ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 47 ประมุขนิกายหมื่นอัคคี
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 47 ประมุขนิกายหมื่นอัคคี
เวลาล่วงเลยไป
ปรมาจารย์คู่จื้อได้เริ่มต้นเทศนาธรรม
ธรรมะนั้นเป็นเช่นไร?
จะหลุดพ้นจากกิเลศได้อย่างไร?
จะบรรลุถึงห้วงจิตที่สงบ และเป็นสุขได้อย่างไร?
คู่จื้อ ปรมาจารย์จากวัดสมบัติวิญญาณนี้ จะอธิบายอีกครั้ง
ถึงแม้การเทศนาธรรมนี้สำหรับคู่จื้อเองแล้ว เป็นเพียงการพูดเล่นเท่านั้น
แต่เมื่อเปิดปากครั้งหนึ่ง เนื้อหาทั้งหมดของการพูดก็ทำให้ทั้งนิกายหมื่นอัคคี รวมทั้งผู้อาวุโสมุ่งเน้นความสนใจมาทั้งหมด
พวกเขาฟังด้วยความหลงใหล
นี่คือปรมาจารย์จากวัดสมบัติวิญญาณ
เป็นเรื่องหายากที่ปรมาจารย์ระดับนี้จะปรากฏ
......
ดินแดนเต๋าหมื่นอัคคี นอกนิกายหมื่นอัคคี
ในขณะนี้ มีผู้บำเพ็ญเพียร 2 คนที่ฐานพลังยุทธ์อยู่ขอบเขตกายาเต๋า กำลังยืนอยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ปรมาจารย์คู่จื้อเทศนาธรรมอยู่
เรื่องนี้ สำหรับนิกายหมื่นอัคคีแล้วถือเป็นสิ่งที่ดี
แต่......
สำหรับพวกเขาทั้งสองกลับเป็นเรื่องที่น่าทุกข์ใจ
ตอนแรก พวกเขาทั้งคู่ได้เตรียมตัวไปฟังธรรมของปรมาจารย์คู่จื้อแล้ว
แต่ใครจะคาดคิด ในการจับสลาก จากผู้บำเพ็ญเพียรของนิกายหลายแสนคน พวกเขาทั้งคู่กลับถูกเลือกเสียได้
โอกาสที่น้อยกว่าหนึ่งในหมื่นนั้นกลับตกเป็นของพวกเขาทั้งคู่
นี่ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายเสียจริง
“เจ้าว่า......”
“ตอนนี้ ปรมาจารย์คู่จื้อได้เริ่มเทศนาธรรมแล้วหรือยัง?”
ผู้บำเพ็ญเพียรร่างสูงผอมสวมเสื้อคลุมนิกายหมื่นอัคคีเอ่ยขึ้น
“น่าจะเริ่มแล้วใช่หรือไม่?”
“เจ้าดูสิ เด็กพวกนั้นไม่ใช่หรือที่อยู่ในศาลา?”
“พูดตามตรง พวกเราทั้งสองโชคร้ายจริง ๆ”
“ศิษย์นิกายหมื่นอัคคีมีตั้งเยอะตั้งแยะ”
“เหตุใดถึงได้เลือกพวกเรา 2 คนกัน?”
“ที่นี่มีปรมาจารย์คู่จื้ออยู่ ทั้งนิกายหมื่นอัคคีของเรายังเป็น 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำของมณฑลตงหวง จะมีใครกล้ามาหาเรื่องที่นี่กัน?”
“การให้คนคอยเฝ้าจะมีความหมายได้อย่างไร?”
ผู้บำเพ็ญเพียรอีกคนหนึ่งที่ร่างกายค่อนข้างอ้วนท้วนไม่อาจห้ามตนเองให้ตำหนิออกมาได้
เพียงแต่ เขายังไม่ทันพูดจบ ห่างจากนิกายหมื่นอัคคีประมาณร้อยเมตร
มีชายหนึ่งคนสวมชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย คาดกระบี่สนิมเกาะที่เอว ขี่กระทิงเฒ่าที่ดูธรรมดากำลังมาทางนี้อย่างไม่รีบร้อน
“หืม?”
“ดูเหมือนว่ายังมีคนกล้ามายุ่งกับนิกายหมื่นอัคคีเราอีก?”
ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนจากนิกายหมื่นอัคคีตกตะลึง
“หยุด!”
“เจ้ามาทำอะไร?”
“นิกายหมื่นอัคคีของเราไม่ใช่สถานที่ที่ใครอยากมาก็มา อยากไปก็ไป......”
หลังจากตะลึงไปสักครู่
ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนท้วนจากนิกายหมื่นอัคคีก็รีบเดินไปข้างหน้า
เขาจะหยุดชายที่ขี่กระทิงเฒ่านั้น
น่าเสียดาย
ชายที่สวมชุดคลุมขาวเรียบง่าย คาดกระบี่สนิมเกาะที่เอวและขี่กระทิงเฒ่านั้น
ดูเหมือนจะไม่มีความสามารถใด ๆ
เขาจึงไม่สนใจอีกฝ่าย
“ข้าบอกว่า......”
เขายังไม่ทันได้พูดจบ
ผู้บำเพ็ญเพียรอ้วนคนนั้นก็ร่างระเบิด กลายเป็นละอองเลือดกระจัดกระจายไปในอากาศอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรร่างสูงผอมก็รู้สึกตื่นตระหนก
เขาคิดจะหนี แต่ยังไม่ทันจะหันตัว ร่างกายของเขาก็ระเบิดเช่นกัน กลายเป็นละอองเลือดปลิวกระจัดกระจายไปในอากาศตามกันไป
“นี่คือนิกายหมื่นอัคคีหรือ?”
“ความเข้มข้นของปราณวิญญาณที่นี่ แข็งแกร่งกว่าดินแดนเต๋าหมื่นอัคคีถึงสิบเท่า”
“ในที่แห่งนี้”
“แม้แต่หมูธรรมดาที่มีชีวิตหลายพันปีก็สามารถเป็นจักรพรรดิอสูรได้”
เขาหัวเราะ และส่ายหัว
หลัวจิ่วเกอหาท่าที่สบายเอาไว้
เขาเอนกายลงบนหลังกระทิงเฒ่า
กระทิงเฒ่านั้นไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น
มันยังคงเดินไปยังนิกายหมื่นอัคคีอย่างไม่รีบร้อน
สุดท้ายแล้ว คนที่นอนอยู่บนหลังมันก็เหมือนกับสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ ทำให้กระทิงเฒ่าไม่กล้าทำตัวเกรี้ยวกราด
กระทิงเฒ่าขอบเขตสันติที่มีชีวิตยืนยาวกว่าหลายแสนปี ไม่กล้ามีความเห็นอื่น
มันต้องพยายามให้อีกฝ่ายพอใจ!
......
“เร็วขึ้นอีก”
“ข้ารู้สึกได้ว่านิกายหมื่นอัคคีมีบางอย่างผิดปกติ”
“มีคนคอยเฝ้าประตูเพียง 2 คนเองรึ?”
“มีบางอย่างผิดปกติ......”
“ผิดปกติมาก......”
หลัวจิ่วเกอ ขมวดคิ้ว
จากนั้นก็ยื่นมือขวาออกไป และสะบัดกิ่งต้นหวายอย่างเลือดเย็น โดยที่ไม่รู้เก็บเอามาจากไหน
เขาตีลงบนก้นของกระทิงเฒ่าอย่างแรง
กระทิงเฒ่าตอบสนองต่อการกระทำนี้
ในตอนแรก มันยกหัวขึ้นอย่างฉุนเฉียว รูจมูกขยายใหญ่ขึ้น ใบหน้าของมันที่น่าเกลียดนั้นดูเหมือนจะแดงก่ำ แต่หลังจากนั้นไม่นาน กระทิงเฒ่าก็ถอยกลับ
มันก้มหัวลงและเพิ่มความเร็วเล็กน้อย
กระทิงเฒ่ายังโกรธ นั่นเพราะไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นจักรพรรดิอสูรขอบเขตสันติ ทั่วทั้งมณฑลตงหวง มันถือว่ามีความแข็งแกร่งระดับสูงสุด แต่ไม่นานมันก็ถอยกลับ
เหตุผลง่ายมาก เพราะกระทิงเฒ่านึกถึงความทรงจำที่มันถูกตีจนร่างแหลกละเอียด
ความเจ็บปวดนั้น
ความสิ้นหวังนั้น
ตอนนี้ ความรู้สึกนั้นยังคงติดอยู่ในสมองของกระทิงเฒ่าอยู่ ดังนั้น คนที่นอนอยู่บนหลังมันไม่ควรทำให้ไม่พอใจเป็นอันขาด!!!
......
กระทิงเฒ่าจึงต้องใช้ความเศร้าเป็นพลังอย่างไม่เต็มใจ
มันเพิ่มความเร็วและมุ่งหน้าไปยังนิกายหมื่นอัคคี
เวลาล่วงเลยไปอีก 3 นาที
หนึ่งคน
หนึ่งกระทิง
ในที่สุดก็มาถึงนิกายหมื่นอัคคี
นิกายหมื่นอัคคี มีพื้นที่กว้างขวาง มีพระราชวังหลายแห่งที่หรูหราสง่างามตั้งอยู่
มันปล่อยรัศมีทวีความยิ่งใหญ่ออกมา
ระดับของปราณวิญญาณที่นี่หนาแน่นกว่านอกนิกายหมื่นอัคคี 3 ถึง 5 เท่า
อย่างไรก็ตาม นิกายหมื่นอัคคีที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้
ในสายตาของหลัวจิ่วเกอ กลับไม่มีใครอยู่เลย
มันไม่ถูกต้อง......
ควรจะพูดว่า มีเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่
“เจ้าเป็นใคร?”
“มาที่นิกายหมื่นอัคคี มีธุระอะไร?”
ทันใดนั้น
ด้านหน้าของหลัวจิ่วเกอก็ปรากฏชายวัยกลางคนคนหนึ่งขึ้น
ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมประมุขนิกายหมื่นอัคคี คาดกระบี่ที่ประดับด้วยอัญมณีสีแดงไว้ที่เอว มันดูหรูหรายิ่งนัก
ณ ขณะนี้ เขากำลังหรี่ตาดูเหมือนอย่างระมัดระวัง เขาเพ่งมองหลัวจิ่วเกออย่างเข้มงวด
“ข้าเป็นใคร?”
เมื่อได้ยินคำถามจากชายวัยกลางคนด้านหน้า
หลัวจิ่วเกอก็ไม่อาจห้ามตัวเองจากการหัวเราะได้
“ก่อนที่จะถามข้าว่าเป็นใคร ไม่ดีกว่าหรือที่จะคิดว่านิกายหมื่นอัคคีของเจ้าได้ทำให้ใครไม่พอใจ?”
“บางที สิ่งที่ในสายตาของเจ้าดูเหมือนแมลง อาจจะเป็นสัตว์ร้ายที่พร้อมกลืนกินเจ้าในขณะนี้ก็ได้......”