ตอนที่ 39 The Blacklist (2)
5 วันต่อมา
วันศุกร์ 17.00 น. ขณะกำลังกลับบ้าน
“ท่านคะมีรถตามหลังเรามาประมาณ 10 คันค่ะ”ซินหรานกล่าวขึ้นโดยไม่มีความร้อนรนเลยแม้แต่น้อย
“มีใครอยากจะจัดการฉันงั้นเหรอ….แต่ข้อมูลตัวตนของฉันการจะหาได้คงต้องเป็นพวกระดับสูงๆในโลกนี้เท่านั้น”
“เพราะตัวตนของท่านยังเป็นความลับอยู่พวกมันจึงลงมือได้อย่างสบายใจค่ะ หากท่านเปิดเผยต่อหน้าสื่อไปว่าเป็นประธานบริษัท Nebula Technology พวกนั้นคงคิดหนักหากจะเล่นงาน”
“ช่างเถอะ..เรียกทีมของเรามาจำนวนคนเพียงพอที่จะล้อมป่าได้แต่ให้เฝ้ารอบนอกไว้ก็พอ เพราะวันนี้พวกมันโชคร้ายแล้วล่ะ”ดนัยกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะลูบขนของเจ้าเฟนริล
“โฮ่งง!!”มันเห่ารับคำก่อนจะส่ายหางไปมา
ตั้งแต่ซื้อรถตู้มาดนัยก็นั่งมันมาตลอดเพราะพื้นที่กว้างดีไม่อึดอัด ส่วนรถคันเก่าตอนนี้ดนัยได้ยกให้แม่ของตนที่กลับมาจากการท่องเที่ยวไปแล้ว
“พวกมันน่าจะมีจำนวน 200 คน เพราะรถที่ตามมาแต่ละคันล้วนเป็นรถใหญ่ และการที่ล่วงรู้ตัวตนของฉันก็คงจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลดังนั้นต้องมีอาวุธสงครามอย่างแน่นอน….”ดนัยวิเคราะห์ออกมา
“ท่านใส่เกราะพลังงานแล้วใช่ไหมคะ?”
“แน่นอน มันเบาจะตายฉันใส่มันทุกเวลานั่นแหละ”
“อย่างนั้นฉันก็โล่งใจค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะไม่ให้กระสุนสักนัดมากระทบกับเกราะพลังงานอย่างแน่นอน”
“เอาเถอะ ถือว่าเป็นการลงสนามจริงครั้งแรกก็แล้วกัน”
รถตู้คันดำของดนัยหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางออกไปนอกเมืองในทันทีเพื่อจะได้ปะทะกันโดยไม่มีผู้บาดเจ็บและไม่มีผู้ที่รู้เรื่องนี้
หลังจากขับออกมานอกเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง ตอนนี้ทั้งสองก็ได้เข้าเขตป่าเป็นที่เรียบร้อยและยังขับเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
รถตู้นับสิบที่ตามมาก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้นก่อนจะหักเลี้ยวตามเข้าป่าไปและตอนนี้ก็มีคนโผล่หน้าออกมาจากกระจกพร้อมกับปืน Bazooka สีเขียวที่พาดอยู่บนไหล่
“โว้วว!! พวกนั้นเอาเรื่องเหมือนกันเห๊ะ ถึงกับควักเอาของหนักมาเล่นกันเลย”ดนัยกล่าวขึ้นแต่ไม่มีความตกใจกลัว
ฟิ้วววววว~!!!
จรวดระเบิดถูกยิงออกมาจากกระบอกปืนก่อนที่จะพุ่งเข้าหารถด้วยความรวดเร็ว
ตู้มมมมม!!!
เกิดการระเบิดขึ้นจนฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วรถที่ขับตามมาก็เริ่มชะลอความเร็วลงเตรียมที่จะลงจากรถและทำการจับกุมเป้าหมาย
ทว่า รถของดนัยมีหรือจำธรรมดา มันพุ่งผ่านควันก่อนจะขับหนีเข้าป่าต่อไป
กลุ่มคนที่ตามล่าดนัยถึงกับหน้าเหวอและจ้องไปยังรถตู้คันดำอย่างไม่วางตาและไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่เป็นอะไรเลย
“พลังงานเหลือเท่าไหร่ตอนนี้”
“ลดลง 10% ค่ะ”
“ถือว่าไม่ได้แย่ แต่พวกนั้นไม่กลัวฉันตายเลยรึไงกัน….ไม่ใช่จะมาจับตัวงั้นเหรอ”
“พวกมันคงรู้ว่ารถคันนี้หุ้มเกราะเอาไว้จึงกล้ายิงมาค่ะ…แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เกราะอย่างที่พวกมันเข้าใจ”
ตอนที่จรวดพุ่งมาถึง รอบตัวรถก็ปรากฏแสงสีฟ้าขึ้นมาล้อมรอบไว้ก่อนจะเกิดการระเบิดทำให้ตัวรถไม่มีความเสียหายอะไรเลยมีแต่กระเด็นออกไปเล็กน้อยเท่านั้น
“มุ่งหน้าไปกลางป่าต่อเลย หากเราอยากลองใช้กำลังรบอย่างเต็มที่ต้องไม่ปล่อยให้ใครสักคนรอดไปได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
รถตู้คันดำก็ขับต่อเข้าป่าไปโดยมีรถนับสิบคันขับตามมาทิ้งระยะห่างประมาณ 80 เมตร
……………
30 นาทีต่อมา
“ตอนนี้กลุ่มของเราล้อมที่นี่ได้หมดรึยัง”ลูคัสกล่าวถามพลที่กำลังดูอะไรสักอย่างในโน้ตบุ๊คอยู่
“ล้อมไว้ได้หมดแล้วครับ และติดเซ็นเซอร์ตรวจจับเพื่อป้องกันการหลบหนี รวมถึงตัดสัญญาณเพื่อป้องกันการเรียกกำลังเสริมแล้วด้วยครับ”
“ดีมาก แจ้งไปให้บอสทราบได้เลย”
“รับทราบครับ!!”
ทางด้านของดนัยตอนนี้ได้ขับรถวนรอบป่ามาได้หลายรอบแล้วเพราะกำลังรอสัญญาณจากทีมของตนเองอยู่
“สัญญาณถูกส่งมาแล้วค่ะ”
“งั้นเราก็จอดได้แล้ว”
“ค่ะ”
รถถูกจอดลงก่อนที่ 2 คน 1 หมาจะลงจากรถและยืนรอกลุ่มคนที่ต้องการมาจับ
เพียงไม่นานรถทุกคันที่ตามมาก็มาถึงและล้อมทั้งสามไว้ก่อนที่จะมีคนเดินออกมาจากรถนับร้อย ก่อนที่จะมีชายคนไทยเดินออกมาข้างหน้า
“ได้โปรดให้ความร่วมมือแล้วมากับเราด้วย!!”เขากล่าวด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด
“พวกนายรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร”
“ฉันไม่ได้อยากรู้ว่านายเป็นใครแต่ตอนนี้นายต้องมากับเรา”
“โอ้! งั้นขอโทษด้วยที่คงไปไม่ได้และนายอาจจะเจ็บหน่อยนะ”
“อะไร??”
กร๊อบบบ!!!
ชายคนนั้นโดนเฟนริลกัดเข้าไปที่ขาเต็มแรง
“อ๊ากกกกก!!! ยิงมันๆ ยิงมันสิวะ!!”
ปั้งง!!
เคร้งงง!!
แต่แล้วเรื่องน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อกระสุนไม่สามารถยิงผ่านขนของหมาสีขาวตัวนี้ไปได้
“ทำไมมันไม่เป็นอะไรเลยล่ะ”ชายที่ยิงกล่าวขึ้นมา
“ลองยิงเข้าไปอีกครั้งสิ!!!”
ปั้งง!!
เคร้งงงงง!!!
กระสุนเด้งออกจากตัวของมันอีกครั้งทำให้ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัว
“ยิงเจ้าหมานั่นซะ!!!”
ปั้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!
เสียงการระดมยิงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแต่เจ้าเฟนริลมันก็ไม่อยู่ให้ยิงเฉยๆวิ่งหลบไปมาก่อนจะเข้าไปกัดทีละคน
“อ๊ากกกก!! ขาฉัน ขาฉัน”
“สัตว์ประหลาด!!! ช่วยด้วยยยย!!”
“มันมาทางนี้แล้ว!! หนีเร็ว!!!”
ฟู่มมมม!!!
ลูกบอลไฟถูกยิงออกจากปากของมันไปโดนรถคันหนึ่งและไฟก็ลุกขึ้นท่วมรถ เฟนริลไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่แต่เป็นดนัยที่คอยควบคุมอนุภาคมานาช่วยเหลือมัน
“ทำไมกระสุนถึงยิงเจ้าเฟนริลไม่เข้าละคะ????”ซินหรานที่ตอนแรกก็ตกใจกลัวที่เห็นมันโดนยิง แต่เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้งก็พบว่ากระสุนไม่สามารถทำอะไรมันได้
“มันสามารถเปลี่ยนขนของมันให้มีความแข็งเทียบเท่าเพชรได้น่ะ…..มันอัดคาร์บอนที่สร้างจากอนุภาคมานาลงไปบนขนก่อนจะคงรูปเอาไว้โดยการแช่แข็งมันที่อุณหภูมิ 0 องศาเคลวิน”
“อย่างนั้นขนของมันทุกเส้นก็แข็งเทียบเท่าเพชรเลยสินะคะ”
“ใช่แล้วล่ะ และถ้าเรามีความรู้เรื่องแร่ธาตุมากกว่านี้อาจจะมีวิธีสร้างแร่ที่มีความแข็งมากกว่าเพชรก็เป็นได้”
เฟนริลตอนนี้มันกำลังวิ่งไล่กัดคนไปทั่วและยังปล่อยไฟ น้ำแข็ง ไฟฟ้า ออกมาโจมตีนับไม่ถ้วน ขณะต่อสู้ก็มีกระสุนบางส่วนที่กระเด็นมาโดนดนัยกับซินหรานแต่ก็มีเกราะพลังงานมาป้องกันไว้ให้
“เธอไปช่วยมันหน่อยสิ การใช้สมองควบคุมอนุภาคมานานั้นยากลำบากมากและใช้กำลังใจมากตอนนี้มันคงจะเหนื่อยแล้ว”
“ได้ค่ะ”
เฟนริลตอนนี้ความเร็วของมันลดลงจนเห็นได้ชัดและเลิกปล่อยเวทมนต์เปลี่ยนไปใช้การกัดแทน แต่ก็ยังเหนื่อยอยู่ดีเพราะการคงสภาพความแข็งของขนไว้ก็เป็นการใช้สมองเช่นกัน
ซินหรานหยิบปืนสีขาวรูปร่างกะทัดรัดน้ำหนักเบาออกมาจากข้างตัวก่อนจะออกไปจากม่านป้องกันของรถและวิ่งเข้าไปไล่ยิงศัตรู
ปิ้ววว!
ลำแสงความร้อนสูงทะลุร่างของคนนับสิบ และซินหรานก็เข้าไปใช้วิชาต่อสู้ของตัวเองในการจับคนพวกนั้นทุ่มลงกับพื้น
“อย่าฆ่าพวกมันหมดล่ะ”
“ได้ค่ะ”
ซินหรานเริ่มการล้างบางศัตรูจนในที่สุดก็หลงเหลืออยู่เพียง 5 คน
“ทำไมได้ดีมากเจ้าตัวน้อย”ดนัยอุ้มเฟนริลขึ้นมาและลูบขนของมันที่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว
“แล้วคนที่เหลือเราจะทำยังไงดีคะ??”
“จับพวกมันไปสอบปากคำให้หมด ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าคนกลุ่มไหนมันอยากจะจับตัวฉัน”
“ชะตาพวกมันคงถึงฆาตแล้วสินะคะ”
“แน่นอน ฉันจะแฉพวกมันตั้งแต่เกิดเลยคอยดู”
ด้วยความสามารถของ Ai อัจฉริยะอย่างอลิเซีย ไม่มีอะไรสามารถปกปิดการแฮกข้อมูลของดนัยได้อย่างแน่นอน