ตอนที่ 69: ในที่สุด เสวียนหยูก็โตขึ้น!
ห้องโถงวังตงหวงเต๋อเย่
ขณะนี้เต็มไปด้วยผู้คน เหล่ามิตรสหายและญาติพี่น้อง.
โดยเฉพาะเหล่าคนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกของราชวงศ์
มีเหล่ารัฐมนตรีหลายคนจากเป่ยเสวียนเทียน รวมถึงคนที่สำคัญที่มีชื่อเสียงเองก็ด้วย เวลานี้นั่งอยู่เต็มทั้งสองข้างของห้องโถง.
มีโต๊ะหรูหราสองโต๊ะตั้งอยู่กลางห้องโถง
โต๊ะตัวหนึ่งเป็นที่นั่งของตงหวงเต๋อเย่และหวางเฟยซูชิงและบุตรชายของเขาตงหวงเห่าหยู.
ซึ่งยังมีอีกโต๊ะที่ยังคงว่างอยู่
แต่ทุกคนล้วนแต่รับรู้ว่า โต๊ะดังกล่าวนี้เป็นที่นั่งของใคร.
“ข้าได้ยินมาว่าตี้ฟู่นั้นสง่างามราวกับอมตะ ในที่สุดข้าก็จะได้มีโอกาสได้เห็นใบหน้าดังกล่าวด้วยตัวเองแล้ว!”
“ใช่ ข้าไม่มีเจ้าสมบัติที่จะเห็นตี้ฟู่ในวันธรรมดา ในที่สุดข้าก็ได้มีโอกาสสักที!”
หลายคนตั้งตารอที่จะได้เห็นว่าบุรุษของจักรพรรดินีเสวียนปิงผู้สง่างาม ว่าจะมีความโดดเด่นเพียงใด
ในไม่ช้า หลินซวน ก็เดินเข้ามาพร้อมกับบุตรสาวทั้งสี่ของเขา
เมื่อเห็นเขาปรากฏตัว ตงหวงเต๋อเย่ และคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นทันทีก่อนก้าวเข้าไปทำความเคารพ: "คารวะตี้ฟู่!"
ทุกคนที่เห็นรูปลักษณ์ของหลินซวนที่ดูโดดเด่นอย่างแท้จริง.
หลาย ๆ คนต่างก็แอบชื่นชมในใจ สมควรเป็นบุรุษของจักรพรรดินิจริง ๆ!
ตงหวงเต๋อที่กล่าวแนะนำหวางเฟยซูชิงต่อหลินซวน.
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ รอบ ๆ หลินซวนแทบรอไม่ไหวที่จะเดินไปด้านหน้าหวางเฟยซูชิง
เมื่อพวกนางอายุสองขวบ เป็นหวางเฟยซูชิงที่ช่วยตงหวงจื่อโหยวดูแลพวกนางอยู่หลายครั้ง.
ดังนั้นสาวน้อยจึงชื่นชอบหวางเฟยผู้นี้มาก.
ดังนั้นจึงได้เตรียมของขวัญวันเกิดของนางมาเป็นพิเศษ
เสวียนจู่หยิบกระจกแสงจันทร์สีม่วงอ่อน ๆ ออกมาแล้วเอ่ยว่า:
“หวางเฟยเหนียง นี่คือกระจกพระจันทร์ม่วง ข้ามอบให้ท่านมันสามารถใช้แสงจันทร์ส่องดูตัวเองในเวลากลางคืนได้ ไม่แตกต่างจากการส่องดูตัวเองในเวลากลางวัน!”
หวางเฟยซูชิงที่เผยยิ้มและยกมือลูบศีรษะเสวียนจู่ด้วยความรัก พร้อมกับรับกระจกพระจันทร์ม่วงมา“เสวียนจู่เก่งมาก!”
"ข้าด้วย!" เสวียนซีหยิบวิหคคริสตัลออกมา "นี่คือวิหคเซียนของข้า มันดูดีเมื่ออยู่ข้างเตียง!"
“ตกลง ขอบใจเจ้า เสวียนซีที่รัก!” หวางเฟยรับรูปปั้นเกาะสลักวิหคเซียนมาด้วยความเอ็นดู.
“หวังเฟยเหนียง นี่คือดอกไม้อายุยืนที่ข้าให้ท่าน ขอให้ท่านมีอายุยืนยาวเช่นนี้ดอกไม้นี้!” เสวียนหานหยิบดอกไม้เซียนออกมา
กลีบดอกมีสีชมพู กิ่งก้านและใบเป็นสีเขียวมรกต ดูเหมือนกับดอกไม้ที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉา.
ซู่ชิงพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก: "เสวียนหานเติบโตขึ้นแล้ว!"
เสวียนหยูดึงแขนเสื้อของหวางเฟยซู่ชิง แล้ววางอสรพิษสีขาวตัวใหญ่ปรบมือของซูชิง:
“หวังเฟยเหนียง ท่านเกิดปีงู ข้าจะให้อสรพิษตัวน้อยนี้แก่ท่าน!”
หวังเฟยซูชิงจำได้ว่าอสรพิษตัวน้อยนี้เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมของสตรีหลายคนในเป่ยเสวียนเทียน มันถูกเรียกว่าอสรพิษหยุนหยู
เป็นอสรพิษที่จะไม่มีวันเติบโตไปกว่านี้แล้ว และจะดูเล็กน่ารักเช่นนี้ตลอดไป.
"ของขวัญจาก เสวียนหยู ดีมาก!" หวางเฟยซูชิงรับอสรพิษน้อยมาด้วยความเอ็นดู.
เสวียนหยูหันกลับไปมองพี่สาวทั้งสามด้วยท่าทางพอใจ: "ดูสิ ของขวัญที่ข้ามอบให้หวางเฟยเหนียงเหนียงชอบมาก!"
ครั้งสุดท้ายที่นางมอบอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรให้กับ มู่โหยวชิง เกือบจะทำให้มู่โหยวชิงสลบขวัญหนีดีฝ่อ.
เสวียนหยู จึงสาบานว่าครั้งต่อไปที่ให้ของขวัญใคร จะต้องคัดเลือกสัตว์อสูรที่ผู้คนชื่นชอบ.
ในที่สุดนางก็ทำได้แล้ว ทำให้นางรู้สึกภูมิใจมาก!
เสวียนจู,เสวียนซี และ เสวียนหาน พยักหน้าเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย
“ใช่แล้ว ในที่สุดเสวียนหยูก็โตขึ้น!”
"อืม เสวียนหยูรู้วิธีมอบสัตว์อสูร นี่เป็นสิ่งที่ดี!"
“พี่สาวเอ่ยถูก จะดีกว่าถ้าเสวียนหยูไม่ทำให้พวกเรากลัวด้วยสัตว์อสูร เมื่อวานข้าเกือบร้องไห้ด้วย!”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังแต่น่ารัก ทุกคนก็อดหัวเราะไม่ได้
เหล่าเด็กสาวที่เหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่น่ารัก ทุกคนต่างก็ชื่นชอบกันหมด!
ตงหวงเต๋อเย่กล่าวด้วยความเคารพ: "ตี้ฟู่ เชิญนั่ง!"
หลินซวนพยักหน้า และพาเด็กหญิงทั้งสี่คนไปนั่งบนโต๊ะที่เตรียมไว้.
หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดเริ่มต้นขึ้น ทุกคนก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อดื่มอวยพรหลินซวน
คนที่ร่ำรวยและมีอำนาจเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้มีชื่อเสียงและผู้มีอำนาจ.
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าหลินซวน พวกเขาต่างก็ริเริ่มเข้าหาและเผยท่าทางถ่อมเนื้อถ่อมตนมาก.
บางคนยังรู้สึกว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ชนแก้วกับหลินซวน
หลินซวน เอ่ยคุยกับทุกคนอย่างสุภาพทีละคน ๆ
เมื่ออยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ เขาสามารถใช้พลังวิญญาณละลายฤทธิ์แอลกอฮอร์สลายออกจากร่างได้ ถึงจะดื่มพันแก้วก็ไม่มีทางเมา.
ด้วยเหตุนี้ทำให้สายตาของทุกคนต่างก็อุทานออกมาตาม ๆ กัน“ตี้ฟู่ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
การแลกเปลี่ยนดื่มสุราผ่านไปแล้วแก้วแล้วแก้วเล่า.
ในเวลานั้นตงหวง เต๋อเย่ ก้าวเข้าไปหาชายชราผมขาวผู้หนึ่งและเอ่ยอย่างสุภาพ: "ปรมาจารย์ฮั่น วันนี้โปรดช่วยวาดภาพหวังเฟยของข้าด้วย”
ฮั่นเต้าจื่อ ชายชราผมขาว ที่ลุกขึ้นและพยักหน้าทันที“ตกลง!”
เขาลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปที่กลางห้องโถง ด้วยการโบกมือขวา แสงลึกลับก็กระพริบ
หลังจากแสงลึกลับหายไป ผืนผ้าใบที่งดงามอย่างยิ่งก็ถูกนำมาตั้งไว้กลางห้องโถงใหญ่.
ฮั่นเต้าจื่อที่ถือหินหมึกในมือซ้าย ซึ่งส่องประกายด้วยแสงสดใส.
ในมือขวาของเขา เขาถือพู่กันที่ล้อมรอบด้วยพลังเซียน บ่งบอกได้ว่าเป็นของวิเศษที่มีคุณภาพสูงมาก.
ในเวลานี้มีเสียงดังอุทานก็ดังขึ้นไปทั่วห้องโถง
“เป็นดั่งที่คาดไว้ ปราชญ์จิตรกรรมของเป่ยเสวียนเทียน ปรมาจารย์ฮั่นช่างดูน่าเกรงขามนัก!”
