[ตอนฟรี] ตอนที่ 198 : หุ่นเชิดแสดงพลานุภาพ
หกกำปั้นโลหะที่เปล่งแสงเย็นเยียบพุ่งออกมาจากรอยแยกมิติ
แต่ละกำปั้นล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล มากพอที่จะป่นภูเขาให้แหลกได้
ด้วยพลังของกำปั้นนี้ แม้แต่นักบุญก็ต้องดับสิ้น
ทวดแมงมุมทองกรีดร้องด้วยความกลัวสุดขีดออกมา
แค่หนึ่งกำปั้นก็ทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่แล้ว นับประสาอะไรกับกำปั้นทั้งหกที่ต่อยเข้ามาพร้อมกัน
ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีทั้งหกก็มาโผล่มาจากทุกทิศด้วย ทวดแมงมุมทองไม่มีช่องว่างให้หลบเลย แม้ว่าเขาอยากจะหลบก็ตาม
ตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจว่าสายตาเยาะเย้ยของจวินเซียวเหยาหมายถึงอะไร
“เจ้าเด็กสารเลว เจ้าเล่ห์นัก!”
ระหว่างที่ทวดแมงมุมทองตะโกนด่า ร่างกายของเขาก็ส่องแสงสีทองขึ้น พร้อมกับใยแมงมุมนับไม่ถ้วนที่พยายามก่อตัวเป็นเกราะป้องกันให้กับร่างกาย
แต่ด้วยความประมาทและกำปั้นนั้นก็รวดเร็วมาก มันจึงสายเกินไปที่จะป้องกัน
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหกครั้งแทบจะในเวลาเดียวกัน
พร้อมกันนั้น เสียงกรีดร้องอันน่าเศร้าของทวดแมงมุมทองก็ดังขึ้น
เสียงกรีดร้องนั้นน่าเวทนามากจนทำให้ผู้ฟังแทบจะหลั่งน้ำตา
วินาทีต่อมา ร่างแมงมุมขนาดใหญ่ของทวดแมงมุมทองก็ร่วงลงพื้นอย่างรุนแรง
ขาทั้งแปดของเขาถูกทุบจนหักเกือบหมด กระดองบนตัวก็มีรูโหว่ของกำปั้นอยู่หลายรู
เลือดและของเหลวในร่างกายไหลออกมาจากรูโหว่ไม่หยุด
ทวดแมงมุมทองผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปีศาจ บัดนี้กำลังบาดเจ็บสาหัสและอยู่ไม่ไกลจากเหวแห่งความตาย สูญสิ้นความสามารถในการต่อสู้อย่างสมบูรณ์
ฉากที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้สมองของสิ่งมีชีวิตจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์เหมือนลัดวงจร
นี่มันเกิดบัดซบอะไรขึ้น?
ในตอนนั้นเอง สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังรอยแยกมิติทั้งหก
ร่างหกร่างที่เปล่งแสงดวงดาวและโลหะเย็นเยียบก็ก้าวออกมาจากรอยแยกมิติ
ร่างทุกร่างล้วนสูงใหญ่น่าเกรงขาม และแผ่กลิ่นอายของนักบุญออกมา
พวกมันคือหุ่นเชิดเทพผ่าดาวที่จวินเซียวเหยาได้มาจากคลังสมบัติในพระราชวังแห่งดวงดาวนั่นเอง
หุ่นเชิดเทพผ่าดาวโด่งดังมากในการทำลายดวงดาว พวกมันสามารถแยกดวงดาวได้ด้วยเพียงหมัดเดียว
แต่ตอนนี้ที่หุ่นเชิดเทพผ่าดาวโจมตีออกไปพร้อมกัน จินตนาการไม่ออกเลยว่าพลังทำลายล้างจะมหาศาลขนาดไหน
ทว่า ทวดแมงมุมทองกลับไม่ได้ถูกต่อยจนตายในทันที นี่อยู่เหนือความคาดหมายของจวินเซียวเหยาอยู่บ้าง
แต่ทวดแมงมุมทองจะตายหรือไม่ตาย ตอนนี้ก็ไม่แตกต่างนัก
“นี่มัน...หุ่นเชิดหกตัวเหรอ?”
“หุ่นเชิดระดับนักบุญหกตัว พระเจ้า!”
