ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 220 กลับราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว
ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 220 กลับราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว
"เจ้านายไม่ชอบหรือ? ข้านึกว่าเจ้านายจะชอบเสียอีก"
ชิงหลวนกะพริบดวงตาใสกระจ่างคู่นั้น ในดวงตาเผยความสงสัยเล็ก ๆ ขึ้นมา
ก็มีแต่มนุษย์สตรีประเภทนี้เท่านั้นที่นั่งอยู่บนหลังของนางได้ไม่ใช่หรือ
หรือนางเข้าใจผิด?
กู่หยางอึ้งไปครู่หนึ่ง
เขาได้แต่บอกกับตัวเองว่า ชิงหลวนช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน
แต่พอคิดดูดี ๆ ชิงหลวนในหมู่อินทรีวิญญาณเพลิง ถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงวัยเยาว์
อายุ...
น่าจะเทียบเท่ามนุษย์ที่อายุสิบสองสิบสามปีกระมัง?
ความไร้เดียงสาก็เป็นเรื่องปกติ
"ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่เจ้าเปลี่ยนเป็นสภาพนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าใด เจ้าเปลี่ยนเป็นร่างเล็ก ๆ เหมือนกับชิงเหยียนดีกว่า"
กู่หยางส่ายหัวอธิบาย
ความใฝ่ฝันถึงความงามนั้นมนุษย์ทุกคนต่างมี
เขาจะไม่ชอบได้อย่างไร?
เพียงแต่เมื่อเห็นชิงหลวนมีสภาพแบบนี้ แล้วนึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่ตนเองขี่ชิงหลวนไปทั่ว
มันทำให้ภาพที่เห็นดูยุ่งเหยิงขึ้นมาทันที
"ได้เลยเจ้านาย!"
ชิงหลวนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ร่างก็เปลี่ยนแปลงไปทันที
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นนกจิ๋วอ้วนกลม เกาะอยู่บนไหล่ของกู่หยาง
"แบบนี้หรือเจ้านาย"
"อืม น่ารักมาก"
กู่หยางพยักหน้า ยื่นมือไปลูบขนนุ่มเรียบเนียนที่ลำตัวของชิงหลวนด้วยความพอใจ
"ถ้าเจ้านายชอบก็ดีแล้ว!"
ชิงหลวนก็ดีใจไม่น้อยที่ได้รับคำชม
เมื่อปรับแต่งสายเลือดของสองสัตว์เลี้ยงเสร็จสิ้น
กู่หยางก็นั่งขัดสมาธิลงทันที
"ตอนนี้ระบบปรับแต่งกาลเวลาก็สามารถปรับแต่งความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิชาปรุงโอสถและหลอมอาวุธได้อีกครั้งแล้ว"
"น่าจะสามารถเพิ่มพูนไม่น้อย"
ตำราเกี่ยวกับการปรุงโอสถและหลอมอาวุธที่กู่หยางหามาได้ไม่ได้มากนัก
ส่วนใหญ่เพราะตำราเหล่านี้มีจำนวนจำกัด
เก็บไว้ก็เปล่าประโยชน์ เอามาปรับแต่งได้ดีกว่า
ถึงอย่างไร ต่อให้เจอคัมภีร์ใหม่ ๆ ก็ยังสามารถปรับแต่งได้อยู่
คิดได้ดังนี้
กู่หยางก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
แล้วนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นห้อง
เริ่มปรับแต่งในใจอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเทียบกับวรยุทธและวิชายุทธเหล่านั้น
การปรับแต่งศาสตร์ปรุงโอสถและหลอมอาวุธชัดเจนว่าง่ายและผ่อนคลายกว่ามาก
ในเวลาเพียงสิบนาที
ศาสตร์ปรุงโอสถและหลอมอาวุธก็ปรับแต่งเสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนทิศทางที่เพิ่มพูนขึ้นหลังจากปรับแต่ง...
ก็ตรงกับความคาดหวังของกู่หยางพอดี!
พลังจิตวิญญาณ!
ผ่านการปรับแต่งหนึ่งแสนปี
ตอนนี้พลังจิตวิญญาณของกู่หยางก็พุ่งพรวดขึ้นไปอีกระดับ!
แม้กระทั่งเหนือกว่าขอบเขตมรณะชีวัน!
"ตอนนี้พลังจิตวิญญาณของข้า ต่อให้เทียบกับขอบเขตผันแปร ก็ไม่น่าจะด้อยกว่ากันมากนัก!"
กู่หยางมีประกายตื่นเต้นวาบขึ้นในดวงตา
ส่วนความสามารถด้านวิชาปรุงโอสถและหลอมอาวุธ...
บอกได้เลยว่า หากมีสูตรโอสถ ต่อให้เป็นโอสถระดับ 8 หรือ 9 เขาก็สามารถปรุงออกมาได้!
แถมยังเป็นระดับสมบูรณ์แบบ!
แต่น่าเสียดาย...
สูตรโอสถพวกนี้มีจำนวนน้อยมาก...
หลังจากรู้สึกซาบซึ้งครู่หนึ่ง
กู่หยางก็ลุกขึ้นช้า ๆ
ปล่อยให้ชิงเหยียนอยู่ที่หลังเขา
บอกกล่าวสองสามคำ
แล้วจึงพาชิงหลวนที่กลายร่างเป็นนกจิ๋วอ้วนกลมกลับไปที่สำนักเมฆาคล้อย
"กู่หยาง เจ้าจะจากไปแล้วหรือ?"
ฉู่หลิวอวิ๋นเห็นกู่หยางมา ก็เดาได้ถึงความตั้งใจ
"ขอรับจ้าวสำนัก ตอนนี้มีค่ายกลพิทักษ์สี่ทิศเร้นลับ ต่อให้ยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันก็ยากจะบุกทะลวงได้ง่าย ๆ แล้วข้าก็ตั้งค่ายกลรวมวิญญาณไว้ในสำนักฝ่ายในเช่นกัน ส่วนจะพัฒนาไปได้มากแค่ไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสวาสนาแล้ว"
กู่หยางพยักหน้าพูด
ใบหน้าของฉู่หลิวอวิ๋นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณและประทับใจ
"ขอบคุณเจ้ามากกู่หยาง สำหรับเจ้าที่มีความสำเร็จและพรสวรรค์ขนาดนี้ จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องสนใจชีวิตความตายของพวกเราก็ได้ด้วยซ้ำ"
ดวงตาของฉู่หลิวอวิ๋นมีความรู้สึกซับซ้อน
เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมกู่หยางถึงมาจัดวางค่ายกลและทิ้งสัตว์อสูรไว้คุ้มครองสำนัก
นั่นก็เพราะกลัวว่าศัตรูจะมาระบายความแค้นกับพวกเขา
เขารู้สึกว่าตนเองกลายเป็นตัวถ่วงของกู่หยางไปบ้างแล้ว
เลยพูดประโยคนี้ออกมา
แต่กู่หยางกลับส่ายหัว
"จ้าวสำนัก ไม่ต้องกังวล ถึงอย่างไร ที่นี่ก็เป็นที่ที่ข้าเติบโตมา ทุกคนเคยดูแลข้ามาตลอด ข้าก็รับรู้ แน่นอนว่าไม่มีทางทิ้งพวกท่านไป"
"แต่ว่า..."
ได้ยินเช่นนี้ ในใจของฉู่หลิวอวิ๋นยิ่งซาบซึ้งใจมากขึ้น
สายตาที่มองกู่หยางยิ่งอบอุ่นหวานชื่นขึ้น
หลังจากกล่าวอำลากันง่าย ๆ
กู่หยางก็ลอยขึ้นฟ้า
"จ้าวสำนัก ข้าขอให้ท่านทะลวงไปถึงขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้โดยเร็ววัน"
"ขอบคุณที่อวยพร"
ฉู่หลิวอวิ๋นยิ้มน้อย ๆ
ถัดมา
กู่หยางก็หันกลับ นกจิ๋วอ้วนกลมบนไหล่กลายร่างเป็นนกอินทรีขนาดใหญ่โต แบกกู่หยางกางปีกบินขึ้นฟ้า
ในพริบตาก็เปลี่ยนเป็นริ้วแสงบินหายไปในขอบฟ้า
เห็นเช่นนี้
ฉู่หลิวอวิ๋นและเหล่าผู้นำสูงสุดของสำนักเมฆาคล้อยก็มองแผ่นหลังของกู่หยางอย่างประทับใจ
"ในเมื่อกู่หยางทิ้งของดีไว้ให้พวกเรามากมายขนาดนี้ พวกเราจะปล่อยให้น้ำใจของเขาสูญเปล่าได้อย่างไร?"
"ตั้งแต่นี้ไป หากมีศิษย์สำนักฝ่ายในคนใดสามารถทะลวงไปถึงขอบเขตหลอมรวมได้ จะมีรางวัลใหญ่! ต้องการทรัพยากรอะไรก็มาบอกข้า!"
ฉู่หลิวอวิ๋นโบกมือใหญ่ สีหน้าเต็มไปด้วยพลังและความมุ่งมั่น
ตั้งใจจะพัฒนาสำนักเมฆาคล้อยอย่างจริงจัง
ส่วนจะเติบโตไปได้แค่ไหน...
ก็ต้องปล่อยตามโชคชะตาก็แล้วกัน
อีกด้านหนึ่ง
กู่หยางนั่งอยู่บนหลังนกอินทรีที่กว้างใหญ่
ที่นี่เขาสามารถมองเห็นลวดลายสีเขียวเข้มบนขนของชิงหลวนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
ดูโบราณ แต่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความลึกลับ
"ไม่นึกเลยว่าจะเป็นสายเลือดเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่มีมาตั้งแต่ 200,000 ปีก่อน"
กู่หยางลูบลวดลายเหล่านั้นเบา ๆ
อดที่จะซาบซึ้งใจไม่ได้
ไม่นานนัก
กู่หยางก็กลับมาถึงแคว้นฉู่
ตอนนี้สิ่งที่ควรทำก็ทำเสร็จพอสมควรแล้ว
ต่อไปนี้...
