บทที่ 118 ธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์
แม้นเขาไม่รู้ว่าหยางเสี่ยวเทียน ต้องการสิ่งใดจากถ้ำแห่งทัณฑ์สวรรค์ แต่ในนั้นล้วนเต็มไปด้วยอันตรายอย่างยิ่ง จึงมิแปลกหากเขาจะเป็นกังวล เมื่อหยางเสี่ยวเทียนใคร่ลงไปเพียงลำพัง
“ไม่ต้องกังวลใจไป ข้าจะปลอดภัยแน่นอน” หยางเสี่ยวเทียนยิ้มให้หลัวชิงและเสี่ยวจิน ขณะทั้งสองมีสีหน้าเคร่งเครียด
จากนั้นกล่าวเสริมว่า “ข้าไม่ได้ไปเพียงลำพัง”
“พวกเจ้าจงรอข้าอยู่ที่นี่ แต่หากผ่านไปหนึ่งเดือนแล้วข้ายังไม่ออกมา พวกเจ้าก็สามารถกลับไปที่เมืองเสินเจี้ยนก่อนได้เลย”
ครั้นหยางเสี่ยวเทียนบอกกล่าวเสร็จสรรพ ก็พลันกระโดดปราดขึ้นเหนือปากถ้ำ ที่ยังคงมีแรงกดดันขยายท่วมท้นอยู่มิคลาย ก่อนจะพุ่งตัวถลาลงไปในถ้ำทัณฑ์สวรรค์เบื้องล่างทันที
ไม่ช้า ร่างของหยางเสี่ยวเทียนก็ถูกความมืดมิดจากถ้ำทัณฑ์สวรรค์กลืนหายไป จนลับตาทั้งคู่
เมื่อเห็นหยางเสี่ยวเทียนจมสู่ห้วงลึกสุด ที่มีเพียงความมืดมิดไปต่อหน้าต่อตา หลัวชิงก็อดกังวลมิได้ เขาเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าปากถ้ำ พลางถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครา
ทว่า มีสิ่งหนึ่งจากวาจาของหยางเสี่ยวเทียน ที่ทำให้เขารู้สึกฉงนใจมิใช่น้อย นั่นคือคำที่ว่า “ข้าไม่ได้ไปเพียงลำพัง” หากมิใช่ไปคนเดียว แล้วนายน้อยของเขาไปกับใครกัน
อีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งของหยางเสี่ยวเทียน เมื่อเขากระโดดมาหยุดอยู่ยังส่วนหนึ่งที่เป็นจะงอยเล็กๆ ยื่นออกมา ก็พบว่าถ้ำทัณฑ์สวรรค์นั้นเงียบสงบมาก
ภายในนี้ลึกและกว้างใหญ่ กว่าที่หยางเสี่ยวเทียนจินตนาการไว้มากทีเดียว
หยางเสี่ยวเทียนมองลงไปในความมืด ที่ยังเหลือหนทางอีกไกลเบื้องหน้า ก่อนจะเลือกตัดสินใจเดินเรียบข้างผนังถ้ำแคบๆ แม้เป็นถึงวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์ แต่ยังมิอาจบินได้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงไต่ลงไปตามผนังถ้ำนี้เท่านั้น
โชคดีที่ทางลงนี้มิได้เป็นเส้นตรง แต่มีความคดเคี้ยวให้พอทรงตัวอยู่เล็กน้อย ทั้งเขายังมีทักษะจากวิชาตัวเบาผสานกับร่างกายอันแข็งแกร่ง จึงสามารถไต่ลงไปได้อย่างรวดเร็ว
ลึกลงไปในถ้ำเกือบร้อยจั้ง กลิ่นอายพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้รัศมีของมัน สร้างแรงกดดันมหาศาล จนหยางเสี่ยวเทียนเริ่มหายใจลำบากยิ่ง
ระหว่างนั้น เตาหลอมโอสถก็พลันเปล่งประกายเจิดจรัส ดูดซับกลิ่นอายแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่รอบกายเขา เพื่อลดแรงกดดันจนเกือบหมดสิ้น
ทำให้หยางเสี่ยวเทียนขณะนี้ รู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุด เนื่องจากหายใจได้สะดวกขึ้น
“แม้ปราณแห่งทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้จะเบาบาง แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเจ้าซึ่งหาได้ยากนัก” เหยาติงกล่าวชี้แนะ
“ในอนาคต เจ้าอาจใช้มันเพื่อขัดเกลาร่างกายได้” เขากล่าวเสริม
“ทำไมข้าต้องใช้ปราณแห่งทัณฑ์สวรรค์เพื่อขัดเกลาร่างกายงั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
เหยาติงแผดเสียงคำราม “แม้เจ้าจะบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่ม แต่ร่างกายของเจ้ายังนับว่าอ่อนปวกเปียก ซึ่งปราณแห่งทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายของเจ้าได้”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเคร่งขรึมเต็มไปด้วยอารมณ์ของเหยาติง หยางเสี่ยวเทียนถึงกับสะดุ้งพลางเหงื่อตกเล็กน้อย
