ตอนที่ 34 ขายผลผลิต
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 30 นาที
คนทั้งหมดก็ได้ชิมผลผลิตของที่นี่เกือบทั้งหมดแล้วเหลือเพียงแต่ชาและเนื้อเท่านั้นที่ยังไม่ได้กินเพราะต้องกลับไปยังบ้านหลักก่อน
เมื่อกลับมาถึงพวกเขาทุกคนก็พบว่าบนโต๊ะอาหารในบ้านนี้ปัจจุบันได้เต็มไปด้วยเมนูเนื้อต่างๆที่มีสีแดงอมทอง และมีน้ำชาสีทองอยู่บนโต๊ะอีกด้วย
“นายรู้ใจพวกเรามากเลยนะเนี่ย เย็นนี้ฉันยังไม่ได้ทานอะไรมาพอดี”วินกล่าวออกมา
“เชิญตามสบายเลย นี่คือเนื้อวัว 1 ใน 3 ของทั้งตัว แม้จะน่าเสียดายที่มันคือเนื้อของตัวที่ตั้งครรภ์ไม่ได้แต่มันก็คือสัตว์ที่เลี้ยงไว้กินนี่นะ”ดนัยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปยังหัวโต๊ะและนั่งลง
ซินหรานก็เดินตามมาและนั่งลงข้างๆ ทำให้ฟ้าและน้ำฝนต้องไปนั่งอีกฝั่งแทน คนอื่นๆที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปนั่งบนโต๊ะโดยเร็ว
“ไม่ต้องมีพิธีอะไรทั้งนั้นแหละ กินได้เลย”
“เฮ้!!!”เพื่อนๆทั้งสามของเขาก็ร้องลั่นก่อนจะเริ่มหยิบช้อนและส้อมตักอาหารเข้าปาก
“………..”เกิดความเงียบขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่กินเข้าไป
ดนัยที่ตักเนื้อเข้าปากตามไปทีหลังก็เช่นกัน สักพักหนึ่งก็ค่อยๆเริ่มเคี้ยวทีละนิดเพื่อลิ้มรสที่สุดยอดของเนื้อสีทอง
“มันอร่อยมากจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบรรยายเลยล่ะ….”ดิวเอ่ยขึ้น
“แน่นอน เนื้อคุณภาพดีก็ต้องคู่กับเชฟคุณภาพเหมือนกัน”ดนัยกล่าว
เขาได้ให้เชฟคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์ 3 ดาวจำนวน 5 คนมาทำงานอยู่ที่นี่โดยทดลองทำอาหารใหม่ๆตามวัตถุดิบที่ได้จากฟาร์มแห่งนี้ และนี่ก็คือหนึ่งในผลลัพธ์
“อร่อยกว่าเนื้อ A5 ที่ฉันเคยกินเสียอีก”วินกล่าวพลางจิ้มเนื้อลงน้ำจิ้มสูตรพิเศษ
“แน่นอนอยู่แล้ว เนื้อนี่มันมีรสชาติตามที่มนุษย์อย่างเราต้องการเกือบจะ 100% เลยทีเดียว”ดนัยเอ่ยด้วยรอยยิ้มขณะมองไปยังเด็กสาวทั้งสองที่กำลังกินอย่างมูมมาม
ส่วนซินหรานเธอก็ยังรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี เธอเหมือนเป็นคุณหนูจากตระกูลผู้ดีที่เวลาทำอะไรจะต้องดูดีอยู่เสมอ
ทุกคนใช้เวลาในการกินข้าวกันครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกไปเดินเล่นรอบๆฟาร์มกันแม้จะเป็นช่วงกลางคืนแล้วก็ตาม
ที่ฟาร์มแห่งนี้มีความพิเศษอย่างหนึ่งที่ที่อื่นไม่มี นั่นก็คือมันไม่มีแมลงอยู่ในเขตเพาะปลูกเลยแม้แต่น้อย เป็นผลมาจากฟีโรโมนที่พืชตัดต่อพันธุกรรมปล่อยออกมาทำให้การเดินเล่นเป็นไปอย่างราบรื่น
………….
4 วันต่อมา
วันศุกร์ 10.00 น. ฟาร์มภัทรภพ
วันนี้เป็นวันที่นายหน้ารับซื้อผลไม้จะเดินทางมาถึง เพราะว่าดนัยยังไม่ได้มีชื่อเสียงและเส้นสายในด้านนี้มากนักจึงต้องพึ่งพาคนอื่นก่อน
แต่หากพวกเขารักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้ได้ดนัยก็จะลองพิจารณาการเป็นนายหน้ารับซื้อจากฟาร์มนี้แบบพิเศษอีกที
และตอนนี้เขาคนนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าบ้านหลักของฟาร์มนี้เป็นที่เรียบร้อย
“สวัสดีครับคุณดนัย ผมมานพ ประธานบริษัท Thai Food&Fruit ครับ”มานพยื่นมาข้างหน้าเพื่อทักทาย
“เช่นกันครับ”ดนัยยื่อมือไปจับก่อนจะเขย่าเล็กน้อย
ตอนที่ได้ยินชื่อบริษัทดนัยก็แปลกใจเล็กน้อยเพราะคนตรงหน้าของเขาตอนนี้คือประธานบริษัทผู้ส่งออกวัตถุดิบต่างๆในไทยเป็นอันดับที่ 2!!
“ที่ผมมาในวันนี้เพราะคุณกิตติศักดิ์ได้แนะนำผมมาว่าควรจะไปด้วยตัวเองจะได้ไม่เสียใจในภายหลังน่ะครับ”
“งั้นคุณก็คิดถูกแล้วล่ะครับที่มา จะให้บอกเกี่ยวกับผลผลิตของตัวก็ดูจะไม่ดีสักเท่าไหร่ดังนั้นเชิญเข้ามาในบ้านก่อนได้เลยครับผมเตรียมเอาไว้ให้ลองชิมหมดแล้ว”
“ได้เลยครับ”
ดนัยเชิญมานพเข้ามาในบ้านโดยมีเลขาและผู้ติดตามอีกคนของมานพเดินตามเข้าไป ก่อนที่สักพักจะเจอโต๊ะที่จัดเตรียมของต่างๆไว้ให้แล้ว แต่มีเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น
“คุณมานพทานข้าวเช้ามารึยังครับ”
“ยังเลยครับ พอดีผมเป็นประเภทที่ไม่ทานข้าวเช้าน่ะ”
“ถ้างั้นก็ดีเลยครับ ผมจะได้ให้คุณลองเนื้อจากฟาร์มของเราด้วย”
“ได้อย่างนั้นก็ดีเลยครับ”
ทั้งสองพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มและค่อยๆนั่งลงไปบนโซฟาตัวหรูโดยมีโต๊ะกระจกสีเหลี่ยมขั้นกลางระหว่างทั้งสองเอาไว้
มานพสังเกตุและมองดูพืชผักผลไม้บนโต๊ะด้วยความสนใจ เพราะพวกมันเป็นสีทองทั้งหมด
“ทำไมของพวกนี้ถึงเป็นสีทองล่ะครับ”
“ผลผลิตพวกนี้คือพันธุ์เฉพาะที่มีในฟาร์มของเราเท่านั้นครับ รับรองว่าอร่อยและดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน”
มานพพยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบองุ่นสีทองขึ้นมาและกินเข้าไป เนื่องจากเขาเป็นประธานบริษัทเกี่ยวกับอาหาร ดังนั้นเขาจะต้องมีความรู้และภูมิต้านทานในเรื่องนี้มาก
“เป็นองุ่นที่อร่อยและดูดีที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาเลยครับ”มานพกลืนลงไปทั้งหมดก่อนจะพูดขึ้น
“ของพวกนี้เป็นเกรดคุณภาพทั้งหมดครับ แต่เกรดปกติก็ไม่ได้ต่างจากพวกนี้มากนัก”ดนัยอธิบายต่อ
“ครับ…”มานพรับคำก่อนจะลองหยิบผลไม้แต่ละอย่างขึ้นมากินทีละชิ้นโดยมีเลขาและผู้ติดตามอีกคนที่ชิมด้วย
“ผลไม้ทุกชนิดของที่นี่มีคุณภาพระดับ A หมดเลยครับ และทุกอย่างก็อร่อยจนกลบรสชาติที่ผมเคยลิ้มลองมาทั้งหมดไปสิ้นเชิงเลย”มานพกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ได้ยินเช่นนั้นผมก็ดีใจครับ แต่คุณมานพยังไม่ได้ลองผักของที่นี่เลยนะครับ”ดนัยดันผักสลัดสีทอง และ แครอทสีทองไปด้านหน้าเพื่อให้มานพได้เห็น
“นั่นสินะครับ”เขาพยักหน้าก่อนจะใช้ช้อนและส้อมที่วางไว้แต่แรกตักเข้าปากไป
“รสชาติดีเหมือนผลไม้เลยครับ แถมผักพวกนี้ยังมีรสชาติแปลกๆที่ผักทั่วไปไม่มีด้วย…ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีแต่มันอร่อยมากครับ”มานพเอ่ยขึ้น
เลขาและผู้ติดตามของเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณครับ แต่ว่าเรายังมีไม่หมดแค่นั้นนะครับ เรามาเข้าสู่อาหารจานหลักกันบ้างดีกว่า”
เป๊าะ!
