ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 53 เคลื่อนย้ายมิติ
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 53 เคลื่อนย้ายมิติ
ภายในนิกายหมื่นอัคคี
[เปลวไฟอสูรกระดูกขาว] อันแปลกประหลาดก่อตัวลุกโชนอย่างต่อเนื่อง
แผ่รังสีอันร้อนระอุออกมา
ทำให้ห้วงมิติสั่นคลอน และบิดเบี้ยวเล็กน้อย
ส่วนคู่จื้อ?
กลายเป็นเถ้าถ่านสลายไปในห้วงมิติแล้ว
ส่วนภายในนิกายหมื่นอัคคี
ศิษย์หลายหมื่นคนถูกขังอยู่ในคุกที่สร้างจาก [เปลวไฟอสูรกระดูกขาว]
ส่งเสียงโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมาน
บ้างก็นั่งยองอยู่บนพื้น สิ้นหวังมีดวงตาไร้ประกาย
“จบแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว”
ภายใต้เปลวไฟสีขาวประหลาด บรรพบุรุษสูงสุดแห่งนิกายหมื่นอัคคี ว่านหวู่ ก็ตกตาย
พระภิกษุคู่จื้อแห่งวัดสมบัติวิญญาณก็ยังตายเช่นกัน
ส่วนพวกเขา?
ก็จะถูกขังอยู่ในคุกที่สร้างจาก [เปลวไฟอสูรกระดูกขาว] ทำได้เพียงรอแต่ความตายเท่านั้น
ในฐานะ 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำของมณฑลตงหวง
ที่ครอบครองดินแดนเต๋ามากกว่า 50 แห่ง มีสถานะเป็นมหาอำนาจ
ใครจะคิดว่านิกายหมื่นอัคคี จะมาประสบชะตากรรมเช่นนี้?
ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
เสียงเปลวไฟเผาผลาญเลือดและเนื้อไม่ขาดสาย
ภายในนิกายหมื่นอัคคี
หนานกงเหอ ใช้มือขวากำจี้หยกแน่นด้วยใบหน้าซีดขาว
"เป็นไปไม่ได้”
"มันเป็นไปไม่ได้”
"เพียงคนเดียวก็สามารถล้มล้างทั้งนิกายได้อย่างนั้นหรือ?"
หนานกงเหอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
บรรพบุรุษสูงสุด ว่านหวู่ ตาย
พระภิกษุคู่จื้อจากวัดสมบัติวิญญาณก็ตายเช่นกัน
ที่สำคัญ..
เปลวไฟสีขาวประหลาดที่แผ่ขยายไปทั่วสารทิศก็ใกล้เข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
ดูเหมือนจะต้องการกำจัดให้สิ้นซาก
"สัตว์ประหลาด”
"สัตว์ประหลาดจริง ๆ”
"ต้องรีบหนีไปจากที่นี่"
"หนี ข้าต้องหลบหนี"
เมื่อจ้องมองร่างของผู้ที่ขี่กระทิงเฒ่าอยู่ในห้วงมิติ
หนานกงเหอรู้สึกตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายห่อหุ้มตัวเขาไว้ตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกไม่สงบใจอย่างยิ่ง
ไม่มีทางเลือกแล้ว
เขาต้องใช้วิธี
หนานกงเหอตัดสินใจเด็ดเดี่ยว โคจรปราณเซียนในร่างกายเข้าไปในจี้หยกที่หน้าอก
จี้หยกจัดอยู่ในอาวุธเซียนระดับสูงสุด
เขาได้รับมาจากจ้าวตระกูลหนานกงคนปัจจุบัน หรือก็คือบิดาของเขา ก่อนที่จะออกจากตระกูลมาเพื่อป้องกันตัว
นอกจากจะมีคุณสมบัติเตือนภัยล่วงหน้าแล้ว
เมื่อชีวิตของเจ้าของจี้หยกตกอยู่ในอันตราย
ก็สามารถฉีกทะลุห้วงมิติ
เคลื่อนย้ายร่างกายได้
แน่นอนว่าจี้หยกใช้ได้ครั้งเดียว และสามารถเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่เคยไปมาแล้วเท่านั้น
ระยะทางไม่สามารถไกลเกินไป
หลังจากหนานกงเหออัดปราณเซียนเข้าไป
จี้หยกก็ส่องแสงระยิบระยับและภายใต้แสงสว่างนั้น หนานกงเหอก็ค่อย ๆ จางหายไปจากสถานที่แห่งนี้
ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ
นอกดินแดนเต๋าหมื่นอัคคี ณ หุบเขาในดินแดนเต๋าเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
หนานกงเหอตอนนี้กำลังหอบหายใจถี่รัว
ใบหน้ายังคงซีดขาว
น่ากลัว
น่ากลัวเหลือเกิน
ในสายตาของตระกูลเขา
มณฑลตงหวง เป็นเพียงมณฑลที่แร้นแค้นยากจนและอ่อนแอ
เพราะเหตุนี้เอง
หนานกงเหอจึงเลือกมณฑลตงหวงเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียร
แต่ใครจะคิดว่า
แม้แต่ในมณฑลตงหวงเช่นนี้
ก็ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรที่น่ากลัวเช่นนี้ปรากฏตัว เพียงโบกมือครั้งเดียวก็กำจัดนิกายหมื่นอัคคี ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำในมณฑลตงหวงได้
ที่สำคัญ......
หากไม่ใช่เพราะเขามีจี้หยกที่สามารถปกป้องชีวิตได้ติดตัว
ป่านนี้เขาคงตายในนิกายหมื่นอัคคีไปแล้วกระมัง?
นอกดินแดนเต๋าหมื่นอัคคี
ดินแดนเต๋าเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
ในหุบเขา หนานกงเหอก้มหน้าลงเล็กน้อย มองจี้หยกในมือตนที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลายชิ้น
อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัว
ปรากฏว่ายังมีผู้บำเพ็ญเพียรที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ในโลกนี้อีกมากมายเช่นนี้หรือ?
แม้แต่มณฑลตงหวง มณฑลที่ผู้คนมองว่าอ่อนแอ แร้นแค้น ล้าหลัง
ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตกระจ่างแจ้งอย่างเขาจะทำอะไรตามใจชอบได้
"จี้หยกแตกสลาย ก็หมายความว่าการแสวงประสบการณ์ของข้าจบลงแล้ว
"ออกมานานมากแล้ว”
"ข้าก็ควรกลับไปได้แล้ว"
หลังกจากกล่าวเบา ๆ แล้ว
หนานกงเหอเก็บเศษจี้หยกใส่แหวนเก็บของ
แล้วเดินไปในทิศทางหนึ่งอย่างช้า ๆ
ดินแดนเต๋าหมื่นอัคคี ในนิกายหมื่นอัคคี
หลัวจิ่วเกอในชุดคลุมสีขาว คาดกระบี่สนิมเก่าที่เอว ขี่กระทิงเฒ่าตัวใหญ่
เขารออยู่ ณ ที่แห่งนี้อย่างเงียบ ๆ
"จบลงแล้วหรือ?"
หลัวจิ่วเกอถามตัวเอง
ดูเหมือนจะจบลงแล้ว
ภายใต้เปลวไฟร้อนของ [เปลวไฟอสูรกระดูกขาว] ซึ่งเป็นระดับเทพขั้นต่ำ
พร้อมทั้งการเสริมด้วยปราณเซียนจำนวนมหาศาลของเขา
ภายในนิกายหมื่นอัคคี
ไม่มีใครสามารถรับมือได้
อย่างไรก็ตาม..
เหตุใดทั้งที่จบลงแล้ว
เขากลับรู้สึกว่าตนเองละเลยบางอย่างไป
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง
หลัวจิ่วเกอหรี่ตา
เพราะเมื่อครู่นี้เองที่เขารู้สึกได้ถึงความวุ่นวายของคลื่นห้วงมิติอย่างอ่อนมากภายในนิกายหมื่นอัคคี
"มีคนหนีไปหรือ?
"ประมุขนิกายหมื่นอัคคีผู้นั้นรึ?"
คิดถึงตรงนี้
หลัวจิ่วเกอก็พยักหน้า
ใช่แล้ว
เหมือนจะเป็นคนผู้นั้น
ตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาในนิกายหมื่นอัคคี และพบกับคนผู้นั้น เขาก็รู้สึกได้คลุมเครือ
คนผู้นั้นมีกลิ่นอายพิเศษแปลก ๆ แผ่ออกมา
บอกไม่ถูกว่าจะอธิบายอย่างไร
แต่ก็สามารถดึงดูดความสนใจของหลัวจิ่วเกอได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เพราะบรรพบุรุษสูงสุดแห่งนิกายหมื่นอัคคีและพระหัวล้านปรากฏตัวขึ้น
ทำให้หลัวจิ่วเกอละเลยหนุ่มน้อยคนนั้นไปชั่วคราว
แต่ตอนนี้ในเมื่อนึกขึ้นมาได้แล้ว
ก็จัดการเสียเลยดีกว่า
หลัวจิ่วเกอนั่งอยู่บนหลังกระทิงเทพโบราณ
หลับตาลงช้า ๆ
สืบค้นไปตามกลิ่นอายของหนุ่มน้อยคนนั้น
จนกระทั่ง 10 นาทีต่อมา
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลัวจิ่วเกอ
พร้อมกับกล่าวเสียงเบาว่า
"เจอแล้ว"