ทำไมข้าต้องช่วยเขาด้วย (อ่านฟรี 19/06/2567)
“คุณครับ! คุณ! เป็นอะไรไหมครับ” เสียงของพนักงานดังขึ้นด้วยความกังวล
ตรงหน้าของเขาคือชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่นอนเหม่อลอยอยู่บนเครื่องทดสอบเสมือนจริง ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“อา... เอ่ออ” บอดี้การ์ดร่างใหญ่ส่งเสียงตอบกลับมาแบบไม่ได้สติ
“อ้าว อะไรกัน ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้วเหรอเนี่ย?!” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงพร้อมลูกน้องเดินเข้ามายังร่างของบอดี้การ์ดก่นจะกล่าวเยาะเย้ยออกมา
“ฮ่าฮ่า กล้าหาเรื่องลูกพี่มันก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ” ลูกกิลด์คนหนึ่งกล่าวออกมา
“กระจอกแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีกนะ สมน้ำหน้าแกแล้ว” ลูกกิลด์อีกคนก็ช่วยกล่าวเสริมตาม
ผู้คนโดยรอบต่างพากันหลบหน้าไปมองทางอื่นกันหมด พวกเขารู้สึกสงสารบอดี้การ์ดเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าช่วยเหลือเขา เพราะกลัวพวกกิลด์ราชสีห์เพลิงกันหมด
“สภาพแบบนี้คงกลับบ้านเองไม่ได้แน่ ๆ งั้นเดี๋ยวพวกฉันพานายกลับแล้วกัน บริการฟรีไม่คิดเงิน” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พวกลูกกิลด์ราชสีห์เพลิงก็พากันไปยกร่างของบอดี้การ์ดออกมาจากเครื่องประลองเสมือจริง ในสภาพหิ้วปีกถึงแม้บอดี้การ์ดจะตัวโตแต่สำหรับผู้ปลุกพลังแล้วการจะแบกสิ่งที่มีน้ำหนักมากสักหน่อยไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลย
“พวกนั้นมันเลวจริง ๆ เลยนะ” ชายคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุนักกระซิบคุยกับเพื่อนของเขาพลางแอบหยิบโทรศัพท์ออกมาอัดคลิปเอาไว้ด้วย
“นายอย่าเสียงดังมากนัก ถ้าพวกมันได้ยินพวกเราจะซวยเอาได้” เพื่อนของเขากระซิบกลับมาเสียงเบา
“ทำไมตำรวจถึงไม่ทำอะไรพวกมันสักทีนะ...” ชายที่กล่าวขึ้นตอนแรกกล่าวออกมาด้วยความคับแค้นใจ ตัวเขาเกลียดพวกสารเลวแบบนี้เป็นที่สุด
“มันไม่ได้มีหลักฐานที่ชัดเจนอะไร แถมอีกฝั่งก็ยินยอมเซ็นสัญญาเรื่องการใช้เครื่องประลองเองด้วย เขาคงไม่รู้ว่าหัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงชอบเล่นหมูกินเสือหลอกเหยื่อเป็นที่สุด”
“มีหลายคนแล้วที่ถูกพวกมันพาไปแล้วก็หาไม่เจออีกเลย แต่เพราะไม่มีหลักฐานนี่แหละตำรวจถึงทำอะไรไม่ได้” เพื่อนของเขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
พวกกิลด์ราชสีห์เพลิงแม้จะดูใจร้อนโง่เขลา แต่ความจริงพวกมันก็ฉลาดมาก การจะลงมือทำอะไรมักจะวางแผนเอาไว้ก่อนเสมอ
“เฮ้ย! ดูนั่นสิ มันเดินเข้าไปหาเรื่องใครอีกแล้ว” ชายคนแรกรีบสะกิดเพื่อนของตนให้หันไปมองตามทันที
...
“แก! แกใช่ไหมที่ขโมยโทรศัพท์น้องชายฉันไป ?” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงเดินมาชิดตัวของคริสจนหน้าแทบจะชนกันแล้วกล่าวออกมาในเชิงข่มขู่
“น้องชายของเจ้า ?... เป็นใครกันรึ ?” คริสกล่าวประโยคแรกก่อนจะเงียบไปเล็กน้อย เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวประโยคถัดมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้สารเลว! แกกล้าไปสู้กับฉันในเครื่องประลองเสมือนจริงไหม ?” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงตัวสั่งด้วยความโกรธ เขาพยายามระงับอารมณ์แล้วกล่าวออกมาเสียงดัง
“ข้าจะได้อะไรจากการทำเช่นนั้น ?” คริสเอียงคอมองอีกฝ่ายแล้วกล่าวถามออกมา
“แกไม่อยากได้ตัวไอ้นี้กลับไปรึไง ? ถ้าแกชนะฉันจะให้ตัวมันคืน แล้วจะให้น้ำยาฟื้นสติกับแกด้วย” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงกล่าวออกมาพลางหยิบขวดแก้วที่มีน้ำสีขาวใสใส่เอาไว้ มันคือน้ำยาราคาแพงที่ใช้ฟื้นฟูสมอง เรียกสติให้กลับมาได้
“ไม่เลย ข้าไม่ได้รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัว จะเอาตัวกลับมาทำไม ?” คำตอบของชายหนุ่มเล่นเอาฝั่งกิลด์ราชสีห์เพลิงถึงกับไปไม่เป็น รวมถึงคนรอบข้างที่ได้ยินด้วย
ครึ่งหลัง
นี่พวกเขาสองคนมาด้วยกันไม่ใช่รึไง ? ไม่รู้สึกโกรธแค้นหรืออยากจะช่วยคนที่มาด้วยหน่อยเลยเหรอ ? ทำไมชายคนนี้ถึงเย็นชาได้ขนาดนี้กัน
“งั้นแกต้องการอะไร ถ้าแกชนะฉันจะหาให้” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงกล่าวออกมา เขาไม่ยอมให้มันหนีรอดไปได้แน่นอน !
“อืม.. น้ำยานั่นแล้วก็เกราะที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้” ชายหนุ่มหล่อเหลาสุดเย็นชาตอบกลับไป
“ถ้าเจ้ายอมยกทั้งสองสิ่งให้เมื่อข้าชนะ ข้าจะประลองด้วย” คริสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขามองว่าชุดเกราะอีกฝ่ายค่อนข้างจะแข็งแกร่งไม่น้อย การมีติดตัวไว้ย่อมมีประโยชน์มากกว่า
ส่วนน้ำยาที่อีกฝ่ายว่ามาก็คงจะมีประโยชน์ในสักวันหนึ่ง
“แกจะบ้ารึไง ! เกราะนี้ราคาเท่าไหร่แกรู้ไหม ? แล้วถ้าฉันชนะฉันจะได้อะไร ?” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังมากขึ้น
“ข้าไม่รู้หรอกว่าเกราะของเจ้าราคาเท่าไหร่ ถ้าเจ้าชนะเจ้าอยากได้อะไรจากข้าก็บอกได้เลย” คริสตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติของเขา แต่สำหรับอีกฝ่ายมันกลับเป็นเหมือนน้ำเสียงที่แสดงการเยาะเย้ยมากกว่า
“เกราะนี่ราคาตั้ง 50 ล้านเครดิตเลยนะ! ตัวแกมีอะไรมีค่าขนาดนั้นเลยรึไง ?” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงใช้มือตบลงมือชุดเกราะก่อนจะกล่าวออกมา
“อ๋อ.. แล้วเจ้าจะเอายังไง ถ้าไม่ตกลงข้าขอตัวก่อน” คริสตอบรับก่อนจะกล่าวออกมาเพิ่มเติม เขาทำท่าจะเดินจากไปจริง ๆ จนหัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงต้องเอามือไปขวางเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน! ฉันรับข้อเสนอของแกก็ได้ แต่ถ้าแพ้แกต้องทำทุกอย่างตามที่ฉันบอก ตกลงไหม ?” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงกล่าวออกมา
“แล้วเราสองคนต้องทำสัญญากันด้วย เพื่อป้องกันอีกฝ่ายโกงสัญญา” หลังกล่าวจบเขาก็หยิบเอกสารบางอย่างออกมาจากมิติเก็บของให้อีกฝ่ายดู
“ข้าตกลง” คริสตอบรับก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งเอาไว้ไม่ไกลนักพร้อมหัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิง เมื่อทั้งคู่นั่งลงเรียบร้อยแล้วคริสก็อ่านเอกสารอยู่หนึ่งรอบก่อนจะเซ็นชื่อลงไป ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามเช่นกัน
“เรียบร้อย! แกเตรียมตัวเป็นทาสของฉันไปตลอดชีวิตได้เลย !” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงเก็บสัญญากลับไปก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี
เพราะในสัญญาระบุไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าชายหนุ่มตรงหน้าของเขาพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้ ชายหนุ่มจะต้องทำตามทุกอย่างที่เขาสั่งไปตลอดชีวิต และห้ามฝ่าฝืนหรือหนีอย่างเด็ดขาดไม่อย่างนั้นจะนับว่าผิดสัญญา
“เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรรึ ?” คริสกล่าวออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
นี่ชายตรงหน้าของเขายังสติดีอยู่รึเปล่าอยู่ ๆ ก็มาบอกให้เขาเตรียมตัวไปเป็นทาส
ไม่ใช่ว่าโลกใบนี้ไม่มีการค้าทาสหรอกรึ ? หรือข้อมูลที่เซรีนบอกมาจะไม่ได้ละเอียดมากนัก
“เฮอะ! ทำเป็นกวนประสาทก็ได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงไม่ตอบอะไรกลับไป เขารู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะพยายามยั่วโมโหเขาเพื่อให้เขาขาดสติแล้วลงมือกับมันแน่ ๆ
ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะถูกพวกผู้ปลุกพลังและตำรวจจับไป คงใช้เวลานานน่าดูกว่าจะเคลียร์ปัญหาเสร็จเรียบร้อย
“เอาเครื่องประลองเสมือนจริงสองเครื่อง ความเจ็บเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าไปเลย” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงกล่าวกับพนักงานที่กำลังยืนอย่างนอบน้อมอยู่ด้านหน้า
“ได้เลยครับ ถ้าอย่างนั้น...” ในตอนที่พนักงานกำลังจะกล่าวจบคำก็ได้มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ข้าขอความเจ็บปวดเสมือนจริงห้าเท่าเลย จะได้หรือไม่ ?”