บทที่ 65 เสด็จพ่อซนจริง ๆ!
เมื่อเห็นว่ากวนโหยวหยุนไม่ต้องการแข่งขัน หลินโหลวเฟยในฐานศิษย์พี่ใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ควรเอ่ยอะไรแทนอาจารย์ของเขาเอง.
เขาก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยทักทาย“ซิซู อาจารย์ของข้านั้นหมกมุ่นกับการฝึกฝนและตระหนักรู้ เขาไม่ใช่คนชอบการแข่งขัน!”
“ทว่าข้าก็คิดเช่นนั้น!”
หยวนเซียวหัวเราะเยาะ พร้อมกับควบแน่นปราณกระบี่ขึ้นมา พร้อมกับปล่อยออกไปกระแทกร่างหลินโหลวเฟยลอยกระเด็นออกไปหลายสิบฟุต.
“กวนโหยวหยุน ข้ายังได้ทำร้ายศิษย์ของเจ้าด้วยซ้ำ เจ้ายังไม่คิดจะสู้อีกรึ?”
ใบหน้าของกวนโหยวหยุนชะงักเผยความโกรธออกมา
“อย่าคิดว่าข้าจะไม่ตีคนทีเผยยิ้มให้ นับประสาอะไรนี่เป็นเพียงผู้เยาว์!”
“พี่ชาย ท่านไปไกลเกินไปแล้ว!”
หยวนเซียวหัวเราะเยาะ: "วันนี้ข้าต้องการทำข้อตกลงกับเจ้าให้เสร็จ หากเจ้าไม่รับ ข้าก็มีแต่ต้องบังคับเจ้าให้รับเท่านั้น!"
หลังจากที่เขาเอ่ยจบ เขาก็สร้างปราณกระบี่ขึ้นมาอีก ดูเหมือนว่าเขาต้องการทำอะไรบางอย่างกับสาวกคนอื่น ๆ
กวนโหยวหยุนขมวดคิ้วและถอนหายใจอย่างหนัก: "ลืมไปเถอะ ในเมื่อท่านต้องการประลองก็มาประลองกัน!"
ฟู่!
เขาปลดปล่อยปราณกระบี่ที่ทรงพลังไร้ขอบเขตในร่างกายของเขาออกมาเช่นกัน จากนั้นก็ชักกระบี่วาดมือพร้อมกับปล่อยกระบี่ลอยไปที่กลางห้องโถงใหญ่.
เมื่อเห็นสิ่งนี้หยวนเซียวอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ“ถูกต้อง!”
เขาดึงกระบี่ฮุนหยวนออกมาเช่นกัน ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่กวนโหยวหยุนด้วยความรุนแรงและน่าหวาดกลัว.
-
บนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยสีขาวสีเงิน มีหิมะหนาปกคลุมทั่วทุกหนแห่ง
สถานที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโถงไท่ชู บนยอดเขาที่สูงมากอยู่ห่างออกไปถึง 50,000 ลี้
พื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยหิมะหนา พื้นที่เป็นพื้นที่ราบสูงค่อนข้างเรียบ เหมาะที่จะใช้เล่นสนุก.
มู่โหยวชิงพาหลินซวนและเด็ก ๆ มาที่นี่
“เสด็จพ่อ พวกเราอยากปั้นตุ๊กตาหิมะ!”
ในวันปรกติของวังหยก เพราะได้รับการทำความสะอาดอย่างไร้ที่ติ ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยไม่เคยมีโอกาสปั้นตุ๊กตาหิมะเลย.
เมื่อเห็นว่าที่นี่มีหิมะตกหนา พวกนางก็เริ่มสนใจขึ้นมาทันที
“ตกลง พ่อจะกองหิมะให้กับพวกเจ้า!”
หลินซวนพาบุตรสาวทั้งสี่คนของเขาไปนั่งยอง ๆ บนพื้นหิมะเพื่อสร้างตุ๊กตาหิมะ
มู่โหยวชิงช่วยพวกนางค้นหาเครื่องมือและสร้างตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ด้วยเช่นกัน.
