บทที่ 34 ผู้เชี่ยวชาญ (6)
บทที่ 34 ผู้เชี่ยวชาญ (6)
“คุณจะไปดูการแสดงของรยูจองมินเหรอ?”
เมื่อPDซงมันวูถาม ผู้กำกับควอนกีแท็กตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะผ่านโทรศัพท์
“ถูกต้องครับ ที่จริงผมแค่ถามคุณก็ได้ PDซงมันวู แต่นิสัยผมมันเป็นแบบนี้ ต้องเห็นด้วยตาตัวเองถึงจะพอใจ”
“คุณหมายถึงจะมาชมฝีมือการแสดงใช่ไหม ที่คุณพูดว่าจะมาชม ‘การแสดง’?”
"ก็แบบนั้นแหละครับ เพราะพอดีช่วงนี้ผมไม่ค่อจะมีเวลาได้ดูการแสดงของเขา นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้ร่วมงานกับรยูจองมิน เพื่อนคนนี้”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้กำกับจะไปเยี่ยมกองถ่ายเพื่อประเมินทักษะของนักแสดง แม้แต่ระดับปรมาจารย์อย่างผู้กำกับควอนกีแท็กก็ยังทำเป็นบางครั้ง แต่ PDซงมันวูกลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายกำลังจะมาดูรยูจองมิน ที่เป็นถึงนักแสดงเบอร์ต้น ๆ
'รยูจองมินฝีมือเก่งกาจขนาดนั้น ไม่เห็นต้องเช็คฝีมือหรอก'
ฝีมือการแสดงของเขาได้รับการพิสูจน์มาแล้วจากผลงานและประสบการณ์มากมาย หลายครั้งที่นักแสดงรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้ ดังนั้นโดยปกติแล้ว ผู้กำกับคัดเลือกนักแสดงโดยจะลอบไปตรวจสอบนักแสดงชั้นนำแค่นั้น แต่ถึงกระนั้น ผู้กำกับควอนกีแท็กกลับยังเลือกเดินทางไปด้วยตัวเอง
ณ จุดนี้เอง PDซงมันวูเริ่มจับทางนิสัยของผู้กำกับได้
'เขามีความพิถีพิถัน ดื้อดึง และให้ความสำคัญกับฝีมือของนักแสดงมากกว่าชื่อเสียงสินะ'
ทันใดนั้น
'อ่า'
ใบหน้าเรียบเฉยของคังวูจินพลันผุดขึ้นมาในใจของPDซงมันวู จากนั้นเขาก็ยิ้มบาง ๆ
'ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็คงไม่สามารถเพิกเฉยต่อสัตว์ประหลาดอัจฉริยะตัวนั้นได้หรอก'
กลับไปที่ร้านเสริมสวยขนาดใหญ่ ในย่านชองดัมดงที่ชั้น 3
คังวูจินที่ส่องในกระจก เขาดูเหมือนเป็นคนละคน เขาได้รับการยกระดับจนถึงขนาดนั้นเลย ในไม่ช้า วูจินก็อุทานออกมา
แน่นอนว่าเขาอุทานในใจของเขา
'ว้าว - นี่มันบ้าไปแล้ว คนเราเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้เลยเหรอ?? ร้านเสริมสวยนี้สุดยอดมากเกินไปแล้วไหม?'
จากนั้นเอง ช่างทำผมผมสีบลอนด์ก็เริ่มอธิบายขณะที่สัมผัสผมของคังวูจิน
“คุณคังวูจิน ผมของคุณหนาและรูปศีรษะของคุณสวยได้รูป ดังนั้นทรงไหนมันก็เข้ารูปทั้งนั้นเลยค่ะ วันนี้เรามาลองอะไรที่ดูเรียบร้อยสำหรับการถ่ายภาพโปรไฟล์ของคุณดีกว่าเนอะ”
ทว่า คังวูจินผู้ที่มีประโยคประจำร้านตัดผมเพียงแค่ ‘ตัดสั้น ๆ ครับ’ ทำให้คำอธิบายของเธอเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
ในกรณีเช่นนี้ การคล้อยตามเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
"ครับ ดีครับ"
“ฉันดัดลอนแบบกดทับลงไป เพราะด้านข้างมันดูไม่ชัดเจน ส่วนผมด้านหน้าและบนศีรษะเป็นแบบนี้ แค่เซ็ทมันเบา ๆ ก็พอแล้ว คุณเห็นใช่ไหมคะ? ถ้าเกิดมันดูจืดชืดไปหน่อย ให้ทำแบบนี้ เข้าใจไหมคะ?”
“ผมเข้าใจครับ”
เขาไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ช่างทำผมก็โฟกัสเพียงที่เสียงของคังวูจิน
“แหม นี่เสียงของคนเพิ่งเข้าวงการเหรอคะ? ทำไมดูพูดจิกกัดจัง?”
เปล่าหรอกครับ แค่แสร้งพูดไปเท่านั้นเอง คังวูจินช็คดูรูปลักษณ์ที่เสร็จสมบูรณ์อีกครั้งในกระจก ด้วยผมสั้นที่ตัดอย่างเรียบร้อยและผมม้าที่ยกขึ้น มันก็เผยให้เห็นหน้าผากบางส่วนของเขา
'ฉันนึกว่ามีแต่นางแบบนิตยสารเท่านั้นที่มีผมแบบนี้กัน'
เมื่อมองดูใกล้ ๆ คังวูจินก็ยิ้มกริ่มในใจ เขาคิดว่าตัวเองดูไม่เลวเลยทีเดียว ช่างตัดผมจึงแกะผ้าที่คลุมอยู่รอบตัวคังวูจินออก
“คุณคังวูจิน ใบหน้าดั้งเดิมของคุณดีอยู่แล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนสไตล์เพียงเล็กน้อยย่อมสามารถสร้างความแตกต่างให้กับภาพลักษณ์ของคุณได้มากเลยค่ะ ตอนนี้ฉันจะแต่งหน้าเบา ๆ ให้นะคะ”
แวบหนึ่ง ความเหนื่อยล้ามากมายพลันถาโถมเข้ามาหาคังวูจิน แต่เพราะมีสายตาเฝ้าสังเกตมากมายรอบตัว เขาจึงต้องรักษาบุคลิกภาพแบบมืออาชีพไว้
"ทำต่อเลยครับ"
ทันใดนั้น ช่างแต่งหน้าที่เตรียมเครื่องสำอางไว้ก็ปรบมือแล้วพูดว่า
“อ๋อ และซีอีโอชเวชองกุนยังขอให้คุณลองใส่อันนี้ด้วยนะคะ”
เธอยื่นของบางอย่างให้คังวูจิน มันเป็นเสื้อสูทคลุมมาพร้อมโลโก้แบรนด์หรู
“สูทงั้นเหรอครับ? สำหรับถ่ายรูปโปรไฟล์สินะ โอ้ มีรองเท้าด้วย”
เมื่อมองไปยังเสื้อสูทคลุมและกล่องรองเท้าที่วางอยู่ข้างเก้าอี้ คังวูจินมองไปรอบ ๆ แต่ซีอีโอชเวซองกุนไม่ได้อยู่ที่นั่น ช่างทำผมเดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมยิ้มให้
"ซีอีโอชเวซองกุนจะอยู่ที่ล็อบบี้ชั้น 1 ให้ฉันดูสีสูทก่อนนะคะ ฉันต้องให้เข้ากับโทนสีผิวของคุณ”
ช่างทำผม ผู้มีผมสีบลอนด์เป็นมืออาชีพตัวจริง เธอทำงานอย่างคล่องแคล่ว คังวูจินแค่ต้องนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่นานนัก เธอก็มองสูทด้านในอย่างรวดเร็วและพยักหน้า
“อืม สีกรมท่าเข้ากับสูทสวยดีค่ะ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีไหม?”
ประมาณ 40 นาทีต่อมา ที่ล็อบบี้ชั้น 1 ของร้านเสริมสวย
อย่างที่คาดไว้ สำหรับร้านเสริมสวยขนาดใหญ่ในย่านชองดัมดง ล็อบบี้ชั้น 1 มันจึงดูกว้างขวางมาก มีพนักงานทำงานอยู่มากมาย มุมหนึ่งของล็อบบี้ มีโซฟาสีขาวสำหรับแขกนั่งรอ และซีอีโอชเวซองกุนผู้มีทรงผมบ็อบกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น
พึ่บ
ซีอีโอชเวซองกุนกําลังนั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสาร สิ่งที่น่าสนใจคือ...
“อ่า ทำไมนานจัง?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฮงฮเยยอนก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน เธอนั่งบนโซฟาตรงข้ามซีอีโอชเวซองกุน ดูเหมือนเธอจะมีตารางงานในเร็ว ๆ นี้ด้วย เพราะเธอแต่งหน้าเต็มที่เลย และผมยาวของเธอสยายเป็นลอนเบา ๆ ความงามของเธอโดดเด่นยิ่ง ถึงเธอจะบ่น แต่ความสวยของเธอก็ยังขับกล่อมออกมาอย่างโดเด่น ทางซีอีโอชเวซองกุนผู้กำลังอ่านนิตยสารจึงตอบกลับอย่างสบาย ๆ ไปว่า
“เธอเป็นมือใหม่หรือไง? นี่คือเรื่องพื้นฐานเลยนะ ทําไมเธอถึงคร่ำครวญอย่างเดียวเลย? ตอนที่ PDซงมันวูโทรมาก่อนหน้านี้ ก็ดูเหมือนเธอจะไป แต่ทำไมเธอถึงลังเลล่ะ? ถ้าเธอยุ่ง ก็รีบไปเถอะ”
"ว้าว อะไรเนี่ย ไหงพี่กำลังปฏิบัติต่อฉันเหมือนข้าวต้มเหลือกัน? เพราะพี่มีนักแสดงคนที่สองเหรอ? ฉันควรย้ายไปอยู่สังกัดอื่นดีไหมนะ?”
“ทำสิ ไปเลย กี่ปีแล้วที่เธอขู่ด้วยเรื่องนั้น? เหอะ ฉันแค่บอกให้คังวูจินลองสูท เพราะงั้นมันเลยน่าจะใช้เวลานานหน่อย”
ฮงฮเยยอนที่กำลังโกรธเคือง จู่ ๆ ก็มุ่ยริมฝีปากเล็กน้อย
"แต่ทําไมพี่ไม่ตัดสูทล่ะ? พี่พยายามประหยัดเงินตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ?”
“เฮ้อ น่ารำคาญชะมัด ไม่ ไม่ใช่เลย ฉันแค่รีบเอามาตัวหนึ่งอย่างรีบร้อน เพราะเราจะต้องถ่ายรูปโปรไฟล์วันนี้ไง”
“จะยังไงก็ช่างเถอะ”
ฮงฮเยยอนวางแขนไว้บนโต๊ะ เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างกะทันหัน
"แล้วคนประหลาดนั่น ปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกูจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่ ทำไปจริง ๆ ฉันเลยยังไม่เข้าใจสักนิดเดียว ปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกูแค่เพราะความรู้สึกหรือสัญชาตญาณบางอย่างเนี่ยนะ...มันไร้สาระ ไร้สาระมากเกินไปแล้ว พวกเธอทั้งคู่แปลกประหลาดเหมือนกันมาก แต่คังวูจิหนักกว่าหลายเท่า”
“พี่กำลังพูดอะไร ฉันก็เห็นด้วยจะตาย ผู้กำกับวูฮยอนกูน่ะเป็นพวกนิสัยเสีย”
ฮงฮเยยอนพึมพำ เท้าคางไว้กับมือ
‘ตอนเขาเลือก ‘สำนักงานนักสืบ’ ที่เป็นภาพยนตร์สั้นหลังจากเข้าร่วมละครเรื่องใหญ่ เขาก็คงจะมีสัมผัสหรือลางสังหรณ์อะไรอยู่เป็นแน่ เพราะตอนที่เธอไปดู ‘สำนักงานนักสืบ’ ด้วยตัวเอง เธอก็รู้ทันทีว่ามันเป็นผลงานที่ดีเหมือนกัน'
หญิงสาวที่เฝ้ามองคังวูจินมาตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้เธอเริ่มเข้าใจเขานิดหน่อย
'แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งที่เขาคิดจะถูกเสียหมด แต่การมีมุมมองที่ชัดเจนแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีแน่นอน ทว่า การปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกูโดยอ้างสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียวมันฟังดูบ้าไปหน่อยนะ'
ทันใดนั้นเอง
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์ล็อบบี้เปิดออก เผยชายคนหนึ่งสวมสูทสีกรมท่าที่ตัดเย็บอย่างพอดีเดินออกมา
-ตึก ตึก
เสียงรองเท้าของเขาเคาะกับพื้นล็อบบี้ ขณะที่เขาเดินช้า ๆ ผ่านไป พนักงานหญิงบางคนในร้านเหลือบมองเขาขณะที่เขาเดินผ่าน ชายคนนั้นมองไปรอบ ๆ ล็อบบี้ชั้นหนึ่ง
“อ้าว”
เขาสังเกตเห็นซีอีโอชเวซองกุนอยู่บนโซฟาเลยเดินตรงไปหาเขา ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟาที่ฮงฮเยยอนนั่งอยู่ก็เรียกซีอีโอชเวซองกุนอย่างแผ่วเบา
“ซีอีโอครับ”
จากนั้นซีอีโอชเวซองกุน ผู้ซึ่งกําลังดูนิตยสารของเขาอยู่ก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เขามองชายคนนั้นทันที
"อ้าว ใครน่ะ? ว้าว! หล่อมากเลยนะ? ว่าแล้วเชียว คุณคังวูจินคุณดูดีขึ้นมากเลยนะ แค่มีสูทและแต่งหน้า ใบหน้าของคุณก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเลย”
ชายในชุดสูทคือคังวูจิน แม้ภายนอกจะไร้อารมณ์ แต่ภายในเขากำลังหัวเราะด้วยความยินดี
‘ฉันชอบคำชมนะ สไตลิสต์ข้างบนก็ว่าฉันหล่อเหมือนกัน อืม ฉันไม่ได้รู้สึกแย่เลยแฮะ'
ขณะเดียวกัน ชเวซองกุนที่ลุกขึ้นจากโซฟาก็ยกนิ้วโป้งให้
“เหมือนพระเอกละครเลย แบบเป๊ะเลย”
ฮงฮเยยอน ผู้ซึ่งเท้าคางของเธอก็หันศีรษะไป ทางคังวูจินที่อยู่ข้างหลังเธอได้มองลงมา สายตาทั้งสองสบเข้าหากัน คังวูจินนั้นแสดงอาการก่อน
ภายในใจเขาประหลาดใจมาก
'ว้าว? นั่นฮงฮเยยอนเหรอ?? สุดยอด เธอน่าทึ่งเหมือนเคย เธอยังสวยเหมือนเดิมไม่มีผิด’
ภายนอกเขาดูเคร่งขรึม
“คุณมาด้วยเหรอ?”
แต่...
“······”
ฮงฮเยยอนไม่พูดอะไร เธอแค่จ้องมองคังวูจินด้วยสีหน้าท่าทางดูตะลึงเล็กน้อย พนักงานหญิงที่พาคังวูจินมาตอนแรกก็กรูกันเข้าไปหาเขา
“โอ้โห? เท่จัง!”
"ทรงผมนี้เข้ากับคุณมากเลย เหมือนยกระดับตัวเองขึ้นอีกขั้นเลย!"
“คุณเป็นนักแสดงจริง ๆ สินะคะ หล่อแต่ดูเข้ม ๆ เพราะบรรยากาศหรือเปล่านะ?”
แม้ว่าบางส่วนอาจจะเป็นคำยกยอหรือการประจบประแจง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคำชม คังวูจินรู้สึกเคอะเขิน ไม่สิ เขาเขินมากเลยต่างหาก แต่เขาต้องแสร้งทําเป็นอวดดีเข้าไว้
“ก็เพราะสไตลิสต์มีฝีมือ”
ฮงฮเยยอนที่ยังคงหันหลังอยู่ ได้จ้องมองคังวูจิน เธอไม่พูดอะไรอีกเลย ทางซีอีโอชเวซองกุนที่เห็นเธอเป็นแบบนั้นก็แตะไหล่เธอเบา ๆ
“เฮ้ เธอทำอะไรอยู่น่ะ?”
ฮงฮเยยอนรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เธอจึงไอเบา ๆ แล้วหยิบแม็กกาซีนที่อยู่ใกล้ ๆ มา
"อืม! คุณดูดีขึ้นกว่าเดิมนะ”
จากด้านหลัง เสียงเบา ๆ ของคังวูจินได้ดังขึ้น
“ขอบคุณครับ”
แต่ทว่า ฮงฮเยวอนแค่เปิดแม็กกาซีนไปเรื่อย ๆ โดยไม่ตอบสนองอะไร แต่ภายในใจเธอกลับร้อนรุ่ม
‘เป็นอะไรไปเนี่ย ฉันเป็นอะไรไป? ทำไมฉันถึงเหม่อลอยไปโดยไม่รู้ตัวล่ะ?"
ครู่ต่อมา
เวลาดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยนั้นคือสิ่งที่คังวูจินรู้สึก เอาจริง ๆ ไม่รู้เลยว่ายังไง แต่พวกเขาก็ถ่ายรูปโปรไฟล์เสร็จ ตอนแรกคังวูจินก็เกร็ง ๆ อยู่บ้าง แต่พอเขาผ่อนคลาย เขาก็เริ่มโพสต์ท่าได้ดีขึ้น
ด้วยเหตุนี้ โปรไฟล์ของเขาจึงถูกอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์ของบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์
แน่นอนว่าประวัติส่วนตัวสำหรับสาธารณะก็ได้รับการจัดทำอย่างเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันมีเพียงภาพยนตร์แค่สองเรื่องเท่านั้นที่ปรากฏในประวัติผลงานของเขา ถึงกระนั้น คังวูจินก็รู้สึกตื้นตันใจอยู่พอควร
‘ฉันได้มีโปรไฟล์นักแสดงของตัวเองแล้วสินะ’
มันแตกต่างจากเรซูเม่ที่เขาเคยเขียนสำหรับการสมัครงาน มันไม่ได้ดูดาษดื่นทั่วไปเลย มันเหมือนเป็นเรซูเม่ของคังวูจินที่มีแต่ความเท่ของเขาเท่านั้นที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษ
‘ฉันรู้สึกผิดหวังตลอดเวลาเลยตอนที่เห็นเรซูเม่ของตัวเอง’
แค่ได้มีภาพหล่อเหลาแบบนี้ มันก็ทำให้คังวูจินพอใจแล้ว
ในขณะเดียวกัน โลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข่าวสารมากมาย ท่ามกลางการโปรโมทมากมาย มีสองเรื่องที่โดดเด่นที่สุด
หัวข้อหนึ่งคือ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’
『[ข่าวเด่น] ผลงานที่ได้รับการคาดหวังมากที่สุดในครึ่งปีแรก 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ยืนยันการถ่ายทำครั้งแรกในวันที่ 25! 』
ตั้งแต่ยืนยันการถ่ายทำครั้งแรก ปริมาณของการโปรโมทก็เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแค่โปรโมทละครเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการแชร์ชีวิตประจำวันของนักแสดงในละครบน SNS อีกด้วย
ข่าวเกี่ยวกับผลงานต่อไปของผู้กำกับวูฮยอนกูก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
『แหล่งข่าวภายในบริษัทภาพยนตร์ที่ร่วมงานกับ ‘ผู้กำกับวูฮยอนกูกล่าวว่า’ จะมีนักแสดงระดับแนวหน้ามากมายมาร่วมแสดงในผลงานชิ้นนี้』
มีชื่อของนักแสดงระดับแนวหน้าถูกกล่าวถึงหลายคน สื่อมวลชนสายภาพยนตร์ต่างพากันตีพิมพ์บทความอย่างตื่นเต้น สุดสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงก็ผ่านไปกลายเป็นวันจันทร์อีกวันอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางกระแสความคลั่งไคล้ วันนี้คือวันที่ 23 นั่นหมายความว่าอีกสองวันจะถึงกำหนดการถ่ายทำเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ซึ่งเป็นวันที่ 25
ในขณะเดียวกัน
ชายสูงวัยสามคนมารวมตัวกันที่ภัตตาคารจีนหรูหราราคาแพง
เป็นช่วงเวลาอาหารกลางวัน ชายสูงวันทั้งสามคนมารวมตัวกันในห้องวีไอพี พลางลิ้มรสชาติอาหารจานเด็ดอย่าง จาจังมยอน หมูหวานเปรี้ยวหวาน และกัมพุงกิ หนึ่งในนั้นมีใบหน้าที่คุ้นเคย นั่นคือผู้กำกับวูฮยอนกูผมสีขาวแซมคิ้ว เขาหยิบกัมพุงกิชิ้นหนึ่งที่วางอยู่กลางโต๊ะกลมขึ้นมา
-พึบ
เขาพูดคุยกับชายสูงวัยสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ฉันจะเริ่มถ่ายโปรเจคต์ของฉันเร็ว ๆ นี้ เพราะงั้นการจะได้เจอกันแบบนี้อาจจะเริ่มยากสักพัก”
คนที่ตอบกลับอย่างรวดเร็วคือชายสูงวัยสวมแว่นตาเกาะอยู่ปลายจมูก เขาเป็นผู้กำกับอีกคน ชื่อของเขาคือ ผู้กำกับอีกิลจู ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้กำกับระดับแนวหน้า แต่เขาก็มีผลงานภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม
“ฮ่า ๆ อืม อืม ฉันเห็นบทความเกี่ยวกับโปรเจคต์ใหม่ของนายแล้ว นายได้รับความสนใจอย่างมากเลยนะ เบาก่อนน่าสหาย นายเริ่มเซ็ตฉากไปบ้างแล้วใช่ไหม?”
คนที่พูดต่อไปคือชายสูงวัยที่มีน้ำหนักตัวเกินและมีพุงป่องออกมา ผู้กำกับควอนกีแท็ก เขาเป็นผู้กำกับระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน และเขายังเป็นคนที่โทรหาPDซงมันวูเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วย
“ฉันก็กำลังเตรียมการอยู่เหมือนกัน อาจจะเป็นปีหน้า”
เสียงของผู้กำกับควอนกีแท็กเบาลง ซึ่งทั้งสามคนดูเหมือนจะเจอกันบ่อยครั้งและสนิทสนมกันมาก ทันใดนั้นเอง ผู้กำกับวูฮยอนกูขมวดคิ้วก็พูดคุยต่อไป
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายรู้ไหมว่าฉันต้องเจอเรื่องไร้สาระขนาดไหน ฉันโดนเด็กหนุ่มโนเนมคนหนึ่งปฏิเสธการคัดตัว”
ผู้กำกับลีกิลจูที่กำลังกวนจาจังมยอนของเขาก็หัวเราะเบา ๆ
“ฮ่าฮ่า เด็กหนุ่มคนนั้นใจเด็ดเกินไปนะ เขาปฏิเสธการคัดตัวของผู้กำกับวูฮยอนกูเลยเหรอ?”
“เด็กหนุ่มคนนี้นิสัยแย่มาก คนโนเนมแบบเขาไม่คิดอะไรกับข้อเสนอแบบนี้เลยงั้นเหรอ? อย่างน้อยเขาก็ควรจะมาคุยกับผมอย่างสุภาพก่อนสิ”
“นั่นสิ ก็ฟังดูมีเหตุผลนะ ถึงยุคสมัยจะเปลี่ยนไป เราก็ยังต้องคิดทุกอย่างให้ถี่ถ้วนก่อน ว่าแต่เด็กหนุ่มโนเนมคนนี้ชื่ออะไรเหรอ?”
"คังวูจิน ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขากำลังเตรียมตัวถ่ายละครอยู่ แต่ถ้ามันเคยเข้ากองถ่ายของพวกนายก็เอาออกไปเลยนะ คนแบบนี้ที่ไม่มีมารยาทพื้นฐาน ถึงการแสดงของเขาจะโอเค มันก็ไม่ควรประสบความสำเร็จหรอก”
คำพูดเย็นชาของผู้กำกับวูฮยอนกูไปนำไปสู่คำถามเบา ๆ จากผู้กำกับควอนกีแท็ก
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ปฏิเสธเป็นพิเศษเลยเหรอ? เอาจริงนะ ฉันว่าถ้านักแสดงเขาแสดงเก่ง มันก็โอเคแล้วนะ”
ผู้กำกับวูฮยอนกูโวยวายออกมาทันที
“เฮ้! เราต้องข่มพวกแบบนั้นไว้ตั้งแต่แรกเลยสิ! เดี๋ยวมันจะทำให้กองถ่ายแย่เอาหรอก!”
“แล้วไง? นี่นายมาเจอกับเพื่อนผู้กำกับด้วยกันเพื่อที่จะนินทาเด็กหนุ่มที่ชื่อคังวูจินคนนี้เหรอ? มันออกจะใจแคบไปหน่อยนะ”
“··· เฮ้ยควอนกีแท็ก เป็นอะไรของนายไปเนี่ย?”
ขณะที่บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ผู้กำกับลีกิลจูก็เข้ามาแทรก
“เอาเถอะน่า มาทานข้าวกันต่อดีกว่า เลิกเถียงกันเถอะ เดี๋ยวฉันกลับมา ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อน”
ไม่นานนัก ผู้กำกับลีกิลจูที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็ออกจากห้องวีไอพี ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอย่างรวดเร็ว ผู้กำกับวูฮยอนกูและผู้กำกับควอนกีแท็กต่างก็กินข้าวโดยไม่พูดอะไร
เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที
ผู้กำกับลีกิลจูที่ไปเข้าห้องน้ำก็กลับเข้ามา สิ่งแปลกคือสีหน้าของเขาดูแปลกไปนิดหน่อย เหมือนดูรีบร้อนกระมัง? ทันใดนั้นเขาก็คว้าเสื้อคลุมที่แขวนอยู่บนเก้าอี้
“อืม เอ่อ คือว่า มีเรื่องด่วนนิดหน่อย ฉันต้องกลับก่อน”
ผู้กำกับวูฮยอนกูเอียงคอด้วยความสงสัย
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? มีอะไรด่วนขนาดนั้น?”
“อ๋อ เอาไว้เจอกันใหม่เถอะ”
หลังจากกล่าวคำอำลาสั้น ๆ ผู้กำกับลีกิลจูก็กระซิบอะไรบางอย่างให้กับผู้กำกับควอนกีแท็กฟัง ทางผู้กำกับวูฮยอนกูมองพฤติกรรมของพวกเขาด้วยความไม่พอใจพลางขมวดคิ้ว
“กระซิบกระซาบอะไรกันไม่ทราบ?”
ผู้กำกับลีกิลจูก็รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนผู้กำกับวูฮยอนกูทำหน้าบึ้งตึงแล้วพูดกับผู้กำกับควอนกีแท็ก
“เหอะ ไอ้เพื่อนเราคนนั้นมันกระซิบอะไรให้นายฟัง? หือ?”
ในขณะนั้นเอง
“ผู้กำกับวูฮยอนกู”
ผู้กำกับควอนกีแท็กที่กำลังดูโทรศัพท์มือถือได้กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ดูเหมือนนายจะไม่ใช่คนที่อยู่ในฐานะที่จะกังวลเรื่องคนโนเนมอย่างคังวูจินแล้วนะ”
ผู้กำกับวูฮยอนกูมองไปทางผู้กำกับควอนกีแท็กที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะด้วยความสงสัย
"หมายความว่ายังไง?"
“ฉันกำลังจะบอกว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจชีวิตคนอื่น เพราะชีวิตของนายกำลังจะพังทลายแล้วต่างหาก”
ผู้กำกับควอนกีแท็กที่กำลังดูโทรศัพท์มือถือ ยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้กำกับวูฮยอนกู สายตาของเขามองไปยังหน้าจออย่างรวดเร็ว บนหน้าจอมีบทความปรากฏอยู่
『[ข่าวด่วนพิเศษ] เบื้องหลังอันน่ารังเกียจของ ‘ผู้กำกับระดับปรมาจารย์' วูฮยอนกู เรื่องเลวร้ายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังชื่อเสียง...ยูทูบเบอร์ผู้ติดตาม 900,000 คน เผยแพร่เรื่องชั่วของผู้กำกับ』
ใบหน้าของผู้กำกับวูฮยอนกูได้ห่อเหี่ยวลงทันใด
“อะไร? มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!!”
*****
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแค่ในThai-novelและMy-Novelเท่านั้น