ตอนที่ 32 เฟ็นรีร์
“เปิดทางเชื่อมสู่สมอง”
“ครับ”พุชกิ้นเอ่ยขึ้น
มีเสียงตอบรับก่อนที่ฐานของตู้แก้วจะมีช่องขนาดเล็กยื่นออกมา
ดนัยเสียบชิปลงไปก่อนจะปิดมันลง ชิปวิ่งไปตามสายไฟและเข้าสู่สมองของตัวอ่อนหมาป่าในที่สุด
“ผลเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่มีอะไรเสียหาย สมบูรณ์ 100% ค่ะ”โซเฟียกล่าว
“ดีมาก เราจะใช้วิธีของพวกสัตว์ปีกนั่นก็คือการสร้างเยื่อหุ้มเอมบริโอขึ้นมาป้องกันอันตรายของตัวอ่อนตัวนี้ก่อนที่มันจะแข็งแรงพอที่จะกระเทาะเปลือกไข่ออกมาเอง”
“เข้าใจแล้วครับ”อังเดรตอบก่อนจะเข้าไปทำอะไรสักอย่างที่เครื่องหนึ่ง
ตู้แก้วเริ่มปรากฏเส้นใยจำนวนมากขึ้นก่อนจะค่อยๆก่อตัวโดยใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง
จากตัวอ่อนหมาป่าที่ไร้ซึ่งขน ตอนนี้มันได้กลายเป็นไข่ฟองใหญ่ใบหนึ่งขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เซนติเมตรในตู้แก้วที่มีน้ำกลั่นคอยช่วยรักษาสภาพของมันเอาไว้
“อีกประมาณเท่าไหร่ถึงมันจะโตพอฟักออกมา”
“น่าจะประมาณอีก 2-3 เดือนค่ะเพราะเซลล์ของมันแข็งแรงมาก อีกทั้งยังสามารถควบคุมอนุภาคมานาโดยรอบได้อีกด้วย”แคทเทอรีนตอบ
“อายุขัยของมันล่ะ”
“น่าจะอยู่ได้ประมาณ 1 พันปีเลยค่ะ และจะโตเต็มที่ช่วงอายุ 20 ปี”
“ดีทีเดียว….อีกไม่กี่เดือนพวกเราจะได้เห็นหมาป่าพ่นไฟแล้วล่ะ”
“เหะๆ..ผมหวังว่ามันจะไม่อาละวาดนะครับบอส”อังเดรเอ่ยออกมาเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก เราฝังชิปไว้แล้วมันจะกลายเป็นหมาสุดน่ารักแสนเชื่องของเรา แต่ท่ามีใครไปยุ่งอะไรกับมันหรือคิดทำร้ายเราคงต้องเจอหมาพ่นไฟใส่เสียแล้ว”
2 เดือนผ่านไป
ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรมากนักแค่ออกเพลงใหม่อีกนิดหน่อยรวมถึงทำกิจกรรมที่โรงเรียนมากยิ่งขึ้นเพราะตอนนี้ก็ใกล้จะปิดเทอมอีกรอบแล้ว
ในที่สุดวันที่ดนัยรอคอยก็มาถึง สุดยอดสุนัขที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อเผ่าพันธุ์เริ่มกระเทาะเปลือกออกมาแล้ว และสุขภาพของมันก็แข็งแรงเต็มร้อยด้วยทำให้ดนัยรีบกลับจากโรงเรียน
……………
16.24 น. คอนโด Blue Bird
ดนัยรีบเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยความรวดเร็วพร้อมกับซินหราน
“เป็นยังไงบ้าง!”เมื่อเห็นอังเดรเดินมาดนัยก็เอ่ยถามทันที
“ตอนนี้มันกำลังฟักออกมาพอดีเลยครับ”
“ดีๆ พาฉันไปดูหน่อย”
“ได้ครับ”
ทั้งสามรีบเดินไปยังห้องทดลองปิด จากนั้นก็ยืนยันตัวตนอีกเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเข้ามาและพบกับไข่ยักษ์สั่นไปมาอยู่กลางห้อง
แกร๊กกก!!
ทั่วไข่เริ่มแตกร้าวออกมาทีละนิดและเผยให้เห็นขนสีขาวนุ่มฟูอยู่ข้างใน
แกร๊กกก! แกร๊กกกก!!!
รอบร้าวเริ่มลามไปทั่วพร้อมกับการสั่นไหวของไข่ที่รุนแรงจนดนัยรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับกำลังสุ่มกาชาสัตว์เลี้ยงระดับตำนาน
โพล๊ะ!!
เปลือกไข่แตกกระจายออกก่อนจะเผยให้เห็นสุนัขสีขาวตัวหนึ่งกำลังนอนหงายอยู่ที่พื้นพร้อมส่งสายตาออดอ้อนมาที่พวกเขา
ซินหรานที่ยืนอยู่ข้างๆเขาถึงกับมือสั่นไปมาเพราะอยากเข้าไปลูบมัน ผู้หญิงในห้องคนอื่นๆก็ด้วยแต่ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปเพราะรู้ดีว่าเจ้าตัวนี้มันอันตรายกว่ารูปลักษณ์ภายนอกนัก
ดนัยไร้ซึ่งความกลัวเพราะตนแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ถึง 5 เท่า ก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆกับมันเพื่อมองดูให้ชัดๆ
ลักษณะของมันเหมือนกับหมาพันธุ์ Samoyed ที่เป็นหนึ่งในยีนมาก ขนาดตัวตอนนี้ก็เท่ากับขนาดของหมาปกติวัย 1-2 ปีไม่มีผิดทำให้รู้เลยว่าในอนาคตมันต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ
“สวัสดีเจ้าตัวน้อย”
“โฮ่ง!”
เจ้าตัวน้อยเห่าตอบกลับมาพร้อมกับนั่งส่ายหางไปมาและมองหน้าของดนัย
“ยกมือหน่อย”
“โฮ่ง!”มันเห่าขึ้นมาครั้งหนึ่งก่อนจะยกขาหน้าของมันขึ้นหนึ่งข้าง
“หมุนตัว”
“โฮ่ง!”จากนั้นมันก็เริ่มหมุนตัว
ดนัยลองออกคำสั่งต่างๆและยังลองให้มันเล่นของเล่นเด็กสำหรับเสริมพัฒนาการมันก็ทำได้หมด แม้แต่วางตัวเลขและให้โจทย์ไปลองทำดูมันก็ทำได้
“เอาล่ะเก่งมาก สุดท้ายนายพ่นไฟได้ไหม”
“โฮ่ง!”มันเห่าก่อนจะพงกหัวขึ้นลงและอ้าปากไปทางกระจกบานหนึ่ง
ความร้อน เชื้อเพลิง และ อ๊อกซิเจนถูกสร้างขึ้นในปากของมันก่อเป็นองค์ประกอบของไฟครบถ้วนและใช้แรงลมจากการเป่ายิงไฟไปยังกระจกด้านที่ไม่มีคนอยู่
พรึ่บบ!!
ฟู่ววว!!
“สุดยอด นี่แหละสัตว์เลี้ยงที่ฉันอยากได้”ดนัยอุทานออกมาด้วยความดีใจ
แต่คนอื่นนั้นไม่ใช่เลยพวกเขากำลังตกตะลึงกับความสามารถของมันอยู่ ดีที่มีการฝังชิปไว้ในสมองแล้ว ไม่งั้นหากมันอาละวาดขึ้นมาพวกเขาซวยแน่ เพราะนี่ยังเป็นแค่ทารกเพิ่งเกิดเท่านั้น
“ฉันจะให้ชื่อเผ่าพันธุ์ของแกว่า”เฟ็นรีร์“ซึ่งเป็นชื่อของเทพหมาป่าส่วนชื่อของแกก็คือ เฟนริล ไปด้วยเลยแล้วกัน”
“โฮ่ง!!”มันเห่าออกมากอดจะเข้ามาคลอเคลียที่ขาของดนัย
“มาๆ จะยืนรออะไรกันอยู่มันออกจะน่ารักขนาดนี้”ดนัยที่เห็นว่าทุกคนไม่กล้าเข้ามาก็ร้องเรียก
“งั้นฉันขอคนแรกนะ”โยชิโกะวิ่งเข้าไปหามันก่อนจะลูบมันอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่เมื่อไม่เห็นมันมีท่าทีดุร้ายแต่อย่างใดเธอจึงยกมันขึ้นมาและพาไปเดินเล่น
ส่วนอังเดรนั้นเขาสังเกตอยู่ห่างๆและมองไปยังกรงใส่หนูที่ตอนนี้พวกมันเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรอยู่จึงอยู่นิ่งๆเหมือนแกล้งตาย
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง
คนอื่นๆได้กลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อแล้วจนเหลือแต่ซินหรานที่อุ้มมันมายืนข้างๆดนัย
“เรากลับบ้านกันเถอะ”
“ค่ะ…..แล้วเจ้าตัวเล็กนี้ละคะ??”
“เอากลับไปด้วยแล้วกัน มันฉลาดดีออกไม่ทำอะไรเป็นอันตรายหรอก บางทีมันอาจจะไปเล่นโซนที่มีสัตว์ในภัตตาคารของเราก็ได้”
“แต่แถวนั้นเป็นแมวซะส่วนใหญ่นะคะ”
“ช่างมันเถอะน่า เอากลับไปเป็นเพื่อนเจ้าหมาสองตัว กับ จิ้งจอกหนึ่งตัวไง….แล้วเจ้าหมาป่าสีขาวตัวนั้นล่ะ”
“จะมีคนมารับมันกลับไปอีก 3 วันค่ะ”
“มันเป็นไงบ้าง?”
