บทที่ 75: ที่รัก รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?
เป่ยเสวียนเทียน.
ทูตที่ไปยังอาณาจักรอู๋เซิ่งได้กลับมารายงาน สิ่งที่จ้าวปิศาจอาณาจักรอู๋เซิ่งทำและเอ่ยกับจักรพรรดินิตงหวงจื่อโหยว.
ทำให้ตงหวงจื่อโหยวตัดสินใจส่งกองทหารของนางไปยังอาณาจักรอู๋เซิ่งทันที.
ครั้งนี้เหล่าขุนนางไม่มีใครคัดค้าน.
ซึ่งจำนวนหนึ่งก็อยู่ภายใต้แรงกดดันของตงหวงจื่อโหยว.
หลังจากที่นางยึดอาณาจักรหมื่นปิศาจได้ อำนาจของนางก็มั่นคงขึ้น.
อีกเรื่อง จ้าวปิศาจอู๋เซิ่งนั้นเป็นหนี้เป่ยเสวียนเทียนหนึ่งแสนชีวิต ยิ่งปล่อยเรื่องนี้ลากยาวไป ยิ่งส่งผลเสียต่อความมั่นคงของเป่ยเสวียนเทียน.
ทุกคนรู้ดีว่าตงหวงจื่อโหยวแบกรับภารกิจสำคัญ นั่นก็คือการฟื้นฟู่เป่ยเสวียนเทียนขึ้นมาใหม่.
ในขณะนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าสู่สงคราม!
…
เวลาเดียวกันแตกต่างจากโลกภายนอกที่วุ่นวาย.
ในพระราชวังหยก หลินซวนและบุตรสาวทั้งสี่ของเขายังคงใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ
เช้าวันหนึ่งหลังจากพาลูก ๆ รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว.
หลินซวน พาพวกนางไปที่ค่ายกลรวบรวมวิญญาณเพื่อฝึกฝนกระบี่ตามกำหนดการที่ถูกวางเอาไว้.
ต้องบอกว่าพรสวรรค์ของสาวน้อยไม่ธรรมดา ในการฝึกฝนวิชากระบี่อู๋จี้.
ไม่เพียงแต่พวกนางเข้าใจเจตนากระบี่ที่สอนโดยหลินซวนอย่างถ่องแท้เท่านั้น พวกนางยังผสมผสานทักษะกระบี่ของตงหวงจื่อโหยวเข้ามาได้อย่างลงตัว
ทุกกระบวนท่าและรูปแบบ ที่แตกต่างกัน แต่กับทรงพลังไม่ธรรมดา.
เมื่อเห็นบุตรสาวก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หลินซวนก็มีความรู้สึกคาดหวังว่า พวกนางจะกลายเป็นฟีนิกซ์
“เมื่อพวกนางโตขึ้น พวกนางทั้งหมดต้องเป็นเซียนกระบี่หญิงที่ทรงพลัง”
ดวงตาของหลินซวนที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรอยยิ้มอันอบอุ่น.
หลังจากฝึกซ้อมได้สักพัก ในขณะที่พักผ่อน หลินซวน ก็ได้อธิบายวิถีกระบี่ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นให้กับพวกนางฟัง
เสวียนจู่ยกมือเล็ก ๆ ของนางขึ้นแล้วถามว่า "เสด็จพ่อ วิถีกระบี่ทั้งหมดที่ทุกคนสำเร็จนั้นเหมือนกันทุกประการหรือเปล่า?"
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ฟังคำอธิบายของ หลินซวน เกี่ยวกับวิถีกระบี่ครั้งที่แล้วในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น แต่นางก็ไม่เข้าใจมากนัก
ตอนนี้เสด็จพ่อกำลังอธิบายวิถีกระบี่ให้ทุกคนฟังอีกครั้ง และนางอยากจะไขข้อสงสัยเรื่องนี้เช่นกัน.
หลินซวนส่ายหน้าและยิ้ม: "เต๋าที่กล่าวได้ มิใช่เต๋าอันแท้จริง นามที่เรียกได้ มิใช่นามอันแท้จริง ทุกคนมีวิชากระบี่ที่แตกต่างกันในใจ ขึ้นอยู่กับการปรุงแต่งและรับรู้ของตัวเองทั้งนั้น"
เสวียนซียกมือเล็ก ๆ ของนางขึ้น: "ข้าเข้าใจแล้ว วิถีกระบี่ที่เหมาะกับตัวเองเท่านั้น ถึงจะเป็นวิถีกระบี่ที่ดีที่สุด!"
หลินซวนบีบจมูกเล็ก ๆ ของนาง "ถูกต้อง!"
