บทที่ 33 ผู้เชี่ยวชาญ (5)
บทที่ 33 ผู้เชี่ยวชาญ (5)
. .
ในวันที่ 20 หน้าอพาร์ทเมนท์ของคังวูจิน
เช้าตรู่ ท่ามกลางอากาศที่อุ่นสบาย คังวูจินสวมเสื้อสเวตเตอร์สีเทา ก้าวออกมาจากอพาร์ทเมนต์ของเขา ตรงหน้าเขามีรถตู้สีดำที่คุ้นเคยจอดอยู่
ยามนั้นเอง
"คุณคังวูจิน!"
ซีอีโอชเวซองกุนเห็นคังวูจิน จึงลงจากรถตู้และหัวเราะอย่างออกรส
“สวัสดีตอนเช้า ขึ้นมาสิครับ!”
เขาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารพร้อมกับท่าทางเบิกบาน คังวูจินก็คล้อยไปตามอารมณ์ของเขาเช่นกัน แน่นอนแค่ภายในใจเท่านั้น สาเหตุที่เขาสุขใจมากคงเพราะเรื่องที่เขาสามารถจำภาษาอังกฤษที่เพิ่งได้เรียนรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนได้กระมัง
‘อืม เช้านี้วิเศษจริง ๆ’
คังวูจินทักทายซีอีโอชเวซองกุนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าความรู้สึกของเขา
"สวัสดีครับ ซีอีโอ"
หลังจากคังวูจินขึ้นรถซีอีโอชเวซองกุน เขาจึงขึ้นเบาะคนขับและรถก็เริ่มเคลื่อนตัว ซีอีโอชเวซองกุนเหลือบมองคังวูจินที่เบาะข้างคนขับ ขณะที่เขากำลังขับรถออกจากซอย
‘ทำไมวันนี้เขาดูเย็นชาจัง? เมื่อวันก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?’
เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นเลย ตอนนี้ถึงคังวูจินที่มีสีหน้าเรียบเฉย แต่ที่จริงกำลังจมอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านเล็ก ๆ น้อย ๆ
‘หิวจัง กินข้าวเช้าดีไหมนะ? อยู่ ๆ ฉันก็อยากกินบะหมี่เย็น อยากทงคัตสึด้วย’
ซีอีโอชเวซองกุนที่ไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ฮงฮเยยอนนักแสดงหญิงที่เขาดูแลมาอย่างยาวนานนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย แต่คังวูจินยิ่งกว่านั้นอีกหลายเท่า เป็นถึงคนบ้าที่ปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกูคนนี้
‘ทำไมมีแต่คนบ้า ๆ มารวมตัวกันรอบตัวฉันกันเนี่ย?’
แต่ก็นะ คนบ้าพวกนี้ก็มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ซีอีโอชเวได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ก่อนจะเริ่มบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม
“คุณคังวูจิน คุณได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับการถ่ายทำเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ครั้งแรกแล้วหรือเปล่าครับ? พวกเขาบอกว่ามันจะเป็นวันที่ 25 นี้”
"ครับ ผมทราบแล้ว"
"ผมกำลังจัดการทุกอย่างให้นะครับ แม้ว่าคุณPDซงมันวูยังไม่ยืนยัน แต่ดูเหมือนว่าจะถ่ายฉากของรยูจองมินและรองหัวหน้าพัคก่อน"
ตอนนี้ใจของคังวูจินเริ่มเต้นระรัว
หลังจากการซ้อมถ่ายทำผ่าน 'สำนักงานนักสืบ' จบลง ตอนนี้ก็ถึงเวลาถ่ายทำจริงแล้ว การถ่ายทำครั้งนี้คงจะไม่สั้นเหมือน 'สำนักงานนักสืบ' ซึ่งเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด เขาจำเป็นต้องรักษาระดับการแสดงให้นิ่งและสม่ำเสมอตลอดการถ่ายทำ มันน่าตื่นเต้นมาก จากนั้นเอง ซีอีโอชเวซองกุนก็ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่กังวลเลย
"ดูเหมือนว่าคุณจะกังวลเลยนะครับ คุณคังวูจิน ว่าแต่เรื่องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการถ่ายทำในอีกห้าวันข้างหน้า คุณต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ?"