ต่อมา เด็ก ๆ ต่างก็สนุกสนใจปั้นตุ๊กตาหิมะทุกชนิดเลย.
หลินซวนปล่อยให้พวกนางทำเอง โดยเขามีหน้าที่กองหิมะให้กับพวกนางเท่านั้นเอง.
ตามบทเรียนบิดาผู้สมบูรณ์แบบ.
ต้องให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสสร้างสรรค์งานต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อช่วยพัฒนาจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของพวกนาง เมื่อเห็นเด็ก ๆ กำลังสนุกสนาน เขาก็ก้าวออกมา พร้อมกับขึ้นมานั่งบนหินเอนกายอาบแดด.
ไม่นาน.
ฟิ้ว!
ก้อนหิมะก็บินผ่านมา
หลินซวนเผยยิ้มเล็กน้อย ร่างกายของเขาขยับเล็กน้อย และหลบเลี่ยงบอลหิมะ
“โอ้ เสด็จพ่อแข็งแกร่งมาก หลบได้ด้วย!”
เสวียนจู่กระทืบเท้าด้วยความโกรธน้อย ๆ
ปรากฎว่าเมื่อนางเห็นหลินซวนนอนอยู่ที่นั่น นางกลัวว่าหลินซวนจะเบื่อ ดังนั้นนางจึงจงใจแกล้งเขาด้วยก้อนหิมะ
เมื่อเห็นสิ่งนี้เสวียนซี ก็ปั้นก้อนหิมะออกมาแล้วโยนมันไปที่หลินซวนเช่นกัน: "ข้ามาแล้ว!"
หลินซวน หลบก้อนหิมะด้วยการขยับเพียงครั้งเดียว
"อา~ ไม่!" เสวียนซีส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“เสวียนหยู มาดูกันว่าเสด็จพ่อจะหลบจากพวกเราได้ไหม?”
เสวียนหานและเสวียนหยูก็ปั้นก้อนหิมะขนาดใหญ่แล้วโยนมันใส่หลินซวนด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม หลินซวน หลบได้อย่างง่ายดาย
“โอ๊ย ข้ายังขว้างไม่ถูกเสด็จพ่อ!”
“เสด็จพ่อไม่ขยับ ทำไมถึงโยนไม่โดน”
สาวน้อยทุกคนต่างก็งงงวย
แต่ละคนที่ขมวดคิ้วหน้ามุ่ย ดูน่ารัก!
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวกำลังล้อเล่นกับเขา หลินซวนก็ส่งพลังวิญญาณออกมาและปั้นบอลหิมะสี่ก้อนโยนใส่พวกนางในเวลาเดียวกัน
ก้อนหิมะที่ห่อหุ้มด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณกระทบท้องของเด็กผู้หญิงอย่างเหมาะสม และกระแทกพวกนางล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนโยน
บี๊บ บี๊บ~
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่คนต่างก็นั่งอยู่บนพื้นโดยที่ก้นของพวกนางนั่งจ้ำเบ้าบนหิมะ และรูปลักษณ์ที่น่ารักของพวกนางทำให้ หลินซวน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“โอ้ เสด็จพ่อใจร้ายจริง ๆ จู่ ๆ ก็โยนใส่พวกเรา!”
“ใช่แล้ว! เราโยนไม่โดนเลย!”
สาวน้อยรู้สึกเจ็บปวด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินซวนจะไม่ยอมให้บุตรสาวของเขาสูญเสียความมั่นใจอย่างแน่นอน
สิ่งที่เด็กต้องการมากที่สุดคือกำลังใจจากเสด็จพ่อเสด็จแม่
ดังนั้น หลินซวน จึงมอง มู่โหยวชิง และ มู่โหยวชิงก็เอ่ยอย่างเข้าใจ:
“เด็ก ๆ ถ้าเจ้าขว้างมันต่อไป เจ้าจะต้องโยนถูกเสด็จพ่อแน่นอน!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เด็กหญิงทั้งสี่ก็แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นทีละคน
“ใช่แล้ว เสด็จแม่บอกว่าเราต้องรู้จักอดทนเมื่อทำสิ่งต่าง ๆ!”
เด็กหญิงทั้งสี่จึงปั้นบอลหิมะออกมาอีกครั้งแล้วโยนมันใส่หลินซวนพร้อมกัน
คราวนี้ หลินซวน จงใจไม่หลบ
เมื่อบอลหิมะปะทะกับพื้นที่คงกระพัน ก็แตกกระจายเขาก็จงใจตะโกนและล้มลงกับพื้น.
“ว้าว มันได้ผลจริง ๆ!”
ความสามารถในการขว้างใส่เสด็จพ่อที่แม่นยำเช่นนี้ ทำให้เด็กหญิงทั้งสี่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
หลินซวนแสร้งทำเป็นไม่ลุกขึ้นเพื่อทำให้สาวน้อยมีความสุขมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ มีความกตัญญูมาก เวลานี้พวกนางกำลังกังวล เมื่อพบว่าหลินซวนไม่ลุกขึ้น
เสวียนจู่แสดงความกังวลใจ: "ทำไมเสด็จพ่อไม่ลุกขึ้น บาดเจ็บจากก้อนหิมะหรือเปล่า?"
เสวียนซีคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้า: "เป็นไปได้!"
เสวียนหานประสานมือแน่น: "แล้วข้าควรทำอย่างไรดี?"
เสวียนหยูกระทืบเท้าและดึงพี่สาวสามคนของนางไป: "ไปดูกันเถอะ!"
เด็กหญิงตัวน้อยทั้งสี่วิ่งเข้ามาหาหลินซวน นั่งยอง ๆ ข้างเขาแล้วมองดูอีกฝ่าย
ทันใดนั้นหลินซวนก็ลืมตาขึ้น เผยยิ้มเจ้าเล่ห์และกอดเด็กหญิงสี่คนเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที
เสวียนจู่และคนอื่น ๆ เข้าใจทันที ปรากฎว่าเสด็จพ่อจงใจหลอกลวงพวกนาง
“เสด็จพ่อซนจริง ๆ เขาหลอกพวกเราล่ะ!”
“ใช่ ใช่ ปรากฏว่าที่ข้าซนมาก เพราะข้าเรียนรู้จากเสด็จพ่อไงล่ะ!”
เด็กหญิงตัวเล็กทั้งประหลาดใจและมีความสุข และ ในเวลาเดียวกันเสวียนหยู ก็พบข้อแก้ตัวที่ยอดเยี่ยมในการทำตัวซุกซนเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน
ติ๊ง!
เสียงของระบบในหัวของ หลินซวน ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“โฮสน์และบุตรสาว เล่นต่อสู้กันด้วยก้อนหิมะอย่างมีความสุขและน่าตื่นเต้น รับรางวัล: ยาวิเศษเจาหัว!”
“โอ้ว,เพียงเท่านี้ก็ได้รางวัลรึ?”
หลินซวนไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะได้รับรางวัลอันยอดเยี่ยมอีกเพียงแค่เล่นโยนบอลหิมะต่อสู้กับบุตรสาวของเขา
ตามคำอธิบายของระบบ.
ยาวิเศษเจาหัวนั้น คือเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง.
ด้วยยาเม็ดนี้ สามารถคืนชีวิตของคนตายที่เสียชีวิตไม่เกินเจ็ดวันได้.
กล่าวได้ว่า แม้นว่าวิญญาณจะกระจัดกระจายออกไปก็ตาม.
ตราบใดที่เขาเสียชีวิตไม่เกินเจ็ดวัน ยาวิเศษเจาหัวนี้ก็สามารถฟื้นคืนชีพอีกฝ่ายได้.
“นี่เป็นยาวิเศษที่ต่อต้านสวรรค์อย่างแน่นอน!”
หลินซวนรู้สึกเขินอายอยู่เล็กน้อย ที่ระบบมอบรางวัลที่ใจกว้างเช่นนี้ให้.
เขาเก็บเม็ดยาวิเศษเจาหัวไว้ในช่องเก็บของระบบ จากนั้นหลินซวนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับบุตรสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา.
เมื่อครู่นี้ เด็กน้อยต่างก็หวาดกลัวว่าหลินซวนจะเป็นอะไร ดังนั้นจึงกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย.
นอกจากนี้พวกนางยังจับหลินซวนไว้แน่นด้วยมือเล็ก ๆ โดยกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีด้วย.
แม้ว่ามู่โหย่วชิงจะเข้ามาหา พวกนางก็ไม่เต็มใจที่จะปล่อยหลินซวนและเข้าไปในอ้อมแขนของนางเช่นกัน.
“เจี่ยฟู่เกอ เด็กติดท่านมาก ข้าอิจฉาจริง ๆ!”มู่โหยวชิงที่เอ่ยด้วยความชื่นชม.
หลินซวนที่เผยยิ้มเล็กน้อย เขาที่มีระบบพ่อผู้สมบูรณ์แบบ เด็ก ๆ เหล่านี้จะไม่ติดเขาได้อย่างไร!
ปัง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยหัวเราะกันอยู่นั้น ทันใดนั้นกลิ่นอายกระบี่ก็ส่องสว่างก็พุ่งออกมาจากห้องโถงจากพื้นที่ไกลออกมา.
เห็นได้ชัดว่ารัศมีกระบี่สองสายนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งมาจากคนสองคนนั่นเอง.
มู่โหยวชิงขมวดคิ้ว “เป็นไปได้ไหม ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์?”
หลินซวน พยักหน้า: "ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ"
มู่โหยวชิงเอ่ยอย่างกังวล "ถ้าเช่นนั้น พวกเราไปดูกันเถอะ!"
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดเริ่มต้น เป็นนิกายที่มีชื่อเสียงของเป่ยเสวียนเทียน หากจะมีเรื่องเกิดขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก.
หลังจากนั้น หลินซวน และมู่โหยวชิง ก็พาเด็ก ๆ กลับไปที่ห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว
และในช่วงเวลาเดียวกัน.
หลังจากการต่อสู้หลายพันกระบวน กวนโหยวหยุน ก็พ่ายแพ้ให้กับหยวนเซียวไปในที่สุด.
ภายในห้องโถงใหญ่ สาวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 300,000 คนกำลังเผยความเศร้า.
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าในนิกายตัวเอง พวกเขาจะได้เห็นความพ่ายแพ้ของผู้นำนิกายด้วยสายตาของตัวเอง.
ในเวลาเดียวกัน เสื้อผ้าของกวนโหยวหยุนที่ขาดวิ่น มือของเขาสั่นไหว ขณะอดทนต่อความเจ็บปวดและเอ่ยออกมาว่า“พี่ชาย ข้าพ่ายแพ้แล้ว!”
หยวนเซียวยังคงดูเฉียบคม พยักหน้าและเอ่ยออกมาว่า:
“ข้าได้พิสูจน์ตัวเองต่อหน้าเจ้านิกายกระบี่หลายพันแห่งในเป่ยเสวียนเทียนแล้ว และตอนนี้เจ้าก็พ่ายแพ้ให้กับข้าเช่นกัน”
“ข้าขอถามเจ้าว่า ตอนนี้ในเป่ยเสวียนเทียน ขอบเขตวิถีกระบี่ ข้าอยู่ในจุดที่สูงที่สุดแล้วหรือยัง?”
กวนโหยวหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกมาว่า "เป็นเรื่องจริงที่ข้าแพ้ท่าน แต่ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะประเมินทักษะกระบี่ของท่านได้"
“แล้วใครล่ะที่มีคุณสมบัติ?” หยวนเซียวถามอย่างเร่งรีบ
กวนโหยวหยุนค่อย ๆ พ่นคำสองคำออกมาช้า ๆ: "ตี้ฟู่!"