“ตอนนี้ยังขู่ทุกคนที่เข้ามาอยู่เลยค่ะ แต่มันก็กินอาหารที่คนของเรานำไปให้”
“ก็ดี ฉันอยากจะเห็นตอนมันเจอเฟนริลแล้วสิ”
ดนัยขึ้นรถนั่งเบาะหลังก่อนที่ซินหรานจะขึ้นไปที่นั่งคนขับและออกรถกลับไปยังภัตตาคาร
10 นาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึง
เมื่อดนัยเปิดประตูลงจากรถ เจ้าเฟนริลมันก็เดินตามลงมาทันทีก่อนจะเชิดคอขึ้นคล้ายกับกำลังทำให้ตัวเองดูดี
ทั้งสองคนและหนึ่งตัวเดินเข้าไปทางหลังร้านเพื่อขึ้นไปยังห้องของดนัย แต่ระหว่างทางกลับเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น
สัตว์ทุกตัวที่ตอนแรกส่งเสียงออกมาเจี้ยวจ้าว ตอนนี้มันกลับเงียบทั้งหมดเหมือน่ากลางดึกที่เป็นช่วงเวลาของนักล่าไม่มีผิด
ดนัยไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้มากนักเพราะเขาไม่ได้สนใจมันเลย เดินตรงขึ้นไปยังชั้นบนก่อนจะพบกับฟ้าและน้ำฝนที่กำลังปลอบหมาสองตัวที่ตอนนี้มันกำลังร้องหงิงๆออกมา
“เปาเปากับโมจิเป็นอะไรไปเหรอ”ดนัยเดินเข้าไปถามฟ้า
“หนูก็ไม่รู้ค่ะ มันพึ่งจะเป็นเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง”ฟ้าตอบ
“งั้นเหรอ”ขณะที่ดนัยกำลังคิดเกี่ยวกับมันเฟนริลกได้เดินเข้าไปหาสุนัขสีขาวทั้งสองตัวที่กำลังตัวสั่นอยู่ก่อนจะเห่าออกมาครั้งหนึ่ง
“โฮ่ง!”
เจ้าหมาสองตัวสะดุ้งขึ้นก่อนที่สักพักมันจะกลับไปเป็นปกติตามเดิม
“เก่งมากเฟนริล”ดนัยที่เห็นก็เข้าไปลูบหัวเพื่อให้รางวัลแก่มัน
“พี่คะนั่นหมาตัวใหม่หรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ มันชื่อเฟนริล เจ้าตัวนี้มันพิเศษกว่าตัวอื่นมากเลยนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เฟนริล”น้ำฝนเอ่ยทักทาย
“โฮ่ง!!”
“ฉันก็ด้วย”ฟ้าเอ่ย
“โฮ่ง!!”
“เจ้าตัวนี้มันไม่กินอาหารเม็ดนะ”ดนัยเอ่ยปากขึ้นหลังจากที่เห็นทั้งสามแนะนำตัวกันแล้ว
“แล้วมันกินอะไรคะ?”
“เนื้อน่ะ หรือจะให้อาหารแบบที่เรากินก็ได้”
“งั้นหนูจะเลี้ยงมันดีๆเลย”
“เจ้าตัวนี้มันฉลาดมากนะ อยากคุยอะไรกับมันก็ตามสบายเลย”
“ค่ะพี่”
จากนั้นเด็กสาวทั้งสองก็พาเฟนริลไป
ดนัยที่เห็นอย่างนั้นแล้วก็คิดจะไปดูหมาป่าสีขาวอีกครั้งซะหน่อยเพราะมันดูน่าเกรงขามมากและเขาอยากจะให้เฟนริลโตไปดูดีแบบนั้น
หลังจากออกไปข้างหลังร้านและเดินไปยังชั้นใต้ดิน ดนัยก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีหมาป่าสีขาวกำลังขดตัวและตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันไม่แม้แต่จะขู่เขาเหมือนทุกที
“เกิดอะไรขึ้นกับสัตว์พวกนี้กัน??”
“จากที่อังเดรรายงานมา เนื่องจากเจ้าเฟนริลมีสายเลือดบรรพกาลอยู่ และยังเป็นพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษอย่างเทียบไม่ติดทำให้พวกสัตว์รับรู้ได้ถึงอันตรายค่ะ”เป็นซินหรานที่ตอบออกมา
“โอ้!! สุดยอดไปเลย ถ้าฉันไปเที่ยวป่าแล้วเอามันไปด้วยก็ไม่ต้องกลัวสัตว์ป่ามารบกวนเลยสินะ”
“จากความคิดของเองเจโล่ เซลล์ของมันวิวัฒนาการขึ้นมาเหมือนกับท่านทำให้มันแม้จะหลุดไปอยู่ยุคไดโนเสาร์ก็ยังเป็นผู้ล่าอยู่ดีค่ะ”
“เจ๋งๆจริง แต่มันอาจจะยังเทียบกับเจ้าตัวนั้นไม่ได้”เมื่อดนัยนึกถึงมังกรที่ถล่มเรือรบได้อย่างง่ายดายก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา
“ตัวไหนเหรอคะ”
“เดี๋ยวในอนาคตเธอก็รู้เองแหละ”