"ยังไม่มีครับ"
"เข้าใจแล้วงั้น งั้นวันนี้เราจะเริ่มต้นด้วยการถ่ายรูปโปรไฟล์ก่อนแล้วกัน"
เอ่อ รูปโปรไฟล์ ต้องใช้ท่าโพสต์เท่ ๆ สำหรับรูปโปรไฟล์หรือเปล่า? คังวูจินเคยเห็นภาพโปรไฟล์นักแสดงมาก่อน ทันใดนั้นความอายคล้ายคลื่นเล็ก ๆ พลันพัดผ่านเข้ามา เอ่อ ไม่ใช่ความอายอย่างเดียว แต่มันใกล้เคียงกับความเขินมากกว่า
'ฉันไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อนเลย ต้องโพสต์ท่าแบบไหนเนี่ย?’
เขารู้สึกเก้งก้างตลอดเวลาเลยตอนถ่ายรูปบัตรประชาชน
แต่มันก็น่าจะคล้ายกับการแสดงใช่ไหมนะ? เขาพยายามกลบเกลื่อนความเขินอาย คังวูจินกลบเกลื่อนมันเอาไว้ และพูดเบา ๆ กับซีอีโอชเวซองกุนที่เพิ่งเลี้ยวรถไปทางขวา
"ซีอีโอครับ คุณพูดกับผมแบบสบาย ๆ ก็ได้นะครับ"
เขารู้สึกอึดอัดใจกับการพูดแบบสุภาพมาก ซึ่งราวกับได้ยินความคิดภายในใจของคังวูจิน ซีอีโอชเวซองกุนจึงพยักหน้าและตอบไปว่า
“อ้อ อย่างนั้นเหรอ? งั้นคังวูจิน แบบนี้โอเคใช่ไหมครับ?”
ในน้ำเสียงที่ผสมระหว่างคำสุภาพและคำไม่สุภาพ ซีอีโอชเวซองกุนก็อธิบายตารางงานประจำวันให้ฟัง
อันดับแรก เราต้องสร้างโปรไฟล์อย่างเป็นทางการของคังวูจินก่อน เพราะเขามีสังกัดแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้สำหรับโปรโมทภายนอกหรือบนเว็บไซต์ พวกเขาต้องถ่ายรูปประจำตัวก่อน ด้วยเหตุนี้จึงไปที่ร้านเสริมสวยเพื่อแต่งหน้า
ที่นี่เป็นร้านเสริมสวยสำหรับคนดังเท่านั้น
ผ่านไปสักพัก คังวูจินก็รู้สึกตื่นเต้นพอสมควร
‘ในที่สุด ฉันก็จะได้ไปร้านเสริมสวยของคนดังเพื่อไปแต่งหน้าแล้ว’
คังวูจินเป็นคนธรรมดา รู้เพียงแค่ประโยคเดียวเวลาไปร้านตัดผม
ตัดผมสั้นหน่อยครับ
เรื่องนี้อาจจะเป็นแบบเดียวกันกับผู้ชายทุกคน แต่สำหรับคังวูจินมันแย่ยิ่งกว่า เพราะเขาไว้ผมสั้น ร้านตัดผมเลยเป็นสถานที่ที่น่าอึดอัด แต่ตอนนี้เขากำลังไปร้านเสริมสวยที่นักแสดงไปกัน
ในยามนี้เอง
"คังวูจิน"
เมื่อเจอะเข้ากับสัญญาณไฟแดง ซีอีโอชเวซองกุนก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างกะทันหัน
“ผมปฏิเสธการคัดเลือกกับบ็อกซ์มูฟวี่ไปแล้ว หัวหน้าชเวโดมินเดือดมาก แต่ยังไงก็ตาม ผมปฏิเสธไปแล้ว”
อ๋อ เรื่องนั้นเหรอ? เขาลืมมันไปเสียสนิทเลย จริง ๆ แล้วคังวูจินลืมเรื่องพวกนนั้นไปแล้ว เพราะการได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษมันเป็นเรื่องใหญ่มากเกินไปสำหรับเขา
“อ้อ อย่างนั้นเหรอ? ขอบคุณครับ”
ซีอีโอชเวซองกุนได้แต่เกาหัว พลางยิ้มน้อย ๆ
“บอกตามตรง ผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หากมีเหตุผลที่จริงจังมากมันคงไม่เป็นอะไร แต่แบบนี้มันก็... เฮ้อ ไม่สำคัญแล้วล่ะครับ เอาเป็นว่าคุณคงไม่ได้พูดถึงเรื่องสัญชาตญาณหรืออะไรก็ทำนองนั้นกับหัวหน้าชเวโดมินใช่ไหมครับ?”
“ครับ”
“ถ้าเขาได้ยินเรื่องนั้น เขาคงจะยิ่งโกรธเข้าไปอีก ยังไงซะตอนนี้บ็อกซ์มูฟวี่คงไม่มองคุณด้วยสายตาที่ดีแน่ เพราะพวกเขาดันถูกเมินจากการเสนอบทให้กับดาราโนเนม”
วงการบันเทิงมันเป็นวงการที่คับแคบ ใครอยากปฏิเสธก็ปฏิเสธได้ แต่ว่าวงการบันเทิงมันก็เหมือนกับป่า พอมันเป็นแบบนี้แล้ว เขาจะทำอะไรได้อีก? ทว่าคังวูจินกลับตอบไปได้อย่างใจเย็นกว่าที่คาดไว้
“แต่มันก็ยังดีกว่าไปปฏิเสธเขาหลังจากที่ได้คัดเลือกไปแล้วนะครับ”
“ถูกต้องครับ การปฏิเสธไปตั้งแต่แรกเลยมันย่อมส่งผลกระทบน้อยกว่า แต่ก็นั่นแหละครับ ต่อไปนี้คุณคงจะได้ร่วมงานกับผู้กำกับวูฮยอนกูยากขึ้นแน่ ๆ คุณรู้ใช่ไหม? เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ และเอาแต่ใจตัวเองด้วย”
แล้วจะให้เขาทำยังไง? แค่เพราะเขาเป็นผู้กำกับฝีมือดี ฉันก็ไม่สามารถไปเล่นหนังกาก ๆ ได้หรอกนะรู้ใช่ไหม? ถึงจะน่าเสียดายที่เขาเป็นถึงผู้กำกับฝีมือดี...แต่ถ้าหนังมันห่วย ก็เป็นแค่การเสียเวลาเปล่า ๆ
‘ด้วยเหตุนี้ ฉันคงต้องโกหกนิดหน่อยแล้วล่ะ’
คังวูจินตอบกลับด้วยท่าทีจริงจัง
“ผมไม่สนใจครับ”
พอเห็นท่าทางของคังวูจิน ซีอีโอชเวซองกุนก็พึมพำกับตัวเองเบา ๆ
‘เขาเฉยเมยกับหนังของผู้กำกับฝีมือดีขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ยิ่งดู ยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคนทั่วไปเลยแฮะ'
ความเข้าใจผิดมันกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ แบบทุกวินาที แต่ซีอีโอชเวซองกุนก็ไม่รู้ตัว พอไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว เสียงอันเรียบเฉยของคังวูจินก็ดังขึ้น
“ซีอีโอ ผมต้องการชุดสูทครับ”
"สูทเหรอ? อยู่ ๆ นายอยากได้สูทขึ้นมาทำไม?”
ทำไมงั้นเหรอ? เพราะผู้กำกับชินดงชุนบอกให้เขาซื้อสูท ถึงเขาจะยังไม่แน่ว่าจะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศหรือเปล่า แต่เขาก็คิดว่ายังไงคงต้องใช้สูทอยู่ดี
อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่คังวูจินคิด
แต่คำตอบที่ออกจากปากไปมันต้องน่าสนใจหน่อย 'คำว่า ‘เผื่อไว้’ มันดูฟังไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร คังวูจินจึงคิดว่าควรจะต้องผสมความหยิ่งยโสเข้าไปด้วย
“ผมตั้งใจจะใส่มันไปงาน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ครับ”
“… ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ งั้นเหรอครับ?”
“ครับ”
เมื่อได้ยินคำตอบจริงจังของคังวูจิน ซีอีโอชเวซองกุนก็รู้สึกประทับใจยิ่ง
‘ถ้านายเข้ารอบชิงไม่ได้ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรไปงานเทศกาลหนังสิ แต่สำหรับหมอนี่ เขาไม่มีพื้นฐานความคิดถึงว่าเรื่องนี้จะล้มเหลวเลยเหรอ? มั่นใจในตัวเองมากมันเกินไปแล้ว’
ซีอีโอชเวซองกุนคิดเองเออเอง ว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเองมาก
“ฮ่า ๆ ได้อยู่แล้วครับ ‘สำนักงานนักสืบ’ คงได้รางวัลใหญ่แน่นอนใช่ไหม? แต่ถึงจะไม่ยังไง นายก็ควรเตรียมสูทไว้อยู่ดี ซึ่งนายคงมีอยู่แล้วแหละ ทว่านี่คืองานเทศกาลใหญ่ เราคงต้องดูแลภาพลักษณ์มากกว่าเดิมด้วย”
จากนั้น หลังจากคิดอยู่สักพัก ซีอีโอชเวซองกุนก็ตัดสินใจ
“เรื่องสูท แน่นอนว่าทางบริษัทจัดการให้ได้ เพราะมันจำเป็นสำหรับการทำงาน วันนี้คงจะยุ่งมาก งั้นจัดการเรื่องสูทวันนี้เลยละกัน เอ่อ- เพราะว่าฮงฮเยยอนเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์หรูพอดี การหาสูทผู้ชายคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไหน ๆ พอพูดถึงสูทแล้ว ลองเพิ่มรูปใส่สูทลงในโปรไฟล์คุณดูด้วยสิ”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘หรู’ คังวูจินก็หูชันขึ้นมาทันที
‘สุดยอดเลย ให้สูทแบรนด์หรูกับฉันเฉย ๆ งี้เลยเหรอ?’
จากนั้นบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของคังวูจินทันที มันเป็นประโยคที่เขาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน
“ผมขอบทภาษาญี่ปุ่นได้ไหมครับ?”
“… ภาษาญี่ปุ่น? นี่เป็นคำขอที่แปลกประหลาดมาก ทำไมต้องเป็นบทภาษาญี่ปุ่นด้วยล่ะครับ?”
เพื่อตอบคำถามนั้น คังวูจินก็ตอบกลับไปอย่างจริงจัง
“ผมแค่อยากลองดู ไม่มีเหตุผลอะไรมาก”
สองชั่วโมงต่อมา ที่ร้านเสริมสวยขนาดใหญ่ย่านชองดัมดง
ประมาณเที่ยง ร้านในอาคารสามชั้นดูหรูหราตั้งแต่แวบแรก ภายในตกแต่งราวกับวัง และคังวูจินกำลังอยู่บนชั้นสาม ซีอีโอชเวซองกุนอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ซึ่งท่ามกลางเก้าอี้หลายตัวตรงกลาง เป็นคังวูจินที่กำลังนั่ง...ไม่สิ
“…”
กำลังหลับอยู่ เขาอยู่ในร้านตั้งแต่เช้าและรู้สึกเหนื่อยเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน นอกจากนี้ มันอาจเป็นเพราะเบาะที่เขานั่งค่อนข้างสบายอีกด้วย
ทันใดนั้นเอง...
-พึบ
คังวูจินที่หลับอยู่ก็ลืมตาขึ้น โชคดีที่เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนมากนัก คังวูจินทำหน้าราวกับเพิ่งตื่นจากการงีบหลับในห้องเรียน
‘ฉันหลับไปเหรอเนี่ย? แย่ชะมัด-เป็นเพราะเก้าอี้สบายเกินไปหรือเปล่า? แต่ฉันยังรู้สึกง่วงอยู่เลยแฮะ’
ในเวลานั้นเอง
“โอ๊ะ”
ดีไซเนอร์สาวที่ยืนอยู่ด้านหลังคังวูจินก็ยิ้มออกมา
“คุณคงเหนื่อยมากสินะคะ”
ผู้หญิงในเสื้อเชิ้ตสีขาวมีผมยาวสีเหลืองพูดขึ้นมา ส่วนคังวูจินก็ได้แต่กลั้นความอายไว้แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
“ผมแค่กำลังนึกถึงบท”
นั่นไม่ใช่ความจริงเลย เขาแค่ผล็อยหลับไปโดยไม่คิดอะไร ซึ่งที่พูดออกไปแบบนี้เพราะแค่เขาอายเท่านั้น ซึ่งโชคดีที่ดีไซเนอร์ไม่สงสัยคำพูดโกหกของคังวูจิน
“เป็นอย่างนั้นเหรอคะ? ถ้าบอกว่ากำลังคิดถึงบทอยู่ แสดงว่าคุณเป็นนักแสดงหน้าใหม่ใช่ไหมคะ? คุณดูเหมือนนักแสดงมากเลย ว่าแต่คุณตัดสินใจใช้ชื่อบนวงการแสดงของคุณแล้วหรือยังคะ?”
“แค่คังวูจินครับ”
“อ๋อ คุณคังวูจิน! มาบ่อย ๆ นะคะ นี่คือร้านประจำของคุณฮงฮเยยอนเลยค่ะ”
“ครับ”
“เสร็จแล้วลองดูสิคะ ซีอีโอชเวซองกุนให้ฉันทำให้ดีที่สุด ฉันเองก็ลงมือสุดความสามารถเลย”
ในไม่ช้า คังวูจินก็สบตากับภาพสะท้อนในกระจกเงาตรงหน้าเขา แล้วเขาก็ตรวจสอบภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก สิ่งที่น่าสนใจตรงนี้คือ
“?!?!”
ดวงตาของคังวูจินเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของเขาเอง เหตุผลนั้นง่ายมาก
เพราะคังวูจินในกระจก...
‘… ว้าว นายคือใคร? นั่นฉันจริง ๆ เหรอ?’
เขาเปลี่ยนไปเป็นตัวเองที่หล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ใช่แค่ในสายตาของคังวูจินเท่านั้น ดีไซเนอร์ผมสีทองที่แต่งหน้าให้เขาก็เช่นกัน
“แม้แต่ซีอีโอชเวซองกุนคงจะประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แน่เลย ว่าไหมคะ?”
ในเวลานั้นเอง ที่กองถ่าย 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'
เนื่องจากวันถ่ายทำวันแรกได้รับการยืนยันแล้ว ทีม'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' จึงยุ่งมาก แม้กระทั่งตอนนี้ พวกเขาก็กำลังตรวจสอบการตรวจสอบขั้นสุดท้าย แน่นอนว่าความรับผิดชอบทั้งหมดเป็นของ PDซงมันวู
เขาตอนนี้กำลังสั่งทีมกำกับ
“ทันทีที่การตรวจสอบที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว บอกทีมงานที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำให้รอด้วย ผมจะคุยกับผู้กำกับกล้องแยก”
“ครับ ครับ คุณPD”
“เหลือเวลาอีก 5 วันก่อนการถ่ายทำวันแรก! พยายามกันเข้าไว้!”
หลังจากให้คำแนะนำที่เหมาะสมแล้ว PDซงมันวูก็เดินไปที่รถตู้ที่จอดอยู่ในที่จอดรถ มันเป็นการพักผ่อนช่วงสั้น ๆ ในวันก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งนอนไปแค่ 3 ชั่วโมงเอง เขาแทบไม่มีเวลานอนพักเลย
จากนั้นเอง...
"อืม"
ภายในรถ PDซงมันวูนึกถึงคังวูจินเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาได้ไปเป็นคนกลางคัดเลือกตัวนักแสดงหนังใหม่ให้คังวูจิน แต่เขาไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะลงเอยเช่นไร มันทำให้เขาสงสัยมากจริง ๆ ว่าคังวูจินจะมาร่วมงานกับผู้กำกับวูฮยอนกูหรือไม่?
ในไม่ช้า PDซงมันวูก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา แต่คนที่เขาโทรหาไม่ใช่คังวูจิน ทว่าเป็นซีอีโอชเวซองกุน
"สวัสดีครับ ซีอีโอชเวซองกุนครับ"
PDซงมันวูเอ่ยปากทันทีที่ซีอีโอชเวซองกุนรับสายอย่างรวดเร็ว
"คุณยุ่งอยู่ไหม? คุยได้หรือเปล่า?"
ปลายสาย ซีอีโอชเวซองกุนตอบกลับอย่างยินดี
"ไม่ยุ่งแน่นอนครับ ผมต้องรับโทรศัพท์จากPDซงมันวูของเราแน่นอน ต่อให้ผมจะนอนหลับอยู่ก็ต้องรับหได้ ฮ่าฮ่าฮ่า มีอะไรหรือเปล่าครับ?"
ในเวลาเดียวกัน เสียงผู้หญิงดังขึ้น
"PD สวัสดีค่ะ-"
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย PDซงมันวูจึงหัวเราะออกมา
"อ่า อยู่กับคุณฮงฮเยยอนด้วยเหรอ?"
"ใช่ครับ ผมขอโทษนะครับ ฮงฮเยยอนก็อยู่ที่นี่ด้วย ผมเจอกับเธอระหว่างรอคังวูจินที่ร้านค้า อ๋อ คุณโทรมาหาผมเพราะคังวูจินไม่รับโทรศัพท์เหรอครับ? ตอนนี้เขายังอยู่ชั้น 3 ของร้านเสริมสวยครับ"
"เปล่า ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ"
ทันทีที่ชื่อของคังวูจินถูกพูดถึง PDซงมันวูก็เข้าประเด็น
"ผมแค่อยากรู้ว่าการประชุมกับบ็อกซ์มูฟวี่ของคังวูจินเป็นยังไงบ้าง ไปเจอกับผู้กำกับวูฮยอนกูหรือเปล่าครับ?"
"อ๋อ เขาปฏิเสธไปครับ"
"อะไรนะ? ปฏิเสธอะไรครับ?"
"ผลงานชิ้นต่อไปของผู้กำกับวูฮยอนกูครับ แม้ว่าจะไม่ใช่การคัดตัวนักแสดง แต่หัวหน้าชเวโดมินก็กระตือรือร้นที่จะเอาตัวเขามาให้ได้ แต่คังวูจินของเรากลับปฏิเสธอย่างเด็ดขาด"
"จริงหรือ? เหตุผลคืออะไรกัน?"
ต่อคำถามนั้น ซีอีโอชเวซองกุนตอบด้วยน้ำเสียงที่เฉยชายิ่ง
"เขาพูดประมาณว่าสัญชาตญาณครับ เขาแค่อ่านบทไม่กี่หน้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็บอกว่ารู้สึกไม่ดี"
"อะไรนะ?"
มันเป็นคําที่คุ้นเคยมาก รู้สึกไม่ดีงั้นเหรอ? PDซงมันวูลูบเคราของเขาโดยไม่รู้ตัว
'··· คังวูจิน เขาใช้ลางสังหรณ์อีกแล้วเหรอ? สัญชาตญาณถูกกระตุ้น?'
แน่นอนว่ายังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะผลงานเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' และ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'' ยังไม่ออกฉาย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง PDซงมันวูจริงจังกับ 'ความรู้สึก' ของคังวูจินมาก เขาอยากรู้เหลือเกินว่าสายตาและสัญชาตญาณที่แท้จริงของคังวูจินจะทำได้ดีขนาดไหนกัน?
'ว่าแต่ บทภาพยนตร์ของผู้กำกับวูฮยอนกูมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?'
แต่มันแปลกเกินไปแล้ว
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้กำกับวูฮยอนกู แม้ว่าผลงานจะต่ำกว่ามาตรฐานไปหน่อย แต่อย่าลืมสิว่าคังวูจินเป็นแค่นักแสดงโนเนม หากเขาเข้าร่วมการแสดงเรื่องนี้ ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นและคำขอสัมภาษณ์จะหลั่งไหลเข้ามแน่
'แต่เขาปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิดทบทวนเลยงั้นเหรอ? เป็นการกระทำที่มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่ทำได้ อ่า จริงสิ คุณคังวูจินก็มีด้านที่บ้าคลั่งซ่อนอยู่สินะ'
จากนั้นPDซงมันวูก็พึมพำกับโทรศัพท์ของเขา ราวกับว่าเขาจะวางสาย
"อืม คุณเองก็คงทำอะไรไม่ได้สินะครับถ้านักแสดงบอกว่าเขาไม่อยากแสดง"
"ใช่แล้วครับ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณPDนะครับ”
เมื่อวางสาย PDซงมันวูก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความคาดคาดหวังอันแสนแปลกประหลาด
“คน ๆ นี้ชักดูน่าสนุกดีแฮะ”
ตอนนั้นเอง
-♬♪
โทรศัพท์ในมือของPDซงมันวูดังขึ้นอย่างอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้PDซงมันวูที่สงสัยว่าเป็นสายจากใครจึงเอียงคอ เพราะมันเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกชื่อไว้ ทว่าเพราะช่วงนี้เขาสายโทรศัพท์แบบนี้บ่อย ๆ PDซงมันวูจึงรับสายอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ครับ ผมPDซงมันวูเอง”
เสียงผู้ชายตอบกลับจากอีกด้านของโทรศัพท์ เป็นน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยน
“PDซงมันวูครับ นานแล้วนะครับที่ไม่ได้เจอกัน ผมผู้กำกับควอนกีแท็กครับ”
ในไม่ช้า ดวงตาของPDซงมันวูก็เบิกกว้างขึ้น เขาตะโกนไปทันที
“หา? อ๋อ ใช่ครับ! ผู้กำกับครับ! ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ฮ่าฮ่า คุณสบายดีไหม? เอ่อ เราทักทายกันที่งานประกาศรางวัลแบคซังเมื่อสองปีที่แล้ว”
“ผมรู้ ผมจำได้ครับ จะลืมได้ยังไงกัน”
“ผมมีบางอย่างที่อยากรู้ เลยต้องหาเบอร์ของคุณมา ขอโทษนะครับที่โทรไปรบกวนแบบกะทันหัน”
"ครับ?? เปล่าครับ ไม่เป็นไรเลย!”
PDซงมันวูตื่นเต้น เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะผู้กำกับควอนกีแท็กเป็นผู้กำกับฝีมือดีคนหนึ่ง ทัดเทียมกับผู้กำกับวูฮยอนกู ถ้าจะจัดอันดับผู้กำกับแถวหน้าของประเทศ เขาก็จะติดอันดับเสมอ ยิ่งถ้าต้องจัดอันดับจริง ๆ ผู้กำกับควอนกีแท็ก อาจจะอยู่เหนือผู้กำกับวูฮยอนกูด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่าติดอันดับสูงไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ชมรวมและผลงานที่ประสบความสำเร็จ
ผู้กำกับควอนกีแท็กคนนั้น ถามPDซงมันวูว่า
“คุณกำลังเตรียมถ่ายทำละครอยู่ใช่ไหม? ผมตั้งตารอชมอยู่นะ มีกำหนดการถ่ายทำวันแรกหรือยังครับ?”
“อ๋อ ขอบคุณครับ ถ่ายทำวันแรกนัดกันไว้สัปดาห์หน้าครับ แต่ทำไมคุณถึงถามเรื่องนี้กันล่ะครับ?”
“อืม คือผมได้ยินข่าวลือมาว่านักแสดงในละครของคุณ ขยันฝึกฝีมือการแสดงกันมาก เลยอยากจะขอแอบเข้าไปดูการถ่ายทำในวันแรกสักหน่อยน่ะ”
“คุณอยากจะมาสังเกตการณ์งั้นเหรอครับ?”
เมื่อPDซงมันวูถามคำถามนั้น ผู้กำกับควอนกีแท็กก็รีบตอบกลับมาทันทีจากปลายสายว่า
“ใช่ครับ ผมอยากดูการแสดงของรยูจองมิน รบกวนด้วยนะครับ”