บทที่ 37 เหยียนเหยียนโง่จริงๆ
บทที่ 37 เหยียนเหยียนโง่จริงๆ
โทรศัพท์จากเย่เส้าหวง!
สายตาของคนตระกูลซ่งจับจ้องไปที่ซ่งเสียหยาง
“คุณพ่อ คุณชายเย่พูดอะไรคะ?” ซ่งชิ่งถามอย่างระมัดระวัง
“น่าจะเป็นการมาเอาเรื่อง” โจวเจี้ยนจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยความเย็นชา “คุณชายเย่คงจะอยากถามว่า ฉู่เฉินเอาเงินหนึ่งแสนหยวนไปใช้อะไรมั้ง?”
ซ่งชิวขมวดคิ้ว ครู่หนึ่งต่อมาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ “ในเมื่อเป็นเงินที่ฉู่เฉินให้ฉัน ฉันก็จะรับไว้”
ท่าทีของซ่งชิวดูเด็ดเดี่ยว
ฉู่เฉินช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาจะรับเงินจำนวนนี้ รับผิดชอบแทนฉู่เฉิน มันไม่เห็นจะเป็นไร
“เสี่ยวชิว นายเป็นอะไรไป?” ซ่งหยุนดูเหมือนจะอ่านความคิดของซ่งชิวออก เธอแค่นเสียง “อย่าคิดว่าเป็นฉู่เฉินที่ช่วยชีวิตนาย อย่าลืมนะว่า ตอนนั้นไม่มีใครเห็นเข็มเงิน มีแค่เขาเท่านั้นที่เห็น เข็มเงินซ่อนอยู่ในแส้ ถ้าไม่ใช่เพราะตั้งใจจะดู ย่อมไม่มีทางมองเห็นได้ง่ายๆ”
“ฉันเชื่อว่า อีกไม่นานพ่อบ้านหรูไห่จะสืบหาความจริงออกมาได้ ถ้าเป็นฉู่เฉินจริงๆ ชีวิตที่เหลือของนาย ก็เตรียมตัวใช้ชีวิตอยู่ในคุกเถอะ” หลินซิ่นผิงจ้องไปที่ฉู่เฉิน “ความลับไม่มีในโลก”
คนตระกูลซ่งหลายคนพูดจากดดัน สายตาของพวกเขาเหมือนกำลังตรวจสอบ
“นายจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง?”
ในตอนนี้ ซ่งเสียหยางเอ่ยปากอย่างช้าๆ มองไปที่ฉู่เฉิน
ตลอดห้าปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่ามองลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านคนนี้ไม่ออก
หาเรื่องที่โรงแรมหวงถิง นำพาหายนะมาสู่ตระกูลซ่ง วันต่อมากลับได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลเซี่ย เซ็นสัญญาความร่วมมือ
ระหว่างทางกลับจากโรงแรมหวงถิง ซ้อมเย่เส้าหวง หลังจากที่เย่เส้าหวงโดนพิษงู ฉู่เฉินยังเอาน้ำในทะเลสาบซ่งที่ตักใส่รองเท้าไปสาดใส่หน้าเย่เส้าหวง...
หลังจากที่เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้น ซ่งเสียหยางคิดว่า ฉู่เฉินจะต้องถูกเย่เส้าหวงแก้แค้นอย่างบ้าคลั่ง หรือแม้กระทั่งทำให้ตระกูลซ่งเดือดร้อน
เงินขอบคุณหนึ่งแสนหยวนในคืนนี้ ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
แต่เมื่อกี้ โทรศัพท์ที่ซ่งเสียหยางรับ เย่เส้าหวงสัญญาด้วยตัวเองว่า จะเริ่มต้นความร่วมมือระหว่างสามตระกูลอีกครั้ง บอกให้ซ่งเสียหยางไปประชุมเพื่อหารือรายละเอียดความร่วมมือในขั้นต่อไป
“คุณพ่อพูดถูก นายเล่ามาสิว่า นายจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง?” หลินซิ่นผิงจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยความเย็นชา
เขาคิดว่าซ่งเสียหยางก็กำลังซักถามเรื่องเข็มเงินที่ซ่อนอยู่ในแส้
“เย่เส้าหวงเป็นคนดี เขารู้ว่าบุญคุณแม้เพียงหยดน้ำ จะตอบแทนด้วยน้ำพุ” ฉู่เฉินตอบอย่างสบายๆ “ผมช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาก็เลยอยากจะตอบแทนผม”
หลินซิ่นผิงเลิกคิ้ว “นายกำลังพูดเรื่องอะไร?”