เหล่าผู้บ่มเพาะฝั่งมนุษย์ทุกคนต่างตกตะลึงกับกลยุทธ์ของจวินเซียวเหยา
เพียงการเคลื่อนไหวแรก เขาก็ปล่อยหุ่นเชิดระดับนักบุญออกมาถึงหกตัว ซึ่งสำหรับดินแดนเบื้องล่าง มันเป็นสิ่งที่เกือบจะจินตนาการไม่ออก
ในสิบทวีป นอกจากตัวตนที่ท้าทายสวรรค์อย่างจ้าวดาราอู๋จี๋แล้ว มันก็แทบไม่มีคนที่มีเบื้องหลังแบบนี้อีก
แต่ในตอนจบ มันกลับตกเป็นของจวินเซียวเหยา
“ท่านบรรพบุรุษ!” เหล่าสิ่งมีชีวิตจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปีศาจต่างร้องตะโกนด้วยความตกใจ และเตรียมเข้าช่วย
ทว่า จวินเซียวเหยากลับเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน เขาเพียงแค่คิดในใจ
หุ่นเชิดเทพผ่าดาวทั้งหกโจมตีอีกครั้ง บดขยี้ทวดแมงมุมทองจนกลายเป็นก้อนเนื้อทันที
“ไม่!” เหล่าสิ่งมีชีวิตจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปีศาจต่างร้องคร่ำครวญ
ในทางตรงกันข้าม ฝั่งของมนุษย์กลับมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นมหาศาล
เหล่านักบุญของฝั่งมนุษย์ก็รู้สึกดีใจเช่นกัน
จวินเซียวเหยาแค่คนเดียวมีพลังรบเท่ากับนักบุญถึงหกคน
หากรวมบรรพชนตงเฉวียนและอีกคนเข้าไปด้วย พวกเขาก็จะมีพลังรบของนักบุญแปดคน
นี่สามารถตัดสินผลลัพธ์ของสงครามได้อย่างแน่นอน!
ยังไม่นับรวมที่หุ่นเชิดเทพผ่าดาวทั้งหกนี้ทั้งคงกระพันและไร้เทียมทานต่อความเสียหายทางกายภาพ
หุ่นเชิดเทพผ่าดาวแค่ตัวเดียวก็พอแล้วที่จะรับมือนักบุญจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ถึงสองคน
“ฆ่า!”
ด้วยความคิดของจวินเซียวเหยา หุ่นเชิดเทพผ่าดาวทั้งหกก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน พวกมันระเบิดพลังมหาศาลออกมาพร้อมกับกำปั้นแสงที่สะเทือนเลื่อนลั่น
จวินเซียวเหยามีแก่นดวงดาวอยู่หลายพันเม็ด เพียงพอให้เปิดใช้งานหุ่นเชิดเทพผ่าดาวได้อย่างสบาย
“ฆ่าพวกมัน! ถึงเวลาที่มนุษย์จะเอาคืนแล้ว!”
“ได้เวลาสั่งสอนสัตว์โบราณพวกนี้ให้รู้ซึ้งสักทีว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์แข็งแกร่งแค่ไหน!”
“บุตรพระเจ้าจงเจริญ! ท่านบุตรพระเจ้าก็อยู่ที่นี่แล้ว ไฉนมนุษย์อย่างพวกเราจึงต้องกังวลอยู่อีก!”
จวินเซียวเหยาในเวลานี้ได้กลายเป็นเสาหลักของมนุษย์แล้ว
ราวกับว่าตราบใดที่ยังมีเขาอยู่ ปัญหาใดๆ ก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
และความเป็นจริงก็เป็นดังว่า
เหล่าสิ่งมีชีวิตจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์เริ่มพากันตื่นตระหนก ส่งผลให้สถานการณ์เริ่มจะพลิกกลับ
หุ่นเชิดเทพผ่าดาวทั้งหกแสดงความไร้เทียมทานของพวกมันอย่างเต็มที่ พวกมันไล่ทุบสังหารศัตรูไม่หยุดหย่อน แม้แต่นักบุญสักคนจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดเทพผ่าดาว
ขอถามหน่อย ใครที่ไหนจะยอมเอาชีวิตของตัวเองเข้าสู้กับหุ่นเชิดจนตาย?
เพราะเหตุนี้เอง เหล่านักบุญจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์จึงถอยร่นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเตรียมตัวหลบหนี
แม้แต่กำลังรบแนวหน้าก็ต้องหลบหนี นับประสาอะไรกับกำลังรบระดับกลางที่ตอนนี้กำลังพังทลาย
สิ่งมีชีวิตจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนถูกสังหาร โลหิตของพวกมันไหลรินราวกับแม่น้ำ
ก่อนหน้านี้พวกมันคือคนเชือด และมนุษย์คือปลาบนเขียง
แต่เรื่องราวตอนนี้ได้พลิกกลับแล้ว พวกมันต่างหากที่เป็นปลาบนเขียง
จวินเซียวเหยาเองก็ไม่อยู่เฉย หมัดแต่ละหมัดที่โจมตีออกไปล้วนทำให้ความว่างเปล่าต้องแตกสลาย และบดขยี้เผ่าโบราณพวกนั้นจนกลายเป็นกองเลือด
ไม่นาน ฝ่ายของเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ก็ต้านไว้ไม่ไหว และมีนักบุญอีกคนถูกสังหารโดยหมัดของหุ่นเชิดเทพผ่าดาว
พวกมันเริ่มกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและรีบหันหลังหนี
สิ่งมีชีวิตเผ่าโบราณหลายตัวมองไปที่จวินเซียวเหยาด้วยความกลัวที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ราวกับว่ากำลังมองยมทูตจากนรก
จวินเซียวเหยาได้กลายเป็นฝันร้ายของเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
สงครามครั้งนี้ดำเนินต่อไปอีกหลายวันหลายคืน
ผู้บ่มเพาะฝั่งมนุษย์ไล่ล่าเผ่าโบราณไม่หยุดหย่อนจนพวกมันแตกกระเจิงไปทั่ว
ตลอดเส้นทางการไล่ล่า สายธารโลหิตจะมีให้เห็น ซึ่งส่วนมากมาจากพวกเผ่าโบราณ
ทำให้พวกมันต้องหนีกลับไปยังเขตกลางต้องห้ามด้วยความสั่นกลัว
มนุษย์จึงได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ณ ตระกูลน่าหลาน บนยอดเขาโบราณ
เมื่อมองไปรอบๆ แม้จะเห็นว่ามันเละเทะ แต่ใบหน้าของผู้บ่มเพาะเหล่านั้นกลับมีความสุขจากก้นบึ้งหัวใจ
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บ่มเพาะของทวีปสวรรค์เร้นลับสามารถยืนหลังตรงได้อย่างผ่าเผย
ก่อนหน้านี้ พื้นที่ที่เทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ถูกเรียกว่าเขตกลางต้องห้าม มนุษย์คนไหนเข้าไปก็โดนพวกมันฆ่าตายกันหมด
แต่ตอนนี้ สิ่งมีชีวิตพวกนั้นจากเขตกลางต้องห้ามกลับถูกผู้บ่มเพาะฝั่งมนุษย์ไล่ล่าเสียเอง
นี่เป็นความรู้สึกที่โคตรดีเลย!
และทั้งหมดนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับจวินเซียวเหยา
จวินเซียวเหยาคือผู้กอบกู้มนุษยชาติบนทวีปสวรรค์เร้นลับ!
ภายในห้องโถงอันกว้างใหญ่ของตระกูลน่าหลาน จวินเซียวเหยากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน
เบื้องล่างของเขาเรียงรายไปด้วยผู้นำจากกองกำลังต่างๆ บนทวีปสวรรค์เร้นลับ
มีทั้งนักบุญของแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้นำตระกูลลับ เจ้านิกาย และผู้ก่อตั้งลัทธิ
ในตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดต่างโค้งคำนับและป้องมือต่อจวินเซียวเหยาพร้อมๆ กัน
“มนุษยชาติบนทวีปสวรรค์เร้นลับต้องขอขอบคุณท่านบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินสำหรับความเมตตาอันใหญ่หลวงนี้ พวกเราจะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้เด็ดขาด!”
เสียงของพวกเขาดังกึกก้องสะท้อนไปทั่ว แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง
“พวกท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” จวินเซียวเหยาโบกมือปฏิเสธ
ที่จริง เขาไม่ใช่ผู้กอบกู้อะไรนั่นหรอก
เขาแค่ทำไปเพราะประโยชน์ส่วนตัวน่ะ
“จากนี้ไป พวกเรา ประชาชนชาวทวีปสวรรค์เร้นลับ จะถือว่าท่านบุตรพระเจ้าคือผู้นำของเรา!” เจ้านิกายตงเฉวียนกล่าวเป็นคนแรก (แก้ไขจากผู้นำนิกายตงเฉวียน)
“ถูกต้อง! จากนี้ไป ทวีปสวรรค์เร้นลับจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านบุตรพระเจ้า!”
“ท่านบุตรพระเจ้าจะเป็นผู้ปกครองแห่งทวีปสวรรค์เร้นลับ!”
เหล่าผู้นำและประมุขนิกายต่างพากันส่งเสียงสนับสนุน
แต่น่าหลานจ้านที่ยังดูมีความกังวลเหลืออยู่ เขาจึงเอ่ยถาม “ข้าขอบังอาจถามท่านบุตรพระเจ้า แม้ว่าพวกเราจะได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในสงครามครั้งนี้ แต่พวกเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีกำลังรบเหลืออยู่ หากพวกมันรอจนกระทั่งท่านบุตรพระเจ้าจากไป แล้วพวกมันกลับมาแก้แค้น...”
น่าหลานจ้านไม่ได้พูดอะไรต่อ
มันทำให้บรรยากาศเงียบลงชั่วขณะ
นั่นก็จริง
เพราะมีจวินเซียวเหยาอยู่ พวกเขาจึงคว้าชัยได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่ถ้าจวินเซียวเหยาจากไปแล้วล่ะ?
เขามาจากดินแดนอมตะ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะอยู่ในทวีปสวรรค์เร้นลับไปตลอด ใช่ไหม?
“ฮ่าฮ่า...พวกท่านไม่ต้องกังวลกันหรอก ข้าคิดวิธีรับมือกับปัญหานี้เอาไว้แล้ว”
จวินเซียวเหยายิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว