ตอนที่ 226 แดนอมตะ วังเพลิงสุริยัน (ฟรี)
ตอนที่ 226 แดนอมตะ วังเพลิงสุริยัน
หลังจากที่ฮุ่ยคงร้องขอกำลังเสริม เขาก็ได้รับคำขอการเคลื่อนย้ายทางไกลผ่านตราประจำตัวในวินาทีถัดมา
ฮุ่ยคงตอบตกลงโดยไม่ลังเล และวินาทีต่อมาก็มีร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้นข้างๆ เขา
“เจ้าสินะที่ส่งคำร้องมา ข้า หลัวเทียน ผู้ถือดาบแห่งนิกายอมตะต้าเซี่ย มีความแข็งแกร่งระดับเทพสวรรค์”
หลังจากที่ หลัวเทียนมาถึง เขาก็รายงานข้อมูลของตนเพื่อแจ้งให้ฮุ่ยคงทราบก่อน
“อาตมา ฮุ่ยคงยินดีที่ได้พบโยมหลัว สถานการณ์ในตอนนี้คือ...”
หลังจากที่ฮุ่ยคงอธิบายสถานการณ์แล้ว หลัวเทียนก็พยักหน้า และพูดว่า "ไปกันเถอะ ข้าจะจัดการเทพปฐพีเหล่านั้นเอง"
"ตกลง"
ฮุ่ยคงยิ้ม และพยักหน้า จากนั้นจึงออกเดินทางร่วมกับกลุ่มของเขาต่อไป
สนามรบที่ 6
ในเวลานี้ กำลังเสริมจากพันธมิตรเผ่าอมนุษย์ได้มาถึงแล้ว
เทพปฐพีถึง 30 คนได้ซุ่มรอที่นี่เพื่อรอให้ฮุ่ยคง และคนอื่นๆ มาถึง
ผู้อาวุโสของเผ่าเยว่หลินก็กำลังรออย่างตื่นเต้น
ในไม่ช้า ฮุ่ยคง และคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะสายตาของพวกเขา
ทันทีที่ฮุ่ยคง และคนอื่นๆ เข้ามาใกล้ เทพยุทธ์เผ่าอมนุษย์ทั้ง 30 คนก็เริ่มปิดกั้นพื้นที่โดยรอบ และผู้อาวุโสของเผ่าเยว่หลินก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน
"ฮ่าๆๆ......"
“เจ้าคิดว่าตนเป็นคนเดียวที่สามารถร้องขอกำลังเสริมได้งั้นรึ”
พื้นที่โดยรอบถูกผนึก และถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ ทำให้ฮุ่ยคง และคนอื่นๆ ไม่สามารถหลบหนีได้
แต่ฮุ่ยคงก็ยังคงสงบ และกล่าวว่า “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น แต่ก็อย่างที่เจ้าพูด เจ้าร้องขอกำลังเสริมได้ ข้าก็ทำได้เช่นเดียวกัน”
หลังจากที่ฮุ่ยคงพูดจบ มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มกว้าง เขาดูใจดีมาก แต่ในสายตาของผู้อาวุโสของเผ่าเยว่หลิน มันช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง ในเวลาสั้นๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง
จะมีผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่านี้เข้าร่วมการต่อสู้งั้นรึ?
วินาทีถัดมา หลัวเทียนก็ก้าวออกมา และให้คำตอบแก่พวกเขา
“ข้า หลัวเทียนจะเป็นผู้จัดการกับพวกเจ้าทุกคนเอง ตาย”
หลัวเทียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วเหวี่ยงดาบออกไปหลายต่อหลายครั้งในพริบตาเดียว
แสงคมกริบจากดาบส่องประกายไปทั่วท้องฟ้า และเทพปฐพีทั้ง 30 คนก็ตื่นตระหนก แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนอง หัวของพวกเขาก็ลอยขึ้น
ทั้ง 30 หัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และร่างที่ไม่มีหัวของพวกเขาก็ตกลงมาจากอากาศ
รอยยิ้มของฮุ่ยคงในเวลานี้ค่อยๆ กลายเป็นความดุร้าย "ตามข้ามา อย่าปล่อยให้ใครรอดไปได้!"
…
วันหนึ่งผ่านไป
ซูหยางก็ดำเนินชีวิตประจำวันตามเดิม และตรวจสอบเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตที่มี
[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต + 4 พันล้าน ]
[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต : 4.3 พันล้าน ]
หืม?
ซูหยางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่วันนี้เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 4 พันล้าน?
ด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งครั้งก่อน โดยพื้นฐานแล้วเขาได้ใช้เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในมือไป
ในเวลาสิบวันที่โลกต้าเซี่ยยกระดับ ศิษย์ของนิกายอมตะต้าเซี่ยไม่ได้ทำอะไรเลย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เพียงวันนี้วันเดียว เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตก็เพิ่มขึ้นถึง 4 พันล้านดวง
นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ แม้เขาจะนอนรออยู่เฉยๆ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกัน ร่างโคลนของเขาในแดนอมตะก็พบกับความคืนหน้าใหม่
เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ร่างโคลนของเขาเข้าสู่แดนอมตะ ในที่สุดเขาก็ได้สำรวจสถานที่บางแห่ง
ในที่สุดเขาก็เห็นสถานที่หนึ่งที่ผู้ฝึกฝนมาชุมนุมกัน แต่ในการรับรู้ของเขา อีกฝ่ายล้วนแต่เป็นผู้ฝึกฝนเผ่าอมนุษย์
ภายใต้การตรวจสอบของเจตจำนงดาบ ซูหยางค้นพบว่ามีเหมืองหินอมตะอยู่ตรงจุดนั้น
ผู้ฝึกฝนเผ่าอมนุษย์จำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่เพื่อขุดหินอมตะ
ก่อนที่ซูหยางจะเข้าใกล้ อีกฝ่ายก็ค้นพบเขาแล้ว
“ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์?”
“เจ้าไม่กลัวความตายหรือไง ถึงกล้าปรากฏตัวออกมาให้เราเห็น? เรือเทพมิติของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
ผู้ฝึกฝนเผ่าอมนุษย์คนหนึ่งมาขวางทางซูหยางพร้อมสีหน้าเยาะเย้ย และมองซูหยางด้วยความโล�
ซูหยางรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
เรือเทพมิติ มันคืออะไร?
แต่ซูหยางก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าผู้ฝึกฝนเผ่าอมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าไม่มีเจตนาดีต่อเผ่ามนุษย์
หลังจากใช้พลังแห่งกรรมเพื่อนุมาน เขาก็พบว่าคนๆ นี้ปนเปื้อนกรรมจากการสังหารผู้คนของเผ่ามนุษย์ไปมากมาย
แม้ว่าพลังแห่งกรรมของเขาจะไม่ทรงพลังเท่ากับในจักรวาลหลังจากที่เข้ามาในแดนอมตะ แต่เขาก็ยังสามารถอนุมานได้ แม้ว่าบางคำตอบจะคลุมเครืออยู่ก็ตาม
เมื่อเป็นเช่นี้ ซูหยางก็ไม่คิดจะเมตตา ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำอะไรต่อไป เจตจำนงดาบของเขาก็พุ่งทะยานออกไป
เจตจำนงดาบอันกว้างใหญ่กลายเป็นโซ่ และผนึกร่างของอีกฝ่ายอย่างแน่นหนา จากนั้นดึงร่างนั้นมาตรงหน้าเขา
ฐานการบ่มเพาะของผู้ฝึกฝนเผ่าอมนุษย์คนนี้คือ อมตะเที่ยงแท้ ดังนั้นจึงไม่อาจต่อต้านอะไรซูหยางได้
หลังจากจับกุมอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ซูหยางก็ค้นวิญญาณคนๆ นี้โดยตรง โดยตั้งใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในแดนอมตะจากความทรงจำของอีกฝ่าย
แต่วินาทีถัดมา ซูหยางก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หลังจากที่เจตจำนงดาบบุกรุกเข้าไปในดวงจิตของศัตรู เขาก็พบกับการต่อต้านที่รุนแรงอย่างยิ่ง แม้ว่าฐานการบ่มเพาะของเขาก็สะกดข่มอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่มีผลใดๆ
วินาทีต่อมา วิญญาณก็ระเบิดออก และผู้ฝึกฝนเผ่าอมนุษย์คนนั้นก็เสียชีวิตในทันที
ร่างกายยังคงอยู่ แต่วิญญาณกลับสลายไป
มันเหมือนกับเปลือกที่ว่างเปล่า
"นี่……"
ซูหยางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะรับข้อมูลได้อย่างง่ายดายผ่านการค้นวิญญาณ
เมื่อความแข็งแกร่งเพิ่มสูงขึ้น ทุกคนย่อมหาทางรับมือกับวิธีนี้โดยธรรมชาติ
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายได้รับข้อมูลไปเป็นประโยชน์ไปได้อย่างง่ายดาย
แม้จะรับรู้ได้ถึงเรื่องนี้ ซูหยางก็ไม่สนใจมากนัก แค่ขาดวิธีการรับข้อมูลอย่างรวดเร็ว มันก็แค่ลำบากขึ้นเล็กน้อย
เขายังสามารถจับมาทีละคน และสอบถามสิ่งที่อยากรู้ได้อยู่
เมื่อผู้ฝึกฝนเผ่าอมนุษย์คนหนึ่งเสียชีวิต เถิงหลงแห่งเผ่าฮั่วหลานที่เป็นผู้ดูแลเหมืองหินอมตะแห่งนี้ก็รู้ข่าวได้ในทันที
ในเหมือง เถิงหลงได้พบว่าคนของเขาคนหนึ่งได้ตายลง
ที่เขารู้ได้ก็เพราะเสี้ยววิญญาณของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้ถูกเก็บเอาไว้ หากคนๆ นั้นตาย เขาก็จะรู้ได้ในทันที และยังสามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะตายด้วยเสี้ยวความทรงจำที่เหลืออยู่
เถิงหลงมองไปที่ตะเกียงวิญญาณที่ดับลง จากนั้นก็พึมพำกับตัวเองว่า
“เฟินซานตายแล้วเหรอ?”
“เขาอยู่ในเหมืองไม่ใช่เหรอ เขาไม่ได้ออกไปไหน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เถิงหลงกระตุ้นพลังปราณเพื่อปกคลุมตะเกียงวิญญาณ และครู่ต่อมา สาเหตุของการตายของเฟินซานก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าเขา
“ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์?”
“ช่างกล้าดีจริงๆ! เป็นแค่มนุษย์กลับกล้าฆ่าคนเผ่าเดียวกันกับข้า?”
ความโกรธก็ผุดขึ้นในใจของเถิงหลง เมื่อไหร่กันที่ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์หยิ่งผยองถึงขนาดนี้ พวกเขามักเป็นฝ่ายไล่ล่าเพื่อสังหารอีกฝ่ายมาโดยตลอด ไม่เคยถูกอีกฝ่ายทุบตีถึงหน้าบ้านเลย
ก่อนที่เขาจะทันได้เคลื่อนไหว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่ปกคลุมทั่วทั้งเหมืองหินอมตะ
เขาสะดุ้ง และทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ อีกฝ่ายต้องการยึดเหมืองหินอมตะแห่งนี้ไปงั้นรึ?
นั้นบ้าไปแล้ว เหมืองแห่งนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองจากวังเพลิงสุริยัน มนุษย์คนนี้อยากตายหรือไงถึงกระทำสิ่งที่อุกอาจเช่นนี้
เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าแค่เป็นอมตะเต๋าก็จะสามารถทำอะไรก็ได้ในแดนอมตะ?
เถิงหลงใช้วิธีการบางอย่างเพื่อสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของซูหยาง
เขาไม่ตื่นตระหนกเลย และส่งข้อความออกไปโดยตราประจำตัวที่แขวนอยู่ที่เอว
หลังรายงานสถานการณ์ออกไปก็จะมีคนมาจัดเรื่องนี้ในไม่ช้า
เมื่อเถิงหลงกำลังรู้สึกภาคภูมิใจอย่างลับๆ จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในเหมืองอย่างช้าๆ