“เริ่มทำตัวเป็นคนปัญญาอ่อนอีกแล้วเหรอ?” โจวเจี้ยนหัวเราะเยาะ
“พวกแกหุบปาก!” ซ่งเสียหยางตะโกนออกมาอย่างเย็นชา หันไปพูดว่า “เมื่อกี้คุณชายเย่โทรมา เริ่มต้นความร่วมมือระหว่างเย่ ซ่ง หรง อีกครั้ง”
ทันทีที่พูดจบ ห้องโถงก็เงียบลงในทันที
ซ่งเหยียนก็มองไปที่ฉู่เฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เธอจำได้ว่าวันนี้เธอถามฉู่เฉิน ฉู่เฉินตอบว่ากำลังคุยกับเย่เส้าหวง
เรื่องนี้เป็นความจริงงั้นเหรอ?
ซ่งชิวอ้าปากค้าง
คนอื่นไม่รู้ แต่เขาเห็นกับตาว่าฉู่เฉินซ้อมเย่เส้าหวงกับหรงตงข้างถนน
จัดการกับเย่เส้าหวงเหมือนกับขยะ
เย่เส้าหวงกลับยอมเนี้ยนะ?
นี่เขากำลังฝันอยู่หรือเปล่า
เย่เส้าหวงกำลังตอบแทนบุญคุณที่ฉู่เฉินช่วยชีวิตเขาเอาไว้จริงๆ เหรอ?
แม้ว่าคำพูดนี้จะฟังดูไร้สาระ แต่ก็ไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว
“เยี่ยม!” ซ่งชิวถือเงินหนึ่งแสนหยวน ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ขอบคุณพี่เขยสาม”
แม้ว่าเขาจะเป็นคุณชายของตระกูลซ่ง แต่เงินใช้จ่ายของเขาก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
เงินหนึ่งแสนหยวนสำหรับซ่งชิวแล้ว ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย!
ฉู่เฉินคิดอย่างมีอารมณ์
เฮ้อ… มีเงินก็ทำให้ผีโม่แป้ง
แม้แต่น้องเมียก็ยังเรียกเขาว่าพี่เขยได้!
นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่งชิวเรียกฉู่เฉินว่าพี่เขยตลอดห้าปีที่ผ่านมา
“คุณพ่อ หนูมีเรื่องจะคุยกับคุณพ่อ” ซ่งเหยียนไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนี้ เธอเดินเข้าไป “วันนี้หนูคุยกับตัวแทนของตระกูลเซี่ยแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทยาเป่ยเฉิน เรื่องสถานที่ตั้งบริษัท ให้ตระกูลซ่งเป็นคนตัดสินใจ และจัดหา หนูอยากจะเลือกที่ตึกจินทาน”
“น้องสาม เธอเพ้อฝันเกินไปแล้ว” หลินซิ่นผิงหลุดปากพูดออกมาทันที จากนั้นพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พูดถึงราคา ตึกจินทานเป็นตึกที่แพงที่สุดในเมืองฉานตอนนี้ เธอคิดเรื่องต้นทุนบ้างหรือเปล่า? ทรัพย์สินของตระกูลซ่ง จะทุ่มทั้งหมดเพื่อลงทุนกับบริษัทยาเป่ยเฉินที่เธอพูดถึงไม่ได้? พูดถึงมูลค่า การแข่งขันในวงการยาของเมืองฉานดุเดือดแค่ไหน? พี่คิดว่าไม่ต้องพูดอะไรมากเธอก็คงรู้ บริษัทยาที่อยู่ในตึกจินทาน ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการยาของเมืองฉาน หากบริษัทยาเป่ยเฉินไปอยู่ที่นั่น พวกจะด้อยกว่าแค่ไหน พวกเราย่อมรู้ดี”
“ซิ่นผิงวิเคราะห์ถูกต้อง” ซ่งหยุนกล่าวต่อ “ตระกูลเซี่ยมีความสามารถจริง แต่พวกเขาเก่งอยู่ที่เมืองหยาง บริษัทยาเป่ยเฉินอยากจะเปิดตลาดที่เมืองฉาน เราจะเพ้อฝันไม่ได้ ต้องการที่จะประสบความสำเร็จในขั้นตอนเดียว ต้องค่อยๆ ทำอย่างมั่นคง ดีที่สุดคือเลือกอาคารสำนักงานที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางธุรกิจ ก่อนอื่นก็ต้องควบคุมต้นทุนให้ดี ตระกูลซ่งมีงบประมาณสำหรับการลงทุนโปรเจ็กต์นี้ ถ้าเกินงบ ถ้าอาสองรู้เข้า เขาจะไปฟ้องคุณปู่…”
สีหน้าของซ่งเสียหยางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วแน่น
“ถ้าผมจำไม่ผิด ความร่วมมือระหว่างซ่งกับเซี่ย ภรรยาของผมเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดนะ”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทันใด
ทุกคนมองไป
ฉู่เฉินเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ซ่งเหยียน “แค่เลือกตึกจินทาน มันก็เกินงบประมาณแล้วเหรอ?”
“ฉู่เฉิน แกไม่รู้ก็อย่าพูดมั่ว อกรู้ไหมว่าการลงทุนบริษัทยาทั้งหมด แต่ละขั้นตอนต้องใช้เงินเท่าไหร่?” หลินซิ่นผิงตะโกนออกมาอย่างเย็นชา “ตระกูลซ่ง ตระกูลเซี่ย ไม่มีความรู้ด้านนี้ในเมืองฉาน ต้องการตึกจินทาน จะให้คนอื่นหัวเราะเยาะเหรอ? จริงสิ ฉันขอเตือนแกหน่อย ตึกจินทานทั้งห้าชั้น เป็นของตระกูลเย่”
“แน่นอนว่าผมไม่รู้ แค่สนับสนุนภรรยาของผมก็พอแล้ว” ฉู่เฉินยิ้มมองไปที่ซ่งเหยียน สายตาของเขามุ่งมั่น “เธอต้องเป็นคนตัดสินใจ”
ซ่งเหยียนสบตากับฉู่เฉิน ครู่หนึ่งต่อมาก็พยักหน้าเบาๆ “นี่ไม่ใช่แค่ความคิดของหนู ตัวแทนของตระกูลเซี่ยก็หวังว่าจะตั้งบริษัทที่ตึกจินทาน”
หลินซิ่นผิงเห็นว่าซ่งเหยียนยังคงยืนกราน เขาก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียง
“พอเจอปัญหา แล้วรู้สึกเสียใจ จากนั้นค่อยนึกถึงคำพูดของฉันในวันนี้แล้วกัน”
“น้องสาม ทำไมน้องถึงไม่ฟังคำแนะนำ น้องยังเด็ก ความคิดหลายอย่างยังไม่โต” ซ่งหยุนขมวดคิ้ว พูดออกมา
ซ่งชิ่งถอนหายใจ “ต้องเชิญชิงเฟิงเต้าซื่อมาอีกครั้ง คำนวณดวงชะตาของตระกูลซ่งซะแล้ว”
ซ่งเสียหยางสบตากับซ่งเหยียน
ครู่หนึ่งต่อมา
ซ่งเสียหยางไม่ได้ห้าม ท้ายที่สุดแล้ว ฉู่เฉินพูดถูกประโยคหนึ่ง โปรเจ็กต์ทั้งหมด ตระกูลซ่งให้ซ่งเหยียนเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
“ภรรยาจ๋า พวกเรากลับห้องไปพักผ่อนกันเถอะ”
มองไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉินกับซ่งเหยียนที่กำลังจากไป คิ้วของหลินซิ่นผิงก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้น “คุณพ่อ จะปล่อยให้น้องสามทำอะไรตามใจแบบนี้เหรอ?”