ดนัยดีดนิ้วครั้งหนึ่งก่อนที่จะมีคนยกจานเข้ามาในห้องโดยมีฝาครอบปิดอยู่
“น่าสนใจดี….หลังจากนี้ผมอยากจะลองไปดูรอบๆฟาร์มจะได้ไหมครับคุณดนัย”
“ได้อยู่แล้วครับเพราะเราอาจจะต้องทำธุรกิจด้วยกันไปอีกนาน”
จานถูกยกเข้ามา 4 จานและวางไว้ที่หน้าของแต่ละคนรวมถึงดนัยด้วย สักพักหนึ่งก็มีคนที่แต่งตัวเป็นเชฟเดินเข้ามา
“สวัสดีครับทุกท่าน ผมก้องเชฟจากภัตตาคาร Nebula Restaurant และเป็นผู้ปรุงแต่งอาหารจานี้ครับ”
“สวัสดี”มานพเอ่ย
“สิ่งที่ผมเสริฟให้ทุกท่านได้ทานกันคือนี้จากวัวพันธุ์เฉพาะของที่นี่ปรุงกับพืชผักที่เก็บจากฟาร์มของเราสดๆไม่มีวัตถุดิบจากภายนอกแม้แต่น้อย”ก้องเดินเข้าไปก่อนจะเปิดฝาครอบขึ้นมา
ข้างในเป็นเนื้อชิ้นโตหั่นพอดีคำโดยมีซอสสีน้ำตาลดลงไปบนเนื้อข้างนอกสีทองข้างในสีแดง รอบจานมีหัวหอมที่ถูกปลูกไว้แค่ไม่กี่ต้นในฟาร์ม รวมถึงแครอทและผักสลัดโดยมีน้ำสลัดที่ทำจากไข่ที่เลี้ยงในฟาร์ม
ไก่และหัวหอม รวมถึงเครื่องเทศต่างๆนั้นมีในฟาร์มตั้งแต่แรกแล้วและดนัยก็ไม่ได้ไปทำอะไรกับมันมากนักแค่เปลี่ยนดินและเพิ่มแร่ธาตุโดยการควบคุมอนุภาคมานา
“หน้าตาดูดีสมกับเป็นภัตตาคารชื่อดังเลยครับ”มานพเอ่ยชมก่อนจะยกช้อนและส้อมไปตักชิ้นเนื้อเข้าปากของตน
“………”ความเงียบปกคลุมเหมือนตอนที่ดนัยกินครั้งแรกไม่มีผิด แม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านนี้ก็ยังไม่สามารถอธิบายความอร่อยของเนื้อนี้ออกมาเป็นคำพูดได้
มานพเคี้ยวเนื้อต่อไปโดยไม่พูดอะไรและลองกินคู่กับเครื่องเคียงอื่นๆในจาน เลขาและผู้ติดตามของเขาก็เช่นกัน ทั้งสามต่างดื่มด่ำกับรสชาติของเนื้อที่ไม่มีใครเหมือนนี้
“ผมชอบเนื้อนี่มากเลยครับ ข้างนอกเป็นสีทองดูหรูหราแต่เนื้อข้างในกลับสามารถระเบิดความอร่อยได้อย่างลงตัว ทั้งไขมันและเนื้อก็แทรกกันได้สมบูรณ์แบบเลยล่ะครับ”หลังจากเรียบเรียงคำพูดสักครู่มานพก็กล่าวออกมา
“วัตถุดิบของที่นี่ผมยกให้เป็นอันดับ 1 เลยครับ ทั้งความลงตัวของรสชาติ ความสดใหม่ และรูปลักษณ์ของมัน”ผู้ติดตามที่นั่งเงียบอยู่นานได้เอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก
ดนัยก็งุนงงเล็กน้อยว่าเขาเป็นใครกันและดูเหมือนมานพก็รู้เช่นกันจึงเอ่ยแนะนำตัวเขาออกมา
“ชายคนนี้ชื่อ วิโรจน์ เป็นนักชิมอาหารขององค์กร WFR(World Food Record) ในไทยครับ พวกเรารู้จักกันจึงเชิญเขามาในวันนี้ด้วย”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณวิโรจน์”เมื่อรู้ว่าเป็นใครดนัยก็ทักทายเขาทันที
“เช่นกันครับคุณดนัย แม้จะอายุยังน้อยแต่กลับสามารถสร้างธุรกิจใหญ่โตได้ขนาดนี้ เป็นอัจฉริยะจริงๆครับ”
“ขอบคุณครับ”
ทั้งสี่คนกินอาหารที่ถูกเตรียมมาให้หมดก่อนที่จะลุกขึ้นจากโซฟาและเดินออกไปจากบ้านเพื่อชมฟาร์มภัทรภพ โดยมีเดชเป็นคนนำทางและดนัยก็เข้าร่วมด้วยเพราะอยากจะเห็นว่ามันพัฒนาไปถึงไหนแล้ว