บทที่ 63 คำแนะนำแปดคำ!
กวนโหยวหยุนที่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ.
เวลาที่มู่โหย่วชิงใช้ในการประเมินสองครั้งแรกนั้นเกือบจะเหมือนกับของตงหวงจื่อโหยวในอดีต
นี่ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าพรสวรรค์ด้านกระบี่ของนางนั้น ยอดเยี่ยมเช่นกัน
“ต่อไป การประเมินขั้นที่สาม ขอบเขตของหัวใจกระบี่”
“ควบแน่นหัวใจกระบี่ของเจ้า สร้างกระบี่ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อตัดผ้าด้านหน้าให้ขาด จะถือว่าประสบความสำเร็จ!”
ค่ายกลกาลอวกาศถูกปิดไป เวลานี้มีเพียงผ้าสีทองผืนเดียวแขวนเอาไว้ด้านหน้ามู่โหยวชิง.
ผ้าสีทองดูบางเบา ลอยละล่องราวกับคลื่นน้ำ.
อย่างไรก็ตามด่านทดสอบนี้เป็นการประเมินที่ยากมาก.
แม้แต่หลินโหลวเฟยก็ยังล้มเหลวในด่านนี้หลายครั้ง.
ในตอนแรกเขาฝึกฝนมาสามร้อยปีแล้ว และเขาล้มเหลวในการทดสอบถึงสี่ครั้ง
ดังนั้นเขาย่อมอดไม่ได้ที่จะแอบกังวล: "ข้าไม่รู้ว่าโหยวชิงจะสามารถผ่านด่านนี้ได้อย่างราบรื่นหรือไม่"
มู่โหยวชิงจ้องไปที่ผ้าที่อยู่ตรงหน้านางอย่างเงียบ ๆ
จากนั้นนางก็ค่อย ๆ หลับตาลงและจมไปกับวิถีกระบี่
มือของนางกระชับด้ามกระบี่ เริ่มควบแน่นความคิดทางจิตวิญญาณ
สิ่งที่เรียกว่าสภาวะของจิตใจซึ่งก็คือหัวใจกระบี่
ด้วยการใช้พลังวิญญาณเป็นฐาน ขัดเกลาด้วยเจตจำนง ยิ่งขัดเกลาเท่าไหร่ พลังวิญญาณก็ยิ่งแหลมคมเท่านั้น.
การควบแน่นหัวใจกระบี่ไม่ใช่แค่ต้องมีดวงวิญญาณที่ยอดเยี่ยมและพลังจิตที่โดดเด่น ทว่าต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งทนแบกรับแรงกดดันได้ด้วย.
หลังจากควบแน่นหัวใจกระบี่ได้แล้ว ก็จะสามารถตัดผ้าที่อยู่ด้านหน้าได้.
นี่เทียบได้กับการผสานพลังจิตที่มองไม่เห็นเข้ากับปราณกระบี่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก.
ดังนั้น มู่โหยวชิงไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย และพยายามรวบรวมหัวใจกระบี่ของนาง.
ในเวลานั้นก็เริ่มปรากฏแสงสีทองเรื่อ ๆ ในมือของนางแล้ว.
แสงสีทองที่เริ่มจับตัวกันเป็นของเหลวข้น ควบแน่นกำเนิดรูปร่างตามความตั้งใจของนาง.
กวนโหยวหยุน หลินโหลวเฟยและคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเงียบ ๆ เมื่อเห็นสิ่งดังกล่าว.
มู่โหยวชิงมีความสามารถมากในการควบแน่นด้ามกระบี่หัวใจขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
ปัง
น่าเสียดายที่หลังจากนั้นชั่วพริบตาเดียว กระบี่หัวใจในมือของมู่โหยวชิงก็หัก
ในเวลาต่อมา ใบหน้าที่งดงงามของมู่โหยวชิง ก็ซีดลงแม้แต่มีเม็ดเหงื่อหยดลงบนหน้าผากของนาง
“ให้ตายเถอะ มันล้มเหลวทันทีที่ด้ามจับควบแน่น!” มู่โหยวชิงกัดฟันสีขาวเงินด้วยความโกรธ
นางส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างตัวนางกับถางเจี่ยนั้นจะมีมากมายจริง ๆ.
นางรีบตั้งสมาธิสร้างกระบี่หัวใจของนางเป็นครั้งที่สองโดยไม่ได้คิดอะไรอีกต่อไป
แต่เนื่องจากการใช้พลังงานจิตจำนวนมากเป็นครั้งแรกและความเหนื่อยล้าทางร่างกายของนาง นางจึงไม่สามารถควบแน่นด้ามจับได้ในครั้งต่อมา.
จากนั้นนางก็พยายามฝืนเป็นครั้งที่สามและสี่ ซึ่งทั้งหมดจบลงด้วยความล้มเหลว
"ฟู่!"
มู่โหย่วชิงรู้สึกอ่อนแอไปทั่วร่าง และส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ยากมาก!
มันยากมาก!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ กวนโหยวหยุนก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ในช่วง 10,000 ปีที่ผ่านมา มีเพียงสองคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถรวบรวมกระบี่หัวใจขึ้นมาได้ในครั้งเดียว และผ่านการทดสอบทั้งสามด่านได้ในคราวเดียว.
หนึ่งในนั้นคือเขาผู้นำแดนศักดิ์สิทธิ์
และแน่นอนอีกคนก็คือจักรพรรดินิ ตงหวงจื่อโหยว.
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เวลาที่ตงหวงจื่อโหยวควบแน่นกระบี่นั้นสั้นกว่าเขาด้วยซ้ำ กล่าวได้ว่านางมีพรสวรรค์มากกว่าเขานั่นเอง.
“โหยวชิงไม่ใช่จักรพรรดินี และปาฏิหาริย์ย่อมไม่มีวันเกิดขึ้น”
กวนโหยวหยุนเผยความเสียดาย.
“โหยวชิง เจ้ายังเด็กอยู่ และเจ้ายังมีเวลาอีกมากในการฝึกฝนทักษะกระบี่ของเจ้า”
"ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถก้าวหน้าได้ในไม่ช้า!"
จากนั้นกวนโหยวหยุนก็เอ่ยปลอบใจ
ร่องรอยของความไม่เต็มใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่โหย่วชิง
นางรู้สึกได้ว่านางอยู่ห่างจากความสำเร็จเพียงก้าวเดียว
เพียงแค่นิดเดียวก็จะก้าวผ่านได้แล้ว!
มู่โหย่วชิงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้จึงเตรียมเดินลงจากเวทีทดสอบ
ขณะเห็นว่ามู่โหยวชิงล้มเหลว เสวียนจู่และเหล่าน้องสาวก็เผยความเศร้า.
ก่อนมาทั้งสี่คนได้มอบของขวัญให้เสี่ยวอี ขอให้นางประสบความสำเร็จ!
ถ้าเสียวอีล้มเหลวก็หมายความว่าของขวัญและคำอวยพรของพวกนางนั้นไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็รู้สึกรับไม่ได้
เสวียนจู่รีบคว้ามือของหลินซวนแล้วส่ายไปมา: "เสด็จพ่อ ทักษะกระบี่ของท่านเยี่ยมมาก โปรดช่วยเสียวอีด้วย!"
เสวียนซีที่พยักหน้าซ้ำ ๆ “ใช่ ๆ เสียวอีฉลาดและขยันมาก นางจะต้องสำเร็จแน่นอนหากท่านพ่อช่วย!”
เสวียนหานเห็นด้วยอย่างมาก: "แม้แต่เสด็จแม่ยังชื่นชมพรสวรรค์ของเสี่ยวอีด้วย!"
เสวียนหยู ที่กดหัวของอสรพิษหลามนภาให้พยักหน้ารับไปกับตัวเอง : "ใช่ ๆ เสี่ยวจิ่วและข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!"
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของนางต้องการช่วยมู่โหยวชิงมาก หลินซวนก็รู้ว่าเขาก็มีแต่ต้องช่วย
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาสามารถเห็นได้ว่ามู่โหยวชิงเกือบประสบความสำเร็จแล้วขาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากเขาให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่นาง นางจะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
ก่อนที่หลินซวนจะตอบบุตรสาว กวนโหยวหยุนก็ลุกขึ้นและเอ่ยว่า:
“ตี้ฟู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรานั้น ฝึกฝนทักษะกระบี่ด้วยการทำความเข้าใจและการออกสำรวจเพื่อเก็บประสบการณ์”
“หากตี้ฟู่ชี้แนะแนวทาง ก็ควรจะช่วยโหยวชิงได้!”
เขาคิดว่า หลินซวนที่สามารถเป็นบุรุษของจักรพรรดินิเสวียนปิงได้ บางทีทักษะกระบี่ของเขาอาจจะไม่ธรรมดาก็ได้.
ท้ายที่สุดแล้ว พรสวรรค์ด้านกระบี่ของจักรพรรดินิเองก็ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง.
หลินซวนที่ครองใจนางได้ และยังได้รับความเคารพจากเหล่าธิดามาก ย่อมหมายความว่าเขามีพรสวรรค์ด้านกระบี่เป็นอย่างมากนั่นเอง.
บางทีคำแนะนำของเขาไม่เพียงแค่ช่วยมู่โหยวชิงเท่านั้น แต่ยังช่วยสาวกมากกว่า 300,000 คนให้ก้าวหน้าไปด้วย.
เมื่อเห็นว่าผู้นำดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเอ่ยออกมา หลินซวนก็มองไปที่มู่โหยวชิง“ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้แปดคำต่อเจ้า.”
มู่โหยวชิงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ยินเช่นนั้น
เดิมทีนางต้องการขอความช่วยเหลือจากหลินซวนเช่นกัน แต่มีคนมากมายอยู่ที่นี่ ทำให้นางเขินอายเกินไปที่จะเอ่ยออกมาได้ โชคดีที่พวกเสวียนจู่เป็นคนเอ่ยออกมา ทำให้นางได้รับความช่วยเหลือจากหลินซวนโดยธรรมชาติ.
“เจี่ยฟู่เกอมีใบหน้าที่ดูสงบมาก เขาจะต้องช่วยข้าให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน!”
มู่โหยวชิงพยักหน้าอย่างมีความสุข รอให้หลินซวนเอ่ยแนะนำ.
ในเวลานี้ห้องโถงใหญ่ทั้งหมดเงียบสงบ
ทุกคนต่างก็รอให้หลินซวนเอ่ย
หลินซวนเอ่ยอย่างเฉยเมย: "พรสวรรค์ของเจ้าดีมาก แต่ตอนนี้เจ้ามุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จมากจนเจ้ากระสับกระส่ายทำให้การทดสอบล้มเหลว"
“ดังนั้นแปดคำที่เขาต้องการบอกเจ้าคือ...เป็นอิสระ เจ้าจะเป็นอิสระ!”
คำทั้งแปดนี้มาจาก“ทักษะกระบี่อู๋จี้”
มันดูเรียบง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก.
แต่ในความเป็นจริง หากไม่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาก็ยากจะเข้าใจ.
เต๋า แท้จริงแล้วคือความเรียบง่าย ทุกอย่างนั้นเริ่มจากพื้นฐานและจบที่พื้นฐาน.
อย่างไรก็ตามหลินซวน เชื่อว่าแปดคำนี้จะช่วยมู่โหยวชิง ได้เป็นอย่างมาก
แน่นอน หลังจากได้ยินแปดคำนี้ มู่โหยวชิงก็แค่ท่องมันอย่างลับ ๆ และดวงตาที่สวยงามของนางก็สว่างขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้ว! เจี่ยฟู่เกอ แค่ต้องการบอกข้าว่า อย่าคิดอะไร อยากทำอะไรก็ให้ทำตามตั้งใจ!”
“สภาวะจิตใจที่เรียบง่ายเป็นอิสระ คือสิ่งที่ข้าขาดในเวลานี้!”
มู่โหย่วชิงมีความสุขมาก และรีบหลับตาลง
ลืมทุกสิ่งรอบตัว ละทิ้งกฎเกณฑ์และข้อจำกัดทั้งหมด
อิสระ รับรู้ตัวเอง
ฟู่!
แสงสีทองส่องสว่างทั่วทั้งห้องโถงใหญ่
ในมือหยกของนาง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์สีทองบริสุทธิ์ยาวกว่าสิบฟุตก็ถูกควบแน่น
นี่คือกระบี่แห่งหัวใจของนางได้กำเนิดเป็นกระบี่วิญญาณบรรพชน
เมื่อพลังปราณแท้จริงและกระบี่หัวใจหลอมรวมกัน มู่โหยวชิงก็ฟันกระบี่ลงไป ตัดผ้าที่อยู่ตรงหน้าของนางแยกออกเป็นสองซีก
"สำเร็จ!"
มู่โหยวชิงลืมตาขึ้น และเจตนากระบี่ที่ดุร้ายก็เบ่งบานผ่านดวงตาสีเข้มของนาง
ยกเว้นหลินซวนและกวนโหยวหยุนผู้นำแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น ทุกคนไม่กล้าเงยขึ้นมองด้วยเจตจำนงกระบี่ที่น่าเกรงขามของนาง.
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ห้องโถงใหญ่ก็เต็มไปด้วยความชื่นชมอยู่พักหนึ่ง
“คำแนะนำของตี้ฟู่ ช่างทรงพลังจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่พรสวรรค์ของข้าต่ำเกินไป ไม่อาจเข้าใจแก่นแท้ของมัน!”
“มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะเข้าใจมันไหม เพียงเท่านี้ก็โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ได้รับฟังคำชี้แนะของตี้ฟู่!”
เหล่าสาวกทั้งชายและหญิงต่างชื่นชมหลินซวนทันที
หลินโหลวเฟยส่ายหน้าและเผยยิ้มอย่างขมขื่น :
“มนต์แปดคำของตี้ฟู่ทำให้โหยวชิงเข้าถึงระดับที่สามของแดนกระบี่ได้ในทันที ทว่าข้ากับไม่อาจเข้าใจแก่นแท้ของมันได้เลย”
“คราวนี้ตี้ฟู่ ทำให้ข้าเข้าใจอย่างสมบูรณ์แลว่า มีอุปสรรคมากมายขนาดไหนระหว่างข้ากับโหยวชิง!”