ก็ถึงเวลาไปราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว
เพราะสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับกำลังจะเปิดแล้ว
ดังนั้นที่เขากลับมาแคว้นฉู่ก็เพื่อมาลาจักรพรรดิฉู่กับฉู่หลิงเอ้อร์
พอกลับมาถึง
ฉู่หลิงเอ้อร์ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดกู่หยางอย่างรวดเร็ว
"สามี!"
สำหรับเรื่องนี้ กู่หยางก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วลูบหัวเล็ก ๆ ของฉู่หลิงเอ้อร์
ตอนนี้ นกจิ๋วอ้วนกลมที่เกาะอยู่บนไหล่ของกู่หยาง มองภาพนี้ด้วยตาเป็นประกาย
"หืม? นกจิ๋วตัวนี้น่ารักจัง"
ฉู่หลิงเอ้อร์เห็นชิงหลวนเข้าพอดี
ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบ
ชิงหลวนก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยอมให้ฉู่หลิงเอ้อร์ลูบเบา ๆ
"นี่คือชิงหลวน อินทรีวิญญาณเพลิงที่พาพวกเรากลับมาคราวนั้น"
กู่หยางหัวเราะเบา ๆ เอ่ยขึ้น
"หืม? มันสามารถเปลี่ยนร่างจนเล็กขนาดนี้ได้ด้วยหรือ?"
ฉู่หลิงเอ้อร์เผยสีหน้าประหลาดใจ
อีกด้าน ฉู่มู่ก็ตกใจอย่างที่สุดเช่นกัน
นี่ไม่ใช่อินทรีวิญญาณเพลิงตัวนั้นหรอกหรือ?
มองอย่างไรก็ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย!
อีกอย่าง...
เหตุใดรู้สึกเหมือนมันจะเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ไปแล้ว็มิปาน
สำหรับเรื่องนี้ กู่หยางก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก
"ตอนนี้ก็ถึงเวลาเตรียมตัวไปแล้ว"
กู่หยางเข้าประเด็นทันที
"สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับกำลังจะเปิดแล้วหรือ?"
ฉู่มู่ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ
"ขอรับ"
"ครั้งนี้ก็ให้หลิงเอ้อร์..."
ฉู่หลิงเอ้อร์มีพลังอำนาจไม่เพียงพอ คราวนั้นคงตามเขาไปไม่ได้อยู่แล้ว
อย่างนี้อยู่ในเมืองหลวงคงจะดีกว่า
แต่ฉู่มู่กลับยิ้มแล้วพูดขึ้น "ให้หลิงเอ้อร์ไปกับเจ้าเถอะ เข้าไปในสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับ หลิงเอ้อร์ก็จะได้ดูแลกิจวัตรให้เจ้า"
"แล้วก็...หลิงเอ้อร์ก็จะอายุ 18 แล้วด้วย..."
ฉู่มู่ก็เดินเข้าไปกระซิบข้าง ๆ หูกู่หยาง
ได้ฟังดังนั้น กู่หยางชะงักไป
เร็วขนาดนี้เลยหรือ?
นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย
แต่ว่า
"ท่านไม่กลัวว่าสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับจะไม่ให้หลิงเอ้อร์เข้าไปหรือ?"
"ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับอนุญาตให้อัจฉริยะฟ้าประทานที่เข้าไปพาสาวใช้ติดตามไปด้วยได้ เพราะอัจฉริยะฟ้าประทานย่อมต้องการคนคอยรับใช้อยู่แล้ว"
ฉู่มู่ยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
"เช่นนี้เองรึ"
"ดียิ่งันก! ข้าจะได้อยู่กับสามีแล้ว!"
ฉู่หลิงเอ้อร์เดิมทีก็มีความกลัวและความหดหู่ เพราะอย่างไรก็ต้องแยกจากสามี
พอได้ยินดังนี้ นางก็ตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดตัวลอย
"เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ"
กู่หยางกอดฉู่หลิงเอ้อร์ พยักหน้าให้ฉู่มู่เล็กน้อย
"อืม ไปเถอะ"
ถัดมา
นกจิ๋วอ้วนกลมก็กลายร่างเป็นนกอินทรียักษ์
นำพากู่หยางกับฉู่หลิงเอ้อร์กางปีกบินขึ้น มุ่งหน้าสู่ราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว
ระหว่างทางก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่พอบินออกจากอาณาเขตของแคว้นฉู่ได้ไม่นาน
สีหน้าของกู่หยางก็เปลี่ยนไป
กลิ่นอายทรงพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง 2 เส้นก็พุ่งตรงมาหาพวกเขาจากที่ไม่ไกล!