เสวียนหานเอ่ยด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า: "วิชากระบี่ที่ข้าต้องการ คือความสวยงามราวกับเมฆบนท้องฟ้า และใสสะอาดราวกับแม่น้ำ"
หลินซวนยิ้มและเอ่ยว่า "เมื่อเจ้าไปถึงระดับหนึ่ง เจ้าสามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์"
นางรู้ดีว่าเสวียนหาน มีนิสัยเงียบ ๆ และวิถีกระบี่ที่นางตามหาก็ต้องเป็นวิถีกระบี่อยู่บนเส้นทางความเงียบสงบเช่นกัน
เสวียนหยูวางมือบนหน้าอกของนางแล้วเอ่ยออกมาว่า: "ถ้าอย่างนั้น วิถีกระบี่ของข้า ไร้เทียมทานและบ้าคลั่ง!"
หลินซวนถามด้วยสีหน้าตื่นตะลึง!: "ธิดาที่รัก เจ้ารู้ไหมว่าหมายถึงอะไร?"
"ข้ารู้!" เสวียนหยูเอ่ยด้วยสีหน้าแน่วแน่ "หมายความว่าข้าพ่นเปลวเพลิงยักษ์ออกมาแล้วเผาไหม้ปิศาจร้ายทั้งหมด!"
ก่อนที่ หลินซวน จะเอ่ย เสวียนจู่,เสวียนซี และ เสวียนหาน ก็ส่ายหน้าทันที:
“ไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง บ้าคลั่งพ่นไฟตัวแดง เจ้าก็จะกลายเป็นปิศาจ!”
เสวียนหยูเกาศีรษะของนาง หลังจากได้รับฟัง ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางสับสน: "เป็นเช่นนั้นเหรอ?"
หลังจากคิดดูแล้วนางก็รู้สึกว่าสิ่งที่พี่สาวเอ่ยนั้นดูสมเหตุสมผล
หลินซวนส่ายหน้าและเผยยิ้ม
สาวน้อยเจ้าอารมณ์ผู้นี้ ยังไม่เข้าใจว่า ธาตุไฟเข้าแทรกคืออะไร
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกนางเพิ่งเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนได้ไม่นานมานี้
ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้และทักษะที่สอนโดยตงหวง จือโหยวนั้นมาจากระดับต่ำไปสูง ก้าวไปทีละขั้นตอน ๆ
เกี่ยวกับธาตุไฟเข้าแทรกจนบ้าคลั่ง พวกนางยังไม่เข้าใจ.
ยังไม่สายที่จะพูดคุยกันนางตั้งแต่เนิ่น ๆ.
หลินซวนเอ่ย: "สิ่งที่เรียกว่าบ้าคลั่ง หลงผิดและสูญเสียเหตุผลในการฝึกฝนกลายเป็นปิศาจไป และท้ายที่สุดก็ทำร้ายผู้อื่นและตัวเจ้าเอง"
“ความบ้าคลั่งสถานะเบา ทำให้ฐานบ่มเพาะถดถอย และบ้าคลั่งหนักก็ทำให้คนผู้นั้นเสียสติและลุแก่ความตาย”
“ว้า~ แย่มาก!”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ปิดปากด้วยความหวาดกลัว
"ถูกต้อง." หลินซวน พยักหน้า "ครั้งที่แล้วในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น พี่ชายอาวุโสเจ้านิกายแห่งการเริ่มต้นกลับใจ เพราะเขาตระหนักได้ว่าเขาเกือบจะบ้าคลั่งไปแล้ว"
“โอ้ว! เป็นเช่นนั้น!”
คราวนี้สาวน้อยก็เข้าใจอย่างถ่องแท้
“เสด็จพ่อ ปีศาจเป็นตัวอย่างไรบ้าง?” เสวียนจู่ยังคงใช้สมองของนางต่อไป "ข้าได้ยินมาว่ามีเผ่าพันธุ์ปีศาจมากมายอาศัยอยู่พื้นที่ห่างไกล!"
“ปีศาจก็คล้ายกับเราจริง ๆ บางครั้งความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับปีศาจก็เป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น”
หลินซวนพยายามอธิบายง่ายที่สุด เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจ
“นั่นสินะ...” เสวียนจู่เงยหน้าขึ้นมองและมองออกไปไกล ๆ “คงจะดีไม่น้อยหากข้าได้เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ”
เสวียนซี, เสวียนหาน และ เสวียนหยู ก็พยักหน้าและตั้งความหวังเช่นกัน
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อยู่ในวัยที่พวกนางเข้าใจโลกอย่างถ่องแท้ และมักจะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งแปลกใหม่เหล่านี้อยู่เสมอ
หลินซวน เห็นการแสดงออกของบุตรสาวในดวงตาของเขา ก็เผยยิ้มออกมา.
“ถ้าอยากเห็น พ่อจะพาไปดู”
"เยี่ยมเลย!"
เด็ก ๆ เผยความตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก.
ไม่ว่าพวกนางต้องการอะไรเสด็จพ่อก็ทำให้ทันที
การมีเสด็จพ่อเช่นนี้ มันเยี่ยมมาก!
เมื่อรู้สึกถึงความชื่นชมและความสุขในสายตาของบุตรสาว หลินซวนก็เต็มไปด้วยความความสำเร็จ และพาบุตรสาวออกเดินทางทันที
เพื่อให้บุตรสาวได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางแบบใหม่ หลินซวนจึงพาพวกนางบินด้วยกระบี่โดยตรง
ระหว่างทางแสงไฟสว่างวาบทำให้สาวน้อยตื่นเต้น
ไม่นานหลังจากนั้น.
