ตอนที่แล้วบทที่ 31 ผู้เชี่ยวชาญ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 ผู้เชี่ยวชาญ (5)

บทที่ 32 ผู้เชี่ยวชาญ (4)


[ขออภัยที่ลงช้าครับ ผู้แปลนอกติดธุระ แต่ผมจะพยายามเร่งให้ครับ]

บทที่ 32 ผู้เชี่ยวชาญ (4)

มีอะไรเกิดขึ้น? เกิดอะไรขึ้น? คังวูจินกำลังนั่งอยู่ในห้องอพาร์ทเมนต์ของเขา จ้องมองไปยังมิติว่างเปล่าเบื้องหน้าด้วยความตะลึงงัน ความรู้สึกนี้คล้ายกับตอนที่เขาเข้าไปในมิติว่างเปล่าครั้งแรกไม่มีผิด

"....บ้าไปแล้ว"

เขาใช้สายตามองดูโลกความเป็นจริง แต่กลับรู้สึกเหมือนฝัน แต่ที่จริงหลังจากที่ได้เข้าไปในมิติว่างเปล่า เขาไม่สนใจแล้วว่า 'ความสมจริง' มันคืออะไรอีกต่อไป อีกทั้งมันก็เป็นเรื่องปกติที่ความคิดของเขาจะหยุดชะงักไป เพราะความแปลกประหลาดของสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากนั้นไม่กี่นาที

"อ่า-"

คังวูจินผู้ที่สมองหยุดทำงาน พูดอะไรออกมาก็ได้เป็นภาษาอังกฤษ มันเป็นการแสดงออกถึงสภาวะสุดโต่งของเขาในตอนนี้ เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ

“มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?”

มันไหลลื่น สำเนียงคล่องแคล่วอย่างไม่น่าเชื่อ คังวูจินปล่อยคำอื่น ๆ ออกมาอีก ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ แต่มันกลับหลุดออกมาจากปากเขาอย่างลื่นไหล

นี่มันเทียบเท่ากับคนอเมริกันเชื้อชาติเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เลย

จริงอยู่ว่าคังวูจินรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานอยู่บ้าง แต่เป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเกาหลี ใครที่จบมัธยมก็ทําได้ คังวูจินไม่ได้ประหม่ากับการพูดภาษาอังกฤษขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกคล่องแคล่วอะไร

ทว่าตอนนี้ คังวูจินกลับสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษาเลย

"ว้าว"

คังวูจินรู้สึกทึ่งอย่างแท้จริง เขาเรียนรู้ภาษาต่างประเทศได้ในทันที ซึ่งปกติแล้วเขาต้องเรียนรู้มันด้วยความยากลำบาก คังวูจินรู้สึกราวกับว่าเขาสามารถใช้ชีวิตในอเมริกาได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ เลย  ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะประหลาดใจและอยากสรรเสริญมันขนาดนี้ ความสามารถของมิติว่างเปล่านี้ก็ได้เกินกว่าที่เราจะจินตนาการไปแล้ว

ในไม่ช้า

"เอ่อ ใจเย็น ๆ ก่อนนะตัวฉัน"

เป็นปกติที่คังวูจินจะรู้สึกประหม่า เขาตรวจสอบสภาพของตัวเอง จับศีรษะและร่างกายของเขา เหมือนกับว่าสมองของเขาเต็มไปด้วยภาษาอังกฤษ มันเป็นธรรมชาติมาก ไม่ต่างจากภาษาเกาหลีเลย

เขาไม่จำเป็นต้องคิดถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เขาต้องการเลย

คำพูดที่ต้องการผุดขึ้นมาในใจทันที และเขาก็พูดได้เลย อีกนัยหนึ่งคือ ความรู้สึกนี้เปรียบเสมือนบทพูดที่อยู่ในใจ ราวกับว่าเขาได้ท่องจำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นพัน ๆ ครั้ง แค่เพียงได้สัมผัสประสบการณ์สวมบทบาทในมิติว่างเปล่า คังวูจินก็สามารถพูดภาษาอังกฤษออกไปอย่างคล่องแคล่ว อย่างราบรื่นและนุ่มนวล หลั่งไหลออกมาอย่างราบรื่น

คังวูจินรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างกายทีละน้อย

“แค่ท่องจำบทได้ก็ช็อกแล้ว··· นี่ยังมีเรื่องภาษาต่างประเทศอีกเหรอ? ความสามารถของมิติว่างเปล่ามันบ้ามากเกินไปแล้ว”

จริง ๆ วูจินแวบคิดขึ้นมาเหมือนกันว่า “มันน่าจะทำอะไรแบบนี้ได้” เพราะหลังจากได้เข้าไปแสดงบทบาทในมิติว่างเปล่าแล้วออกมา บทบาทนั้นก็ฝังติดตัว ถ้าระหว่างรับบทบาท เขาได้อ่านบทที่ใช้ภาษาต่างประเทศ บทบาทนั้นก็น่าจะติดอยู่กับเขาเหมือนกัน นั่นคือทั้งหมดที่เขาคิด

แต่...

“··ให้ภาษาเข้ามาในหัวเลยงั้นเหรอ?”

มิติว่างเปล่าไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้น มันเป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ ความรู้สึกเหมือน ‘อะไรนะ?  ภาษาอังกฤษ? นายต้องการมันเหรอ? กังวลเรื่องนั้นไปทำไม งั้นฉันจะให้ภาษาอังกฤษแก่นายเลยแล้วกัน เงินเหรอ? อะไรล่ะนั่ะ? ฟรี ฟรี เอาไปเลย’

รอยยิ้มของคังวูจินค่อย ๆ เผยออกมา

'แบบนี้หมายความว่าฉันจะไปฮอลลีวูดหรือที่อื่นก็ได้แล้วใช่ไหม?'

มันเป็นไปได้แล้ว

แน่นอนว่าฮอลลีวูดเป็นเรื่องไกลตัวเกินไป เขาก็เพียงเคยได้ยินมาเท่านั้น แต่ทักษะภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักแสดงชาวเกาหลีที่ต้องการจะเข้าสู่ฮอลลีวู้ด ไม่เพียงแต่สำหรับนักแสดงเท่านั้น แต่ภาษาอังกฤษยังมีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านอีกด้วย

รอยยิ้มของคังวูจินกว้างขึ้นกับอนาคตสดใสที่กำลังจะเกิดขึ้น จากนั้นเขาก็หยุดชะงักไป

"อืม"

จะว่าไปก่อนหน้านี้เขากำลังอ่านบทภาพยนตร์ใช่ไหมนะ? เขามั่นใจว่าเขาสามารถอ่านมันได้โดยไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจ คังวูจินเปิดโน๊ตบุ๊คของเขา เขาหาหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับหนึ่ง การค้นมันทางอินเตอร์เน็ตง่ายมาก

และคำตอบก็เป็นไปตามที่คาดไว้

"เยี่ยมไปเลย"

การอ่านไม่ใช่ปัญหาเลย เขาอ่านได้ง่ายเหมือนอ่านภาษาเกาหลี สำหรับคังวูจินผู้ที่ต้องใช้ล่ามมาตลอดชีวิต ประสบการณ์นี้วิเศษมาก จากนั้นเอง คังวูจินก็เริ่มคิดอะไรบางอย่าง

ถ้าเขามีมิติว่างเปล่า

“ไม่เพียงแต่มีภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ฉันคงสามารถเรียนรู้ภาษาจากประเทศอื่นได้อีกด้วย”

ความสามารถในการใช้ภาษาของทุกประเทศ....แต่ว่าเขาคงต้องมีบทละครที่มีภาษานั้นก่อน แต่ตอนนี้มันใช่เรื่องที่จะมาสนใจเหรอ?

“ไหนขอดูหน่อยซิ พอได้ภาษาอังกฤษมาแล้วจะเป็นยังไง…”

ทันใดนั้น

- ตืด ตืด

โทรศัพท์ของคังวูจิน ที่วางอยู่ใกล้ ๆ ส่งเสียงสั่นเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้คังวูจินจึงยิ้มและเช็คดูผู้โทร อีกฝ่ายคือ PDซงมันวู คังวูจินอยู่ในอารมณ์ดี แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้

มันคงจะเป็นปัญหาหากน้ำเสียงอันดูอ่อนน้อมถ่อมตนด้วยความยินดีจากเรื่องเมื่อครู่ ได้เล็ดลอดออกมาผ่านน้ำเสียงอันหยิ่งยโสของเขา ดังนั้นเขาจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะรับสาย

"ครับคุณPD"

มันได้ผล เสียงเย็นชาของเขาได้ดังขึ้น ในไม่ช้า เสียงของPDซงมันวูที่ดูตื่นเต้นเล็กน้อยก็ดังออกมาจากปลายสายโทรศัพท์

"คุณคังวูจิน วันถ่ายทำวันแรกได้รับการยืนยันแล้วครับ มันคือวันที่ 25 วันพุธหน้า”

สองวันต่อมา ในตอนเช้าของวันที่ 20 ที่นนฮยอนดง บริษัทภาพยนตร์บ๊อกซ์มูฟวี่

ลิฟต์ที่เพิ่งมาถึงชั้น 7 เปิดออก ด้านในมีผู้กำกับวูฮยอนกูหน้าย่น มีผมสีขาวแซมอยู่ที่คิ้ว และหัวหน้าชเวโดมินตัวเตี้ยที่เดินออกมา

เรื่องตลกก็คือ

"แล้วโนเนมคนนั้นผ่านการคัดเลือกแล้วหรือยัง?"

"ผะ... ผมขอโทษครับผู้กำกับ"

"บ้าอะไรกันวะ? แล้วงี้เราจะทำยังไง?"

"ผมขอโทษจริง ๆ ครับ"

หัวหน้าชเวโดมินได้แต่กล่าวขอโทษผู้กำกับวูฮยอนกู เขาดูเหมือนคนที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงมา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งพูดออกไปว่า 'คังวูจิน นักแสดงโนเนมคนหนึ่งที่เขากำลังดึงตัวมา ได้ปฏิเสธพวกเขาไป'

ในทางกลับกัน ผู้กำกับวูฮยอนกูผู้มากประสบการณ์นั้น พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา ตาของเขาดูเยือกเย็นยิ่ง

เขากำลังโกรธมาก

ผู้กำกับวูฮยอนกูจ้องมองหัวหน้าชเวโดมินผู้ก่อเรื่องใหญ่ บ่นพึมพำไปด้วยความโมโหขณะเดินตามทางเดิน

“เอาเถอะ ผมบอกคุณไว้ว่าไง? นักแสดงโนเนมก็ยังคงเป็นโนเนมอยู่วันยังค่ำ นี่มันอะไรกัน? รู้ไหมเพราะการทำตามใจตัวเองของคุณมันทำให้ชื่อเสียงผมแปดเปื้อนขนาดไหน”

“ผมขอโทษครับ ผมขอโทษครับผู้กำกับวูฮยอนกู ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว”

“···ทำไมโนเนมคนนั้นถึงไม่มาคัดเลือก ผมอยากจะฟังเหตุผล”

“เอ่อ… เขาบอกว่าตารางงานของเขาไม่ตรงกันครับ”

"อะไรนะ? ตารางงานมันอะไร?"

“มันไม่… ตรงกันครับ”

ยามนั้นเอง ผู้กำกับวูฮยอนกูก็หยุดยืนอยู่กับที่ เลิกคิ้วขาวโพลนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว

"โนเนมนั่นปฏิเสธการคัดเลือกภาพยนตร์ของผม เพราะตารางงานไม่ตรงกันงั้นเหรอ?"

โนเนมที่ไหนมันจะมีตารางงาน? แล้วถ้าถึงมีจริง อีกฝ่ายจะเอาเหตุผลแค่นี้มาปฏิเสธเหรอ? ผู้กำกับวูฮยอนกูจึงโกรธมาก ทำให้หัวหน้าชเวโดมินคล้ายตัวหดลงไปอีก

"·····นั่นคือสิ่งที่ผมได้ยินมาครับ"

"ไอ้นั่นมันหมาบ้าชัด ๆ เหอะ ตารางมันไม่ลงตัวงั้นเหรอ? ไอ้เวรนั่นชื่ออะไร?"

“คังวูจิน สังกัดบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์ครับ”

"บีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์? บริษัทสตาร์ทอัพเหรอ? ใครเป็นซีอีโอ?"

"ซีอีโอชเวซองกุนครับ ผมแน่ใจว่าผู้กำกับน่าจะเคยพบเขามาหลายครั้งแล้วครับ"

"รู้จักสิ เขาเป็นคนที่ปั้นฮงฮเยยอนขึ้นมา มีเครือข่ายค่อนข้างมากใช่ไหม? แต่ซีอีโอชเวซองกุนน่ะเป็นคนเจ้าเล่ห์"

“เขาทำงานได้ดี แต่ว่าคังวูจิน นักแสดงโนเนมคนนี้มันค่อนข้างจะ…น่าปวดหัวไปหน่อยนะ”

ผู้กำกับวูฮยอนกูรู้สึกโมโห เขากัดริมฝีปากตัวเอง

“สรุปว่าไอ้โนเนมมันเป็นไอ้ตัวปัญหาสินะ ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม?  เขาคงคิดว่าตัวเองเก่งล่ะสิท่า เรื่องนี้จะเอายังไง แล้วเราจะทำยังไงต่อ? เดี๋ยวถ้าสื่อรู้เข้า คนอื่นจะว่ายังไง หา? มันจะมีผมคนเดียวที่ดูโง่เหรอ?”

เขาพูดถูกแล้ว ถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงนักข่าว พวกเขาคงจะพาดหัวข่าวว่า 'ผู้กำกับวูฮยอนกูถูกดาราโนเนมปฏิเสธ' แน่นอนว่านอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลายเป็นขี้ปากของเหล่านักแสดงอีกด้วย

ผู้กำกับวูฮยอนกูเหลือบสายตามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เหมือนเช็คดูว่ามีใครอยู่ใกล้ ๆ จากนั้นก็พึมพำกับตัว

“ไอ้…นักแสดงโนเนมนั่นมันกล้าดีนะ ไม่ว่าจะเป็นคังวูจินหรือใครก็ตาม ฉันจะต้องบอกเพื่อนร่วมวงการผู้กำกับทุกคน ให้รู้ว่ามันเป็นไอ้เด็กเวรไม่มีมารยาท มันจะไม่มีวันกลับมายืนในวงการนี้อีกได้เลย”

หัวหน้าชเวโดมินก้มศีรษะอีกครั้ง

“ผมขอโทษจริง ๆ ครับผู้กำกับ”

ผู้กำกับที่กำลังมองเขาอย่างเย็นชาก็กล่าวออกไปว่า

"ช่างเถอะ ผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เช็คดูบทความทั้งหมดที่กำหนดเผยแพร่ในวันนี้ และอย่าพูดถึงคน ๆ นี้ต่อหน้าผมอีกเข้าใจไหม?"

“ครับ ผู้กำกับ”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา บ็อกซ์มูฟวี่เริ่มโปรโมทภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์  การลงทุนเสร็จสมบูรณ์และมีการจัดเตรียมทีมงานประมาณร้อยคนเป็นธรรมดา การหาฉากที่จำเป็นสำหรับการถ่ายทำก็เริ่มขึ้นเช่นกัน

『[คุยข่าวภาพยนตร์] วูฮยอนกู ผู้กำกับฝีมือฉกาจ ได้ร่วมมือกับบริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่บ๊อกซ์มูฟวี่ เริ่มต้นสร้างผลงานเรื่องต่อไปแล้ว』

ปฏิกิริยาของสาธารณชนค่อนข้างแปลก อาจเพราะมันเป็นการกลับมาของผู้กำกับฝีมือฉกาจ  แถมบทความถัดไปยังบอกใบ้ถึงนักแสดงชั้นนำที่เกือบจะได้รับการยืนยันแสดงแล้ว หากได้ร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องต่อไปของผู้กำกับวูฮยอนกูเพียงเรื่องเดียว มันย่อมส่งผลต่อสถานะและภาพลักษณ์ของนักแสดงชั้นนำเหล่านี้แน่

ซึ่งนี้เป็นเนื้อหาการโปรโมตของเขา ที่โปรโมตออกนอกหน้าเลย

『ควักฮามิน โกซึงยอนและนักแสดงชั้นนำคนอื่น ๆ จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่?  วงการภาพยนต์ต่างให้ความสนใจกับผลงานเรื่องต่อไปของผู้กำกับวูฮยอนกู!』

ข่าวนี้เริ่มสร้างความฮือฮาในสื่อบันเทิง

ในขณะเดียวกัน ทางช่องของ YouTuber

‘IssueKingTV (ราชานักแก้ปัญหา)’ เป็นช่องทางขนาดใหญ่ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 900,000 คน นี่คือช่องของ ‘IssueKingTV’ ตามชื่อช่องเลย พวกเขาจะเจาะลึกประเด็นต่าง ๆ มากมาย ต่อให้เป็นประเด็นทางการเมืองก็พร้อมลุย แต่ส่วนใหญ่พวกเขามักจะแฉเรื่องอื้อฉาวในวงการบันเทิงเป็นหลัก

เจ้าของช่องเคยเป็นนักข่าวมาก่อน

ทางช่อง 'IssueKingTV' ได้มีเรื่องอื้อฉาวมากมายในเบื้องหลังของโลกบันเทิงถูกแฉ ล่าสุด พวกเขาเพิ่งแฉเรื่องอื้อฉาวของนักแสดงหญิงแถวหน้าคนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงเก็บตัว

ในห้องประชุมขนาดเล็กของที่ทำงาน มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน

คนหนึ่งเป็นผู้หญิงผมสั้นหน้าตาเคร่งขรึม อีกคนเป็นผู้หญิงสวมหมวกที่ก้มหน้าเศร้าลงไปยังโต๊ะ เจ้าของ 'IssueKingTV' คือผู้หญิงผมสั้น และเป็นคนพูดก่อน

"ที่นี่ปลอดภัย คุณพูดได้ตามสบายเลยค่ะ"

ผู้หญิงสวมหมวกนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง

“……”

หลังจากนั้นประมาณ 10 วินาที เธอดูเหมือนตัดสินใจได้แล้ว ริมฝีปากของเธอสั่นเทา

"มันเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีงานเลี้ยงบริษัท ทีมงานทั้งหมดได้รับเชิญ"

"ที่ไหนคะ?"

"ที่ร้านเนื้อย่างในชองดัมดง ชื่อว่าบีฟพาเลซ"

"อืม เล่าต่อได้เลยค่ะ"

"ฉันเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้กำกับ และฉันนั่งได้โต๊ะเดียวกับผู้กำกับ ตอนแรกฉันก็แค่กินเนื้อและคุยกับคนอื่น ๆ "

"แล้วไงต่อคะ?"

"ประมาณชั่วโมงหนึ่ง ทุกคนเริ่มเมาและฉันก็มึนหัวเล็กน้อย ตอนนั้นแหละที่ผู้กำกับมานั่งข้างฉัน"

"แล้วไงต่อคะ?"

“···ฉันประหลาดใจมาก เขาเป็นคนดังมากในวงการภาพยนต์ อยู่ ๆ เขาก็มานั่งข้าง ๆ ฉัน”

ผู้หญิงสวมหมวกสูดหายใจเข้าลึกขณะเล่าเรื่องต่อ

"จากนั้นการลวนลามก็เริ่มขึ้นโดยที่คนอื่นไม่ทันสังเกต แต่เขาก็ทำในลักษณะที่ไม่ให้ดูตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการแอบสัมผัสหน้าอกหรือต้นขาของฉัน....."

หลังจากหยุดคิดสักพัก ผู้หญิงสวมหมวกก็น้ำตาคลอเบ้าขณะที่เธอยังคงเล่าเหตุการณ์ต่อไป

“เขาพยายามบังคับฉันขึ้นรถของเขา บอกว่าจะพาฉันกลับบ้าน แต่พอไปถึง กลับเป็นโมเต็ลร้างขนาดใหญ่”

“เล่าต่อได้เลยค่ะ”

“ฉันกลัวมากจนวิ่งหนีทันทีที่ออกจากรถ ฉันวิ่งหนีเอาชีวิตรอด”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ?”

“เขาโทรมาหลายสายมาก แต่ฉันไม่สนใจเลย และวันรุ่งขึ้น ฉันก็ถูกไล่ออกจากทีมผู้กำกับ”

ผู้หญิงผมสั้นผู้คอยพยักหน้าอย่างเชื่องช้าพร้อมถามขึ้นมา

"ขอโทษนะคะ แต่คุณมีหลักฐานอะไรไหม?"

ผู้หญิงสวมหมวกพยักหน้าเบา ๆ

"ฉันเริ่มบันทึกเสียงตั้งแต่ตอนที่ขึ้นรถแล้วค่ะ"

หญิงสาวผมสั้นจึงปลอบโยนหญิงสาวที่สวมหมวก

"แค่นั้นก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวหรือสองคน"

เมื่อได้ยินว่ามีผู้เสียหายมากกว่าหนึ่งหรือสองคน ผู้หญิงหน้าเศร้าสวมหมวกก็ถามเบา ๆ

“...นอกจากฉันแล้วยังมีอีกหรือคะ?”

หญิงสาวผมสั้นผู้เป็นเจ้าของช่อง ‘IssueKingTV’ พยักหน้า

"ใช่ค่ะ ยังมีอีก"

"อ๋อ ยังมีอีก..."

ผู้หญิงผมสั้นยื่นมือไปตบไหล่ของผู้หญิงสวมหมวกที่ดูเหมือนกำลังสิ้นหวัง เพื่อปลอบโยนเธอ

"อย่างที่คุณรู้ ผู้กำกับคนนั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในวงการภาพยนตร์ การที่จะเอาผิดเขาด้วยหลักฐานแค่คนเดียวมันยาก แต่ฉันได้ทำการสืบสวนและเตรียมคดีนี้ไว้นานพอสมควรแล้ว"

เป็นเสียงที่มั่นใจมาก ผู้หญิงสวมหมวกจึงเงยหน้าขึ้นช้า ๆ

“เหยื่อ...มีอีกกี่คนคะ?”

“ทั้งหมดประมาณห้าคนค่ะ เขาดังมากในวงการอยู่แล้วรู้ใช่ไหมคะ? ผู้กำกับคนนั้น ใคร ๆ ก็รู้จักเรื่องความจ้าชู้”

“ค่ะ พอจะได้ยินข่าวลืออยู่บ้าง ตามงานเลี้ยงหรืออะไร เขาต้องมีนักแสดงหญิงอยู่ใกล้ ๆ และเขาก็ชอบไปสัมผัสทีมงานหญิงโดยไม่จำเป็นด้วย”

“แต่เพราะเขาเป็นผู้กำกับฝีมือดี คนอื่น ๆ เลยต่างพากันปิดปาก”

“จริงค่ะ ในวงการภาพยนตร์ ไม่ใช่แค่ดาราหรอก ผู้กำกับก็เป็นพวกนักล่าแบบนี้เหมือนกัน”

เมื่อมาถึงจุดนี้ หญิงสาวผมสั้นที่ดูเหมือนจะเข้าใจก็เปิดปากพูดอีกครั้ง

“ฉันเข้าใจดี ฉันขอฟังคลิปเสียงที่คุณบอกได้ไหมคะ?”

“เอ่อ ได้ค่ะ”

หญิงสาวสวมหมวกหยิบโทรศัพท์ออกมาและเปิดไฟล์เสียงหลายไฟล์ ผู้หญิงสวมหมวกเปิดฟังไฟล์เสียงหลายอัน ก่อนจะถามอีกครั้ง

“คุณก็โดนข่มขู่เหมือนกันใช่ไหมคะ?”

หญิงสาวสวมหมวกยืนยัน

"ค่ะ ฉันโดนข่มขู่ทางข้อความ เป็นวันถัดมาหลังจากที่ฉันวิ่งหนีออกจากโมเตล เขาบอกว่าไม่มีใครเชื่อฉันอยู่แล้ว จากนั้นฉันก็โดนไล่ออก”

"ฉันเข้าใจสถานการณ์ดีค่ะ พอเป็นไปได้ไหมคะที่จะให้สัมภาษณ์โดยไม่ต้องเปิดเผยใบหน้า? แน่นอนว่าเสียงของคุณจะถูกปรับให้ต่างออกไป แค่เล่าข้อเท็จจริงก็พอค่ะ เดี๋ยวเราจะปรับเสียงคุณเอง ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนก็ได้ค่ะ”

“ได้ค่ะ”

"ขอบคุณนะคะ"

ไม่นาน ผู้หญิงสวมหมวกที่กำลังดูโทรศัพท์เงียบ ๆ ก็กัดริมฝีปากอีกครั้ง

“เมื่อไหร่…เรื่องนี้จะถูกเปิดเผยเหรอคะ?”

ผู้หญิงผมสั้นที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่ก็ตอบไปว่า

“ฉันเห็นบทความหนึ่งบอกว่าเขากำลังสร้างหนังเรื่องต่อไป ทุนสร้างค่อนข้างเยอะ”

“ใช่ค่ะ เงินทุนพร้อมแล้ว นักแสดงก็คัดเลือกมาและมีตารางพร้อมถ่าย กองถ่ายก็เริ่มสร้างแล้ว”

“งั้นก็น่าจะเป็นสัปดาห์หน้าค่ะ”

จากนั้นหญิงผมสั้นก็กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

“ที่การล่มสลายของผู้กำกับวูฮยอนกูจะเริ่มต้นขึ้น”

*****

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแค่ในThai-novelและMy-Novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 2 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด