ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 198 : หุ่นเชิดแสดงพลานุภาพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 200 : บุตรเทพเสื่อมโทรม

[ตอนฟรี] ตอนที่ 199 : รายการสิ่งที่ต้องทำ


จวินเซียวเหยาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดี

แต่การช่วยคนอื่นโดยที่ไม่ต้องพยายามมากนักและทำได้ง่ายๆ แบบนี้ จวินเซียวเหยาย่อมไม่ลังเลที่จะทำ

ยิ่งไปกว่านั้น ทวีปสวรรค์เร้นลับก็อยู่ภายใต้การปกครองของผู้บ่มเพาะฝ่ายมนุษย์แล้ว ซึ่งเท่ากับว่าอยู่ภายใต้การปกครองของจวินเซียวเหยาเหมือนกัน

นับจากนี้ไป ตระกูลจวินยังสามารถใช้ทวีปสวรรค์เร้นลับเป็นฐานที่มั่นในดินแดนเบื้องล่างได้อีกด้วย

นี่เทียบได้กับการยึดครองพื้นที่ใหม่เลย

“ประการแรก หลังจากที่ข้าออกจากทวีปสวรรค์เร้นลับแล้ว หุ่นเชิดเทพผ่าดาวทั้งหกจะยังอยู่ที่นี่ และมอบให้ผู้บ่มเพาะที่ไว้ใจได้เป็นคนควบคุม”

คำพูดประโยคแรกของจวินเซียวเหยาถึงกับทำให้ทั้งโถงตะลึงงันจนพูดไม่ออก

หุ่นเชิดระดับนักบุญหกตัวถูกส่งมอบโดยแทบไม่ต้องคิด ความใจกว้างแบบนี้ย่อมอยู่เหนือจินตนาการของผู้บ่มเพาะดินแดนเบื้องล่าง

แค่หุ่นเชิดเทพผ่าดาวตัวเดียวปรากฏ มันก็อาจทำให้ทั่วทั้งทวีปตกอยู่ในความวุ่นวายแล้ว

แต่จวินเซียวเหยากลับมอบทั้งหกตัวให้ง่ายๆ แบบนี้

“ท่านบุตรพระเจ้า นี่มันล้ำค่ามากเกินไปนะขอรับ”

“ถูกต้อง หุ่นเชิดเทพผ่าดาวทั้งหกนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของท่าน พวกเราจะหน้าด้านรับไว้ได้อย่างไร”

ผู้นำตระกูลและเจ้านิกายต่างเอ่ยปาก

จวินเซียวเหยาโบกมือและกล่าว “พวกท่านคิดว่าบุตรพระเจ้าขาดแคลนหุ่นเชิดรึไง?”

จวินเซียวเหยาปิดปากทุกคนด้วยคำพูดเดียว

มันก็จริง หากจวินเซียวเหยาอยากได้หุ่นเชิด อย่าว่าแต่นักบุญเลย

แม้แต่ระดับราชานักบุญ หรือแม้แต่หุ่นเชิดระดับนักบุญสูงสุด* ตระกูลจวินก็ให้เขาได้

แต่ปัญหาคือ มันไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น

จวินเซียวเหยากลับดินแดนอมตะเมื่อไหร่ ยังไงเขาก็ได้รับการคุ้มครองจากผู้พิทักษ์อย่างอาจิ่วและคนอื่นๆ อยู่ดี

มันไม่จำเป็นต้องใช้หุ่นเชิดมาปกป้องตัวเองเลย

ดังนั้น เมื่อไหร่ที่จวินเซียวเหยากลับดินแดนอมตะ หุ่นเชิดเทพผ่าดาวพวกนี้ก็จะหมดประโยชน์

แทนที่จะเก็บไว้ให้ฝุ่นเกาะในกระเป๋ามิติ คงจะดีกว่าถ้ามอบมันให้กับมนุษย์บนทวีปสวรรค์เร้นลับ

หลังจากอธิบายจบ ผู้บ่มเพาะหลายคนก็ดูดีใจ

ด้วยหุ่นเชิดเทพผ่าดาวหกตัวนี้ หากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์มีแผนการชั่วร้าย พวกมันก็ต้องทบทวนให้ดี

จวินเซียวเหยาพูดต่อ “นอกจากนี้ พวกเจ้าก็ต้องติดต่อกับนิกายเสวียนเทียนบนทวีปดวงดาวในวันข้างหน้าด้วย”

“มีค่ายกลเคลื่อนย้ายจากทวีปดวงดาวมาทวีปสวรรค์เร้นลับอยู่ ซึ่งก็ถือว่าสะดวกอยู่พอสมควร นิกายเสวียนเทียนเองก็อยู่ภายใต้ข้าเหมือนกัน ถ้าเกิดพวกเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์มีการเคลื่อนไหวอะไรอีก นิกายเสวียนเทียนจะได้ส่งยอดฝีมือมาช่วยพวกเจ้า” จวินเซียวเหยาอธิบาย

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมจวินเซียวเหยาถึงไม่ไปที่เขตกลางต้องห้ามแล้วกวาดล้างพวกสิ่งมีชีวิตในเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์เลยล่ะ

เหตุผลง่ายมาก

เพราะมันยุ่งยาก

จวินเซียวเหยาไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยาก ดังนั้น เขาจะปล่อยให้ผู้บ่มเพาะบนทวีปสวรรค์เร้นลับจัดการเรื่องนี้เอง

จวินเซียวเหยายังมั่นใจด้วยว่าพวกเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้ดี

ถ้าช่วยถึงขนาดนี้ แต่ผู้บ่มเพาะบนทวีปสวรรค์เร้นลับยังจัดการเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ พวกเขาก็สมควรถูกทำลาย

เมื่อได้ฟังคำพูดของจวินเซียวเหยา ผู้บ่มเพาะทุกคนบนทวีปสวรรค์เร้นลับต่างก็รู้สึกโล่งใจ

ด้วยหุ่นเชิดเทพผ่าดาวหกตัว บวกกับความช่วยเหลือจากนิกายเสวียนเทียน

เทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์คงก่อปัญหาอะไรไม่ได้อีกแล้ว พวกมันคงทำได้แค่ซ่อนตัวเพื่อเอาชีวิตให้รอด

ยิ่งไปกว่านั้น อิทธิพลและพลังอำนาจของจวินเซียวเหยาจะยังคงอยู่ไปอีกนานแสนนาน

มันอาจจะกลายเป็นเงามืดและฝันร้ายที่เผ่าโบราณจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจลืมเลือนไปตลอดชีวิต

ถึงจุดนี้ เรื่องราวบนทวีปสวรรค์เร้นลับและทวีปดวงดาวก็ถือว่าจบลงอย่างสมบูรณ์

แต่เรื่องราวของจวินเซียวเหยายังไม่จบ

ประการแรก เขายังต้องไปที่ราชวงศ์ต้ายิ่นบนทวีปมังกรแฝงเพื่อจัดการเผ่าคนบาปเผ่าอื่นอีก

ประการที่สอง ดูว่าจะสามารถค้นหาสิบผู้ท้าทายสวรรค์ที่เหลืออยู่ได้หรือเปล่า (ก่อนหน้าคือโม่ฝานและหลินเฟิง)

พูดกันตามตรง ตอนแรกจวินเซียวเหยาลงมาครั้งนี้ เขาก็กะว่าจะรับสมัครผู้ติดตามสักหน่อย

น่าเสียดายที่แม้ว่าเจ้าพวกนี้จะมีโชคและโอกาสที่ดี แต่ดันเป็นโรคอยากเป็นพระเอกกันหมด

พวกเขาทั้งหยิ่งยโสและคิดว่าตัวเองไม่เหมือนใคร จวินเซียวเหยาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอบรมความประพฤติให้

แต่ถ้าเป็นไปได้ จวินเซียวเหยายังอยากได้ผู้ท้าทายสวรรค์สักคนสองคนมาเป็นลูกน้องอยู่เหมือนกัน

ประการที่สาม รวบรวมแก่นแท้พิภพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ประการที่สี่ จวินเซียวเหยายังไม่ลืมตำราแห่งเนื้อหนังฉบับที่สอง

ประการที่ห้า ค้นหารอยแยกสิบทวีป เข้าสู่แท่นบูชาวิญญาณวีรชน และสร้างเส้นทางของตัวเอง

ประการที่หก ค้นหาน้องสาวของจวินว่านจี๋

จวินเซียวเหยาไตร่ตรองถึงสิ่งที่ต้องทำอีกครั้ง และพบว่ายังมีเรื่องอีกมากมายที่เขาต้องทำ

จวินเซียวเหยาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว

เขาพักอยู่ในตระกูลน่าหลานอยู่อีกหลายวัน

ในช่วงหลายวันมานี้ น่าหลานลั่วซีได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลจวินเซียวเหยาในแต่ละวัน

แม้แต่ตอนที่จวินเซียวเหยากำลังแช่อ่างอาบน้ำ น่าหลานลั่วซีก็จะอาสาเข้ามาดูแล ทั้งนวดไหล่และขัดหลังให้เขา

ส่วนจะใช้อะไรในการขัดหลังน่ะเหรอ?

แน่นอนว่าต้องเป็นอะไรที่นุ่มๆ

น่าหลานลั่วซีทุ่มเทสุดฝีมือในการรับใช้จวินเซียวเหยา นางดูแลเขาอย่างดีในทุกด้าน ทำให้เขารู้สึกสบายเป็นอย่างมาก

จวินเซียวเหยาเองก็เพลิดเพลินกับการถูกดูแลเช่นนี้เหมือนกัน

เขาไม่ใช่ผู้บ่มเพาะที่ไม่มักมากสักหน่อย

ส่วนสาเหตุที่จวินเซียวเหยาไม่เคยชิงเข้าหาผู้หญิงคนไหนก่อน นั่นก็เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่คู่ควรกับการที่เขาจะเริ่มเข้าหาต่างหาก