ท้องฟ้าด้านหน้าที่มืดมน มีเมฆสีแดงเข้มไม่มีที่สิ้นสุด เต็มไปด้วยความอึมครึม.
"ว้าว~ แดนปีศาจช่างสวยงามจริง ๆ!"
ด้วยเสียงอุทานของเด็กหญิงตัวน้อย หลินซวนนำพวกนางเข้าสู่แดนปีศาจสวรรค์
หลังจากเข้าสู่อาณาจักรหมื่นปีศาจแล้ว หลินซวนก็พาพวกนางร่อนลงพื้นและพาบุตรสาวของเขาไปชมวิวทิวทัศน์ของแดนปีศาจตลอดทาง
เพราะอาณาจักรหมื่นปีศาจนั้นถูกล้อมรอบด้วยภูเขาหนึ่งแสนลูก
ระหว่างทาง เด็กหญิงตัวเล็กได้เห็นดอกไม้และวัชพืชแปลก ๆ มากมายซึ่ง ดูเป็นเอกลักษณ์ของแดนปีศาจสวรรค์
หลินซวน เป็นเจ้าของหนังสือสวรรค์เสวียนเจี่ย ซึ่งมีความรู้ครอบคลุมทุกสิ่ง
ดังนั้นเขาจึงอธิบายชื่อและหน้าที่ของดอกไม้และพืชแปลก ๆ เหล่านี้ทีละรายการ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก.
มีสัตว์อสูรตัวเล็ก ๆ เดินผ่านมา
เสวียนหยูหยิบอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรที่ซ่อนอยู่ในอ้อมแขนของนางออกมาแล้วปล่อยให้มันดูสัตว์อสูรในโลกปีศาจ
หวึ่ง~
ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรจะถูกกระตุ้น และหัวทั้งเก้าก็หันไปทางขวาพร้อม ๆ กัน
สัตว์อสูรพยัคฆ์ที่มีลำตัวสีขาวและมีเขาสีเงินก็ปรากฏขึ้น
มันรีบวิ่งออกมาจากป่าและยืนอยู่ข้างหน้าหลินซวนและบุตรสาว.
หลินซวนเห็นว่ามีคราบโลหิตสีม่วงหลายจุดบนร่างกายของมัน
เขาเข้าใจทันทีว่าอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรถูกกระตุ้นด้วยโลหิต
“เสด็จพ่อ นี่คือสัตว์อสูรแบบไหน ทำไมตัวมันถึงมีโลหิตล่ะ?”เสวียนจู่ และคนอื่น ๆ ดูสับสน
หลินซวนเอ่ยออกมาว่า: "ชื่อของสัตว์อสูรตัวนี้คือพยัคฆ์ขาวพระจันทร์เงิน มีนิสัยที่อ่อนโยน มันเป็นสัตว์อสูรที่หายากมาก"
“โลหิตบนตัวของมัน น่าจะมาจากมนุษย์ปีศาจ เพราะโลหิตของมนุษย์ปีศาจนั้นมีสีม่วง”
ในขณะที่เอ่ย พยัคฆ์ขาวพระจันทร์เงินก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ต่ออสรพิษหลามนภาเก้าเศียร แล้วหันหลังกลับ รีบวิ่งเข้าไปในป่าไป
"เสด็จพ่อ ไล่ตามพยัคฆ์ขาวพระจันทร์เงินกันเถอะ!" เสวียนหยูรีบดึงหลินซวนออกมา “เจ้าสัตว์อสูรน่ารักขนาดนี้ ถ้าเจอคนเลวคงแย่แน่!”
เสวียนจู และคนอื่น ๆ ก็มีความคิดเช่นเดียวกับเสวียนหยู ดังนั้นพวกนางจึงกระตุ้นให้ หลินซวนพาพวกนาง ไล่ตามไป
หลินซวนพยักหน้า และปล่อยให้อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรคืนร่างกายเพื่อออกไปสกัดกั้นพยัคฆ์ขาวพระจันทร์เงิน ในขณะที่เขาถูกเด็กหญิงตัวเล็กลากและวิ่งเข้าไปในป่า
…
ในเวลาเดียวกันห่างจากพวกหลินซวนห้าลี้ สตรีในชุดน้ำเงินก็ถูกผู้คนหลายร้อยคนล้อมรอบเอาไว้
“รีบจับ,ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายโหยวลั่วเอาไว้!”
“เห็นแก่ความอ่อนเยาว์ของเจ้า หากเจ้ายอมแพ้แต่โดยดี ข้าสามารถเว้นโทษตายได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องตายแน่!”
เมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากผู้คนจำนวนมาก สตรีในชุดสีน้ำเงิน เซียวเย่หรานที่ขมวดคิ้วไปมาและเอ่ยคำรามด้วยความโกรธ“ฝันไปเถอะ!”