“ความร่วมมือกับตระกูลเซี่ยเป็นโอกาส แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า...อาจจะเป็นหายนะ” โจวเจี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “บริษัทยาของตระกูลหลินบ้านพี่เขย ยังไม่เคยคิดที่จะเข้าไปอยู่ในตึกจินทาน บริษัทยาเป่ยเฉินที่เพิ่งก่อตั้ง กลับต้องการที่จะประสบความสำเร็จในขั้นตอนเดียว? ผมเป็นห่วงจริงๆ ว่าเงินลงทุนจำนวนนี้จะสูญเปล่า”
“เซี่ยเป่ยพูดด้วยตัวเองว่า ตระกูลเซี่ยจะร่วมมือกับฉู่เฉินเท่านั้น ส่วนฉู่เฉินก็มอบหมายความร่วมมือทั้งหมดให้เหยียนเหยียน ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว...” ซ่งเสียหยางถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้แต่ปล่อยให้เธอทำ”
“ยังดีที่ความร่วมมือระหว่างสามฝ่ายเริ่มต้นใหม่ ตระกูลซ่งสามารถคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้อีกครั้ง” ซูเยว่เซียนพูดอย่างมีอารมณ์ “ดูเหมือนว่า คุณชายเย่จะจริงใจกับเหยียนเหยียนมากนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น รูม่านตาของซ่งเสียหยางก็หดเล็กลงเล็กน้อย
“ถ้าความร่วมมือระหว่างซ่งกับเซี่ยล้มเหลว งั้นก็ให้เหยียนเหยียนหย่ากับฉู่เฉิน” ซ่งหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ซ่งหรูไห่เดินเข้ามาจากข้างนอก
“ท่านผู้นำ ท่านอาสองกับครอบครัวออกไปแล้วครับ” ซ่งหรูไห่กล่าว
ซ่งเสียหยางมองไป
“ได้ยินซ่งชิ่งเผิงบอกเขาว่า คุณหนูหวงชวนพวกเขาไปดื่มชาที่โรงแรมหวงถิง”
ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของคนตระกูลซ่งก็เปลี่ยนไปทันที
“ซ่งมู่หยางเอาใจตระกูลหวงได้?” ใบหน้าของซูเยว่เซียนซีดเผือด
“ได้ยินมานานแล้วว่า ซ่งชิ่งหลงกำลังตามจีบคุณหนูคนหนึ่งของตระกูลหวง...” สีหน้าของโจวเจี้ยนดูเคร่งขรึม “ตอนนี้คุณหนูหวงชวนครอบครัวของพวกเขาไปดื่มชาที่หวงถิง น่าจะเป็น...”
“เป็นความผิดของเหยียนเหยียน!” ซ่งชิ่งอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “คุณชายเย่ชอบเธอมาก แต่เธอกลับยืนกรานที่จะอยู่กับคนปัญญาอ่อน ตอนนี้ก็ดีสินะ ถ้าอาสองกับพวกเป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลหวง บ้านหลังนี้ คงจะไม่ใช่พวกเราที่เป็นใหญ่แล้ว”
“ตระกูลเย่ช่วงนี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะเทียบกับตระกูลหวงไม่ได้ แต่ในเมืองฉานก็มีไม่กี่ตระกูลที่เทียบได้” ซ่งหยุนถอนหายใจ “น่าเสียดาย เหยียนเหยียนโง่จริงๆ”