“เป็นเรื่องปรกติ ปรมาจารย์ฮั่นฝึกฝนวาดภาพมาหกพันปีแล้ว ผู้คน ภูตผี ทิวทัศน์ อาคาร ดอกไม้ ต้นไม้ วิหค สัตว์ร้ายที่น่าเกรงขาม ล้วนแต่เคยวาดมาแล้ว นี่คืออัจฉริยะที่หาได้ยากจริง ๆ!”
"ใช่แล้ว การได้เห็นภาพวาดของปรมาจารย์ฮั่นทำให้ ดวงตาของเขาได้รับเกียรติจริง ๆ!"
ผู้คนที่อยู่ที่นี่ ล้วนแต่เป็นคนที่มีชื่อเสียงและฐานะสูง ซึ่งเคยเห็นภาพวาดของจิตรกรที่มีชื่อเสียงมามากมายนับไม่ถ้วน.
ทว่าการเห็นปรมาจารย์ฮั่นเต้าซือวาดภาพนั้น หลาย ๆ คนเพิ่งเคยเห็นเป็นคนแรก.
จะเห็นได้ว่า ฉายา“ปราชญ์จิตรกรรม”ของฮั่นเต้าซือนั้น เป็นคนที่มีชื่อเสียงในการวาดภาพในเป่ยเสวียนเทียนสูงมาก.
ผู้คนไม่ได้ส่งเสียงรบกวนแต่อย่างใด.
ฮั่นเต้าซือ ที่ใช้พลังทางจิตวิญญาณควบคุมพู่กัน วาดภาพหวางเฟยซูชิงลงบนผืนผ้าใบอย่างระมัดระวัง
เสวียนจู่เอ่ยถามหลินซวน: "เสด็จพ่อ ทำไมถึงต้องให้คนวาดภาพตัวเองล่ะ?"
หลินซวน เอ่ยว่า: "นี่เป็นหนึ่งในวิธีในการรำลึกถึงวัยเยาว์ของนาง เอ่ยง่าย ๆ มันคือวิธีการรักษารูปลักษณ์ให้ยังคงอ่อนเยาว์เอาไว้ตลอดไป”
“สตรีที่มั่งคั่งจำนวนมากในโลกนี้ ทุกวันเกิดของพวกเราจะต้องวาดรูปตัวเองเก็บเอาไว้.”
"โอ้โอ้ว!" เสวียนจู่และธิดาอื่น ๆ ต่างก็เก็บความรู้นี้ไว้ในใจทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ฮั่นเต้าจื่อก็วาดภาพเสร็จ.
จากนั้นเขาก็หยิบหม้อหยกออกมาแล้วใช้มือขวาวาดไปมาแล้ว ดึงของเหลววิญญาณจากด้านในออกมาก่อนที่จะพ่นมันลงบนภาพวาด
หวึ่ง!
ทันใดนั้นผืนผ้าใบก็ส่องแสงสีขาวแพรวพราว
รอพักหนึ่ง แสงระยิบระยับก็ค่อย ๆ เลือนหายไป.
ในเวลานั้นภาพวาดของหวางเฟยซูชิงบนภาพวาดก็งามสะพรั่ง สมจริง มีเสน่ห์ สง่างามและสูงส่ง.
ทุกคนรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อดู และอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ.
“ภาพวาดของอาจารย์ฮันน่าทึ่งมาก! สวยงามมาก!”
ตงหวงเต๋อเย่นำหวางเฟยซูชิงก้าวไปมองใกล้ ๆ ทันที.
เมื่อเห็นว่าภาพวาดมีความสดใสและสวยงามมาก ทั้งสองคนก็พอใจเป็นอย่างมาก.
“เสด็จพ่อไปดูเถอะ!”
เสวียนจู่และคนอื่น ๆ ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นได้ และรีบดึงหลินซวนไปข้างหน้าเพื่อดู
"ว้าว~ มันสวยมาก!"
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ต่างตื่นตะลึง!กับภาพวาดที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ทว่าขณะพวกนางปรบมือให้ฮั่นเต้าจื่อด้วยความตื่นเต้นนั้น.
ในเวลาต่อมา น้ำมันหยดเล็ก ๆ จากมือของเสวียนซีหยดหนึ่งกลับบังเอิญหล่นลงไปที่ภาพวาด
"แย่แล้ว!"
ทุกคนรีบมองออกไป ทว่าหยดน้ำมันเล็ก ๆ นั้นได้หล่นลงไปบนจมูกภาพวาดของหวางเฟยซูชิงแล้ว ซึ่งปรากฏจุดสีเหลืองเล็ก ๆ ขึ้นมา.
เด็กหญิงตัวเล็กก็สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน ดังนั้นพวกนางจึงหยุดชะงักและมองดูภาพวาดนั้นด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นเสวียนซี ก็ดวงตาเบิกตากว้างขึ้นมา เผยใบหน้าหวาดกลัวออกมา.
รับรู้ว่าตัวเองได้ทำผิดไปแล้ว!