มีผู้หญิงน้อยมากในโลกที่คู่ควรกับเขา

แต่ช่วงเวลานี้ ซู่จื่อฉงกลับต้องทุกข์ทรมานอย่างหนัก นางแทบจะกลายเป็นสาวงามผู้โหยหาความรักในเรือนหอไปแล้ว เพราะงานดูแลจวินเซียวเหยาทั้งหมดถูกน่าหลานลั่วซีแย่งไป

หลายวันที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นช่วงเวลาหายากสำหรับจวินเซียวเหยาที่ได้พักผ่อนอย่างสบายใจที่สุดเลย นับตั้งแต่ที่เขาลงมาดินแดนเบื้องล่าง

แต่เวลาของการพักผ่อนมีเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

สิ่งที่ต้องจัดการยังคงมีอยู่

ในวันนี้ จวินเซียวเหยาได้เรียกบรรพชนตงเฉวียนและคนอื่นๆ มาพบ

เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับดินแดนเบื้องล่างมากที่สุด จวินเซียวเหยาจึงอยากจะถามบางอย่าง

“หลังจากนี้พวกเราจะไปทวีปมังกรแฝงกันต่อ พวกเราใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปถึงได้เลยหรือเปล่า?” จวินเซียวเหยาถาม

บรรพชนตงเฉวียนส่ายหน้าเบาๆ และตอบ “เรียนท่านบุตรพระเจ้า ทวีปสวรรค์เร้นลับและทวีปดวงดาวไม่สามารถไปถึงทวีปมังกรแฝงได้โดยตรง พวกเราอาจจะต้องเดินทางผ่านทวีปอื่นก่อน แล้วค่อยไปยังทวีปมังกรแฝง”

“อืม แบบนั้นก็ได้ งั้นพวกเราเตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน” จวินเซียวเหยากล่าว

บรรพชนตงเฉวียนและคนอื่นๆ พยักหน้า

วันรุ่งขึ้น จวินเซียวเหยานำราชสีห์เก้าเศียร อี้ยวี่ ซู่จื่อฉง และบรรพชนตงเฉวียนออกเดินทางอีกครั้ง

เหล่าผู้บ่มเพาะจากทั่วทั้งทวีปสวรรค์เร้นลับต่างออกมาต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง

“นายน้อย ลั่วซีจะรอท่านกลับมา และพาลั่วซีไปดินแดนอมตะนะ...” น่าหลานลั่วซีเอ่ยรำพึงอย่างอาลัยอาวรณ์

เพียงขณะที่จวินเซียวเหยาและคนอื่นๆ เริ่มออกเดินทาง

ความวุ่นวายในทวีปมังกรแฝงก็ได้เริ่มขึ้น

กองกำลังในหลายพื้นที่เริ่มก่อกบฏ และเผ่าคนบาปก็ลุกฮือ

สงครามทั้งเล็กและใหญ่เกิดขึ้นมากกว่าสิบครั้ง

ทั่วทั้งทวีปมังกรแฝง ไม่ว่าจะเป็นดินแดนตะวันออก ดินแดนตะวันตก ดินแดนใต้ และดินแดนเหนือ ต่างก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งสงคราม

ราชวงศ์ต้ายิ่นเองก็ส่งกองทัพออกไปปราบปรามและต่อสู้กับเผ่าคนบาปอย่างดุเดือด

ท่ามกลางการต่อสู้นี้ กลับมีองค์ชายพระองค์หนึ่ง ที่แสดงผลงานเหนือความคาดหมายของทุกคนในราชวงศ์ต้ายิ่น

แม้แต่จักรพรรดิต้ายิ่นก็ประหลาดใจมากเช่นกัน

องค์ชายคนนี้มิใช่ใครอื่นนอกจากองค์ชายสิบหก ฟางหาน

ทั่วทั้งราชวงศ์ต้ายิ่น แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักองค์ชายผู้โง่เขลาคนนี้

แต่ผลงานของเขาในสนามรบนั้นกลับน่าทึ่งขึ้นทุกครั้ง และฝีมือของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย มันมากจนแซงหน้าเหล่าพี่น้องทั้งหมด

แม้แต่จวินหยิงเอ๋อร์ก็รู้สึกประหลาดใจ

ในใจของนาง นางย่อมยินดีที่ฟางหานเปลี่ยนไป

แต่ความทะเยอทะยานของฟางหานไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้

เขาต้องการเอาชนะเผ่าคนบาป กลายเป็นวีรบุรุษในสายตาของทุกคนบนโลก และคว้าหัวใจของจวินหยิงเอ๋อร์มาครอง

ไม่ใช่ว่าจวินหยิงเอ๋อร์พูดไว้เองเหรอ ว่านางหวังว่าคู่ครองของนางต้องเป็นวีรบุรุษไร้เปรียบในชุดสีขาว?

ถ้างั้น ฟางหานจะกลายเป็นวีรบุรุษคนนั้นเอง!

[ขอบเขตนักบุญสูงสุด แก้ไขมาจาก ขอบเขตปราชญ์นักบุญ ในตอนที่ 162]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด