ตอนที่ 100 ความน้อยใจที่ก่อตัวขึ้น (อ่านฟรี 21/10/2567)
“ที่นี่สินะ” เสียงอันไพเราะที่บ่งบอกยากว่าเป็นบุรุษหรือสตรีเปล่งออกมาจากร่างที่สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ดูจากการแต่งตัวแล้วชวนให้น่าสงสัยเป็นอย่างมาก
“มีร่องรอยของการต่อสู้ มีซากโครงกระดูกเหลืออยู่ด้วย” ร่างนั้นเดินสำรวจรอบบริเวณก็พบเข้ากับร่องรอยของการต่อสู้ที่ดุเดือด ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้วมันก็ยังคงอยู่ตามเดิม
รวมถึงเศษซากโครงกระดูกเนื้อเยื่อย่อยสยายจากการถูกเผาหรือถูกสัตว์กินเข้าไปกระจายอยู่ทั่วบริเวณเต็มไปหมด ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็กทำให้ร่างนั้นต้องกระโดดเพื่อข้ามหินก้อนใหญ่อยู่หลายที
ทำไมไม่มีโอสถเพิ่มความสูง หรือเคล็ดวิชาที่เพิ่มความสูงได้บ้างกันนะ ?
“พลังปราณที่หลงเหลืออยู่ก็บอกแค่ว่ามาถึงที่นี่ แต่ไม่มีใครรอดเลยสักคนเนี่ยนะ พวกเขาไปพบเจออะไรเข้ากันแน่” ในมือของร่างนั้นมีเข็มทิศอยู่อันหนึ่ง มันเป็นสิ่งวิเศษที่ใช้ในการตามรอยลมปราณของเป้าหมาย
“ดูเหมือนจะต้องแวะไปตระกูลซูก่อนสินะ” สิ้นคำกล่าวร่างในชุดคลุมสีดำก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
...
ภายในเขตยี่หลงบริเวณโรงเตี๊ยมซึ่งอยู่ห่างจากตระกูลซูไม่มากนัก
“เจ้ารู้เรื่องตระกูลซูกับตระกูลฉู่รึยัง ?” ชายหัวโล้นท่าทางเหมือนคนฆ่าหมูกล่าวออกมากับเพื่อนของเขาที่นั่งกินเหล้าอยู่ด้วยกัน
“อ๋อ รู้แล้ว น่าตกใจจริง ๆ ไม่คิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้” ชายที่มีรอยแผลเป็นอยู่ที่แก้มข้างขวาตอบกลับเพื่อนของเขาพลางยกแก้วไม้ขึ้นดื่มไปด้วย
“นั่นสินะ แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีเพียงข่าวลือมากมายที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เชื่อถือได้ยากจริง ๆ” ชายหัวโล้นกล่าวออกมา
“ทั้งสองท่าน ข้าขอสอบถามอะไรหน่อยจะได้หรือไม่ ?” มีเสียงดังขึ้นด้านข้างของทั้งสองคนที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่ พวกเขาจึงหันไปมองผู้ที่กล่าวถาม
เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มผมสีดำยาวหน้าตางดงาม ราวกับไม่ใช่บุรุษก็ไม่ผิด ถ้าไม่ติดที่ว่าหน้าอกแบนราบและมีเสียงในโซนทุ้มต่ำเล็กน้อยเหมือนบุรุษก็คงเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นสตรีที่มีหน้าอกแบนราบไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของอีกฝ่ายก็ยังมีความไพเราะคล้ายเสียงของสตรีอยู่ดี
“มีอะไรล่ะเจ้าหนุ่ม ?” ชายหัวโล้นเป็นคนแรกที่กล่าวออกมา ในขณะที่ชายซึ่งมีรอยแผลบนแก้มทำเพียงมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะยกกับแกล้มขึ้นกิน
“ข้าเพิ่งมาใหม่แล้วได้ยินเรื่องที่พวกท่านกำลังคุยกัน ไม่ทราบว่าเล่าให้ข้าฟังด้วยจะได้หรือไหม ?” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“อืมม ไอ้ได้มันก็ได้หรอก แต่พวกข้าจะได้อะไรล่ะ ?” ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าเป็นผู้กล่าวออกมาบ้าง
ถ้าอยากจะได้ในอะไรบางอย่างก็ย่อมต้องหาสิ่งตอบแทนสิ ถูกไหม ?
“งั้นข้าจะเลี้ยงอาหารและสุราพวกท่านก็แล้วกัน” ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะกล่าวออกมา
“เยี่ยม! ต้องแบบนี้สิไอ้น้อง มานั่ง ๆ มีอะไรสงสัยถามพวกข้าได้ทุกเรื่อง ภายในเมืองนี้ไม่มีเรื่องไหนที่พวกข้าคู่หูขี้เมาไม่ทราบหรอก” เมื่อได้ยินข้อเสนอของอีกฝ่าย ทั้งชายหัวโล้นและชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็พากันยิ้มกว้างออกมา พวกเขาเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มนั่งลงอย่างเป็นมิตร
“ว่าแต่ เจ้าอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ ?” ชายหัวโล้นเป็นคนกล่าวขึนมาคนแรกหลังจากที่ชายหนุ่มนั่งลงแล้ว
“ข้าอยากทราบทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตนี้ ภายในช่วงหนึ่งเดือนนี้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องราวของตระกูลชั้นสูงของเบตนี้ด้วย” ชายหนุ่มกล่าวถึงสิ่งที่เขาต้องการในทันที
“ได้สิเรื่องแค่นี้เอง เรื่องมันเป็นอย่างนี้.....” ชายหัวโล้นที่ได้ยินอีกฝ่ายถามก็กล่าวถึงเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการทราบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนเขาก็เล่าออกมาจนหมด
ครึ่งหลัง
ชายหัวโล้นและชายหน้ามีรอยแผลเป็นพลัดกันเล่าเรื่องอย่างชำนาญ พวกเขาสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หูขี้เมาที่ทราบทุกเรื่องในเมืองอย่างเช่นที่พวกเขากล่าวอ้างจริง ๆ
‘คงต้องไปดูที่ทั้งสองตระกูลต่อสินะ’ ชายหนุ่มคิดในใจขณะที่ฟังเรื่องเล่าของชายทั้งสองไปได้สักระยะหนึ่ง
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง ดูเหมือนเขาจะต้องไปตามหาข้อมูลด้วยตัวเองอีกสักหน่อยเพื่อหาเบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมด
ไม่เช่นนั้นคงไม่มีหน้ากลับไปยังตระกูลแน่ ๆ
...
“ข้าไปด้วยไม่ได้รึไงเถ้าแก่ ?” มนุษย์ปลาตัวโตขนหน้าแข้งดกดำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“เจ้าอยู่ที่นี่แหละดีแล้ว ข้าไปกับเยี่ยหลิงก็พอ” เย่ซีตอบกลับสัตว์เลี้ยงของเขาไปอย่างไร้เยื่อใยทำให้มนุษย์ปลาได้แต่มีน้ำตาคลออยู่ในตา
วันคืนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเถ้าแก่ เดินทางร่วมกัน เป็นสัตว์ขี่ให้อีกฝ่าย ผจญภัยต่อสู้ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขจริง ๆ
แต่ในวันนี้ ! กลับมีนางเสือร้ายเข้ามาเป็นก้างขวางคอของเขากับเถ้าแก่ ดูเหมือนมันจะปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ใกล้เถ้าแก่มากเกินไปไม่ได้เสียแล้ว ไม่เช่นนั้นมันคงไร้ตัวตนในสายตาของเถ้าแก่เป็นแน่ !!
‘คอยดูเถอะข้าจะจัดการเจ้าให้อยู่หมัดให้ดู !’ มนุษย์ปลามองไปยังหญิงสาวผู้งดงามซึ่งยืนอยู่ข้างกายเจ้านายของมัน ทำให้ฝ่ายที่ถูกมองได้แต่ขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ
‘ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมีใครกำลังคิดร้ายกับข้ากันนะ ?’ เยี่ยหลิงครุ่นคิดอยู่ในใจด้วยความสับสน
ตั้งแต่นางมาเป็นพนักงานต้อนรับให้เถ้าแก่ก็ยังไม่เคยสร้างศัตรูที่ไหนมาก่อน ทำไมถึงมีความรู้สึกแปลก ๆ เยี่ยงนี้เกิดขึ้นได้กัน ?
“จะดีเหรอเถ้าแก่ที่ไม่ให้ฟิชไปด้วย” เยี่ยหลิงที่ยืนมองอยู่กล่าวออกมา
“ดีแล้ว เอามันไปด้วยก็วุ่นวายเปล่า ๆ เจ้าไปกับข้าก็เพียงพอแล้ว” เย่ซีตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่เขาหารู้ไม่ว่าในใจของมนุษย์ปลานั้นแทบจะอยากจับหญิงสาวไปถ่วงน้ำแล้ว
“พวกเราไปกันเถอะ เจ้าดูแลร้านให้ดีล่ะ ข้าจะกลับมาให้อาหารเม็ดถ้าเจ้าทำได้ดี” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาพลางชวนเยี่ยหลิงขึ้นรถม้าที่เขาได้เตรียมเอาไว้ ก่อนจะบอกฟิชส่งท้ายเรื่องร้านค้า
“ข้าทราบแล้วเถ้าแก่ ท่านไม่ต้องกังวลข้าจะทำให้ดีที่สุด!” มนุษย์ปลาได้แต่กัดฟันตอบออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งที่ในใจเจ็บปวดเหลือทน
ความจริงมันต้องได้ไปลากรถม้าให้เถ้าแก่สิ หรือเป็นคนขับเกวียนให้ ทำไม ทำไมกัน!!
“เถ้าแก่ ท่านไปหารถม้ามาจากที่ใดกัน ?” เยี่ยหลิงที่เดินขึ้นไปยังรถม้าที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ก็กล่าวถามออกมา แม้ภายนอกจะดูกว้างอยู่แล้วแต่เมื่อได้เข้ามาด้านในกลับพบว่ามันกว้างกว่าที่เห็นเสียอีก
“หานจุนหมิงเตรียมให้น่ะ เห็นว่าเขาก็จะไปงานนี้เหมือนกัน” ชายหนุ่มตอบกลับไปพลางมองสำรวจรถม้าไปด้วย
รถม้าคันนี้หานจุนหมิงบอกว่ามันเป็นรถม้าที่จัดทำจากช่างฝีมือฉกาจแห่งทวีป ที่พื้นที่ด้านในกว้างกว่าความเป็นจริงก็เพราะมีการนำวิถีแห่งมิติและช่องว่างมาวางค่ายกลเอาไว้ด้วย แต่นั่นก็เป็นเพียงความรู้แบบผิวเผินเท่านั้น ทำให้พื้นที่มันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมไม่มากนัก
วิถีแห่งมิติ ช่องว่าง เวลา เป็นเรื่องที่ลึกลับและซับซ้อนที่สุด ขนาดผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิยังทำความเข้าใจพวกมันได้ไม่มากนัก รวมถึงตัวของเย่ซีเองก็ยังไม่รู้จักพวกมันเลย แต่ถ้ามีโอกาสเขาจะต้องหาทางเรียนรู้ให้ได้