปดัง ๆ ไม่ได้

จริง ๆ แล้ว คังวูจินไม่ได้คาดคิดเลยว่าผู้กำกับระดับ F จะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาคิดว่าหนังมันน่าจะเจ๋งจนคนดูลดลงฮวบ ๆ เท่านั้น  หรืออาจเป็นเรื่องเล็กน้อย เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้เลย

‘ฉันคิดว่าอย่างน้อยหนังก็น่าจะได้ฉายเสียอีก’

หลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน เมื่อถึงเวลานั้นความจำของผู้คนก็จะเลือนลางไปบ้าง และอาจจะพอมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ แต่เรื่องราวมันกลับแดงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์

‘ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน พอเป็นงี้สัญชาตญาณของฉันมันคงดูเหมือนการทำนายอนาคต ใช่ไหม? เอ๊ะ จะว่าไปมันก็ดูคล้าย ๆ กันหรือเปล่า?’

คังวูจินผู้ที่มองฮเยยอนยังคงแสดงความเฉยชาออกมา แต่ในใจกำลังครุ่นคิดบางอย่าง แต่เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนั้น เขากลับคิดว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ดีเหลือเกินที่ครั้งนี้เขาผ่านมันไปได้โดยไร้ปัญหา

ยังไงก็ไม่มีหลักฐานอะไรอยู่แล้ว

คุณจะทำอะไรได้โดยไม่มีหลักฐาน? จากมุมมองของคังวูจิน คำว่า "สัญชาตญาณ" ดูเหมือนจะถูกใช้บ่อยในอนาคต งั้นมันก็คงจะดีกว่าถ้าคนอื่นเกิดเข้าใจผิดแบบนี้ แต่ยามนั้นเองคังวูจินก็ต้องรู้สึกหวั่นไหวพอสมควร เพราะฮงฮเยยอนที่เดินประชิดตัววูจินได้ถามอีกครั้ง กลิ่นไอหอมรัญจวนยิ่งขึ้น

"คุณบอกว่าคุณปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกูเพราะสัญชาตญาณของคุณ แต่ มันตรงเป๊ะเลยนะคะ"

เขาได้แต่พยายามควบคุมสีหน้าตัวเองไว้

"เอ่อ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ"

คังวูจินหลังจากควบคุมจิตใจของตนอย่างหนักแล้ว เขาก็พึมพำคำตอบที่เตรียมไว้

“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

" ... บังเอิญ?"

“ใช่ เป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

ฮงฮเยยอนจึงยิ่งจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้น

"คุณปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกู ด้วยการบอกว่ามันเป็นสัญชาตญาณของคุณเอง แล้วมันดันไปตรงกับเรื่องที่เกิดขึ้นพอดี จะบอกว่ามันบังเอิญแล้วทุกคนตื่นตูมกันไปเอง?"

“นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้น”

"ไม่หรอก มันไม่สมเหตุสมผลเลย...งั้นทำไมคุณถึงใจเย็นขนาดนั้นกันล่ะ?"

"แล้วผมควรจะตื่นเต้นเหรอ?"

ทันใดนั้นเอง ซีอีโอชเวซองกุน หนุ่มตาตี่รีบวิ่งขึ้นมาบนเวที เขาก็เข้ามาประชิดตัวคังวูจินทางด้านขวาเช่นกัน

"คังวูจิน ได้โปรดอธิบายเกี่ยวกับเรื่องผู้กำกับวูฮยอนกูด้วย”

“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญครับ”

"อืม.. ใช่ ๆ ถูกแล้ว? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่มันช่างจังหวะพอดีเหลือเกินนะ"

ชีอีโอชเวซองกุนพูดจ้อไม่เป็นภาษา เมื่อมองไปยังใบหน้าของคังวูจิน อีกฝ่ายยังคงมีใบหน้าแน่วแน่ ไร้ซึ่งความลังเล มันไม่น่าจะเป็นการโกหกเลย ไม่สิ มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ ๆ มันไม่น่าจะเป็นการโกหกได้หรอก

เพราะถ้าไม่ใช่...

'เขาคงจะเป็นมนุษย์ต่างดาวแล้ว'

ไม่มีทางเลยที่หากรู้อนาคตแล้วจะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

'ช่างเถอะ สัญชาตญาณของเขามันสุดยอดขนาดนี้เลยเหรอ? แต่เขายังไม่เคยเจอกับผู้กำกับวูฮยอนกูด้วยซ้ำนะ? นี่มันเหมือนสัญชาตญาณของสัตว์ประหลาดอัจฉริยะเลย... แต่ทำไมเขาถึงไม่แยแสเรื่องนี้อะไรเลยล่ะ?'

และนอกเวที มีคนที่กำลังมองดูคังวูจิน ผู้ที่กำลังถูกขนาบข้างระหว่างฮงฮเยยอนกับซีอีโอชเวซองกุน

‘มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็จริง แต่ทำไมทุกอย่างมันจะลงตัวขนาดนั้น?  ปัญหาคือสัญชาตญาณของเขาที่สามารถทำนายสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำต่างหาก'

คนที่มองอยู่นั้นคือ PDซงมันวู

สำหรับเขา คังวูจินถือเป็นคนที่แปลกประหลาดอยู่แล้ว เป็นนักแสดงฝีมือฉกาจฉกรรจ์ที่มีอดีตอันคลุมเครือ

'สัญชาตญาณงั้นเหรอ?...ถึงฟังดูแล้วมันจะเหมือนเรื่องตลก แต่ ณ จุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรก็ตาม มันเหมือนกับการที่เทพลงมาแทรกแซงจากสวรรค์ไม่มีผิดชัด ๆ '

PDซงมันวูที่กำลังพึมพำกับตัวเอง ขยับเท้าเพื่อจะเข้าไปหาคังวูจิน แต่แล้ว...

ฟื้ด

ในยามนัน้เอง สายตาของคังวูจินและPDซงมันวูก็สบกัน ตอนนั้นเองที่คังวูจินรู้ว่าPDซงมันวูอยู่ใกล้ ๆ

'อา อย่าบอกนะว่าลุงนี่จะเข้ามายุ่งด้วยอีกคนเหรอ?  ได้โปรดรอก่อนเถอะนะ’

PDซงมันวูผงะไป เมื่อเห็นดวงตาไร้ความรู้สึกอันดูโหดเหี้ยมของคังวูจิน

คังวูจินยังคงใจเย็นอย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีอะไรน่าแปลกใจสำหรับเขาเลย

สำหรับตัวประหลาดคนนี้ มันคงจะเป็นเรื่องปกติประจำวัน

ซึ่งในสตูดิโอใหญ่แห่งนี้ ไม่มีใครรู้เลยว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่…

'สถานการณ์แบบนี้ มันคงจะเกิดขึ้นบ่อยมากแน่ ในอดีตของเขาอันมืดมน โดดเดี่ยวและไร้ซึ่งผู้ใดรับรู้’

ความผิดพลาดและความเข้าใจผิด กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแค่ในThai-novelและMy-Novelเท่านั้น

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด