ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 63 แค้นของตระกูลหนานกง
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 63 แค้นของตระกูลหนานกง
เป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะพวกเขาถูกจัดให้อยู่ใน 3 ขุมอำนาจชั้นนำของมณฑลตงหวงเช่นเดียวกับวัดสมบัติวิญญาณ ทำให้เรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย
มิฉะนั้น ทั้งมณฑลตงหวงคงถูกวัดสมบัติวิญญาณครอบครองไปแล้ว
"โชคคือภัย ภัยคือโชค"
"หวังว่าการปรากฏตัวของตระกูลหลัวจะไม่ทำให้สถานการณ์ในมณฑลตงหวงรุนแรงเกินความควบคุม"
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ
คงฮุ่ยจึงได้มุ่งเป้าทั้งหมดไปที่การบำเพ็ญเพียรและการท่องบทสวด
การแพร่ธรรมะนับหมื่นปีในดินแดนเต๋าที่ตระกูลซูและสำนักดวงจิตเสรีครอบครองกลับไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม พลังของคงฮุ่ยกลับถดถอยไป
นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี
ภายนอกวัดสมบัติวิญญาณ
หลังจากคู่เจิ้นพาพระภิกษุรูปอื่นออกไป พวกเขาก็เริ่มเดินทางไปยังดินแดนเต๋าอนันต์
หากไม่สามารถใช้กำลังได้ พวกเขาก็ใช้ตัวตนของชาวพุทธที่เขาเป็น เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตระกูลหลัว
ให้ผู้คนในโลกได้รู้ว่าตระกูลหลัวนั้นเป็นตระกูลวิถีมาร
ด้วยเหตุนี้ คู่เจิ้นจึงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่จะเห็นตระกูลหลัวจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
บ่อยครั้งที่น้ำเข้าท้องเรือก็ทำให้เรือล่มได้ หลักการนี้เป็นสิ่งที่เจ้าอาวาสของเขา หรือเจ้าอาวาสวัดสมบัติวิญญาณ สอนให้กับคู่เจิ้นตั้งแต่เขานับถือพุทธศาสนาไม่นาน
อย่างไรก็ตาม คู่เจิ้นไม่ทราบว่าหากเรือนั้นใหญ่และมั่นคงพอ แม้น้ำจะมีมากก็ยากที่จะล่มเรือนั่นได้
ในมลฑลไป่เหอ ดินแดนเต๋าสี่ทิศ
อาณาเขตตระกูลหนานกง
ในห้องหนึ่งที่ดูว่างเปล่า
หนานกงอี้ จ้าวตระกูลหนานกงกำลังนิ่งเงียบอยู่
หลังจากการสูญเสียบุตรชาย มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจแหลกสลาย แต่ในฐานะจ้าวตระกูลหนานกง เขาก็ต้องแบกรับภาระในการขยายตระกูลหนานกงต่อไป
ดังนั้น...
ตอนนี้เขาทำได้แค่สืบสวนใครฆ่าบุตรชายของเขาอย่างลับ ๆ เท่านั้น
ในขณะที่พลังอำนาจของตระกูลหนานกงจะต้องเก็บสะสมไว้เพื่อรอรับมือกับตระกูลตงฟาง
ตระกูลตงฟาง
ตระกูลหนานกง
ความแค้นระหว่างสองตระกูลนี้เริ่มต้นขึ้นมานานกว่าแสนปีและไม่สามารถแก้ไขได้
หากตระกูลหนานกงสามารถทำลายตระกูลตงฟางได้ ยึดครองดินแดนเต๋า และอุตสาหกรรมของตระกูลตงฟางทั้งหมด พลังของตระกูลหนานกงจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ดังนั้น ในขณะนี้หนานกงอี้จำเป็นต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดในใจ และจัดการกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตระกูลตงฟางก่อน
หนานกงอี้ส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดที่ยุ่งเหยิงในหัว
ขณะที่เขาครุ่นคิดถึงวิธีการโจมตีตระกูลตงฟาง หรือแม้กระทั่งการทำลายตระกูลตงฟาง
ในห้องที่ดูว่างเปล่านี้
อยู่ ๆ ก็ปรากฏคนรับใช้ชุดดำ
"ท่านจ้าวตระกูล"
คนรับใช้ก้มหัวลง
"ได้ข้อสรุปแล้วหรือ?”
"มันเป็นใคร?"
หนานกงอี้ไม่ได้เงยหน้าขึ้น
เขายังคงจัดการกับเอกสารในมือและวางแผนการรบกับตระกูลตงฟาง
"ท่านจ้าวตระกูล ข้าได้ข้อสรุปแล้ว"
"นายน้อยอยู่ที่มณฑลตงหวง เดิมทีควรจะฝึกฝนอยู่ในนิกายหมื่นอัคคี”
"แต่...”
"ไม่กี่วันก่อน มีข่าวว่านิกายหมื่นอัคคีถูกทำลายโดยโดยบรรพบุรุษแห่งตระกูลหลัว หลัวจิ่วเกอในดินแดนเต๋าอนันต์"
"ดังนั้น ข้าคิดว่าการตายของนายน้อยต้องเกี่ยวข้องกับหลัวจิ่วเกออย่างแน่นอน"
คนรับใช้ค้อมหัวและพูดด้วยเสียงแหบพร่า
"ดินแดนเต๋าอนันต์ บรรพบุรุษตระกูลหลัว หลัวจิ่วเกอหรือ??"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของหนานกงอี้ก็เต็มไปด้วยแววสังหารอันเข้มข้น แต่ไม่นานแววนั้นก็หายไป
เขาโบกมือบอกให้คนรับใช้ออกไป
จนกระทั่ง คนรับใช้นั้นหายไปจากห้องที่ดูว่างเปล่า หนานกงอี้จึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
"ดินแดนเต๋าอนันต์ บรรพบุรุษตระกูลหลัว หลัวจิ่วเกอหรือ?
"เจ้ากล้ามาก”
"ถึงกับสังหารคนตระกูลหนานกงของข้าได้"
"ล้างคอรอข้าก่อนเถิด...”
"อีกไม่นานนัก"
"หลังจากที่ตระกูลตงฟางถูกทำลาย ตระกูลหลัวจะเป็นเป้าหมายถัดไปที่ต้องถูกทำลาย"
ในมลฑลไป่เหอ ภายในดินแดนเต๋าสี่ทิศ
หลัวจิ่วเกอไม่ทราบถึงความโกรธเกรี้ยวของหนานกงอี้เลย แม้ว่าเขาจะรู้ก็ตาม เขาก็คงไม่ใส่ใจเรื่องนี้
มลฑลไป่เหอและมณฑลตงหวง สองมลฑลนี้แยกจากกันด้วยมลฑลโหย่วที่กว้างใหญ่
มลฑลโหย่วถูกเรียกว่าแดนสัตว์อสูร
เหตุผลน่ะหรือ?
เพราะในมลฑลโหย่วมีต้นไม้ยักษ์สูงร้อยเมตร พันเมตร หรือแม้แต่มากกว่าหมื่นเมตรที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน และจำนวนสัตว์อสูรก็มากกว่าทั้งทวีปซวนหยวนเป็นสิบเท่า หรือแม้แต่ร้อยเท่า
ในมลฑลโหย่ว
กฎในการอยู่รอดนั้นสั้นมาก ใครแข็งแกร่งกว่าก็รอด ใครอ่อนแอกว่าก็ตาย เรื่องนี้เป็นที่ชัดเจน
แม้ไม่มีมลฑลโหย่วขวางกั้น ตระกูลที่สามารถมีชีวิตอยู่และเติบโตในโลกนี้จะยอมใช้พลังของทั้งตระกูลเพื่อเริ่มสงครามเพียงเพราะลูกหลานคนเดียวหรือ?
มันไม่มีทางเป็นไปได้
อาณาเขตตระกูลหลัว
ในลานที่มีกลิ่นอายโบราณ
หลัวจิ่วเกอกำลังนั่งทำสมาธิ
ในขณะนี้ ตัวเขากำลังส่องสว่างด้วยแสงรุ้งกระจ่าง
เลือดในร่างกายของเขายังคงเปลี่ยนไปเป็นสีทองคำและรุ้งกระจ่างเป็นระยะ ๆ ตามเวลาที่ผ่านไป
"เปลี่ยนไปอีก 0.5% แล้วหรือ?"
หลังจากถอนหายใจ หลัวจิ่วเกอก็ค่อย ๆ เปิดตาและลุกขึ้นยืน
เขารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง
บนใบหน้าของเขาไม่อาจปิดบังรอยยิ้มได้
เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวาน
พลังของเขาก็มีการพัฒนาไม่น้อย
พลังป้องกันของเขา ภายใต้ของ [พลังอิทธิฤทธิ์ - ร่างเคลือบทอง] ก็มีการพัฒนาเช่นกัน
โดยรวมแล้ว พลังอิทธิฤทธิ์นี้นำมาซึ่งการเพิ่มพูนพลังของหลัวจิ่วเกอ มันถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย
ถึงแม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวอย่าง [พลังอิทธิฤทธิ์ - หนึ่งกระบี่ทลายโลกา]
แต่หลัวจิ่วเกอได้ผลประโยชน์ไม่น้อยไปกว่าพลังอิทธิฤทธิ์นั้นอย่างแน่นอน
"ออกจากลานไปเดินเล่นรอบ ๆ อาณาเขตตระกูลหลัวดีหรือไม่?"