ก่อนจากนั้น เหยาติงจะพลันเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงหนาวเหน็บ “ไม่ต้องกังวลไป เมื่อเวลานั้นมาถึง เดี๋ยวข้าจะคอยควบคุมปราณแห่งทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้เอง เจ้าจะได้รู้สึกสบาย! ฮึ ฮึ”
หยางเสี่ยวเทียนถึงกับตัวตัวสั่น เมื่อได้ยินน้ำคำอันดูชั่วร้ายจากเตาหลอมโอสถในมือตน
ด้วยความช่วยเหลือจากเตาหลอมเหยาติง คอยดูดซับปราณแห่งทัณฑ์สวรรค์อย่างต่อเนื่อง ทำให้การเดินทางของหยางเสี่ยวเทียน ราบรื่นขึ้นมาก
โชคดีที่มีเตาหลอมโอสถ มิฉะนั้น มาตรว่าเขาคงจะไม่สามารถลงลึกเข้ามาในถ้ำทัณฑ์สวรรค์ได้เป็นแน่
หลังจากลงไปกว่าสี่ร้อยจั้ง ในที่สุดเราก็มาถึงก้นถ้ำทัณฑ์สวรรค์
ทันทีที่เท้าหยั่งถึงพื้น หรือคือส่วนลึกสุดของถ้ำทัณฑ์สวรรค์ หยางเสี่ยวเทียนเงยหน้าขึ้นมองซึ่งไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด กระทั่งแสงเล็กน้อยจากท้องฟ้าด้านนอกได้เลย เว้นเพียงความมืดมิด
เขายืนนิ่งตกตะลึงอยู่ครู่ ด้วยไม่คาดว่ามันจะลึก ขนาดมองไม่เห็นเพียงจุดเล็กๆ ของนภากาศได้
นี่มันทรงพลังขนาดไหนกัน ไฉนภัยพิบัติดังกล่าวนี้ ถึงโถมทำลายพื้นดินจนลึกมากกว่าสี่ร้อยจั้งได้ ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งยากหยั่งถึงยิ่งนัก
“ในบรรดาทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมด นี่คือทัณฑ์สวรรค์ที่ทรงพลังน้อยสุด” เหยาติงกล่าว
ดวงตาของหยางเสี่ยวเทียนเบิกกว้างทันที นี่ยังถือว่าอ่อนแอหรือน้อยที่สุดอีกงั้นหรือ
“ความแข็งแกร่งจากทัณฑ์สวรรค์แบ่งออกเป็นสาม หก และเก้าระดับ” เหยาติงกล่าว
“นี่คือทัณฑ์จากสวรรค์ที่นับว่าเป็นพลังระดับต่ำที่สุด ส่วนทัณฑ์สวรรค์ที่รุนแรงและพลังแข็งแกร่งที่สุดนั้น เจ้าจะรู้เองในภายหลัง” เหยาติงเสริม
จากนั้นกล่าวต่อ “ไว้เจ้าทะลวงถึงขั้นเทพยุทธ์ได้เมื่อไร เจ้าจะได้เผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ที่นับว่าทรงพลังที่สุดเมื่อนั้นเอง!”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หยางเสี่ยวเทียนก็ตกใจพร้อมเปิดปากถาม
“ทำไมเป็นเช่นนั้น!”
“เพราะว่าเจ้ากำลังบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่ม ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพ อีกทั้งวิญญาณยุทธ์ของเจ้า ยังเป็นวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูงสุด และเป็นไปได้ที่จะเติบโตเป็นราชันวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุด พร้อมทั้งเจ้ายังมีพรสวรรค์ด้านวรยุทธที่ไม่ธรรมดา” เหยาติงกล่าวในหนึ่งลมหายใจ
หยางเสี่ยวเทียนตะลึงกับคำกล่าวที่เหยาติงอธิบาย
“โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งเท่าไร ทัณฑ์สวรรค์ก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อเข้าใกล้ระดับความเป็นเทพ” เหยาติงกล่าว
หนึ่งคนหนึ่งเตาหลอม กำลังสนทนาขณะเดินลึกเข้าไปในโถงถ้ำอันเงียบงัน
หลังเดินไปได้สักพัก สายตาหยางเสี่ยวเทียนก็พลันสะดุดกับแสงจากธาราเล็กๆ ที่เป็นแหล่งของความสว่างสะท้อนยังผนังถ้ำพอให้เขามองเห็น
ครั้นมองจากระยะไกล ก็จะเห็นสายฟ้าพร้อมกับเสียงฟ้าร้องอันแผ่วเบา แปลบปลาบบนพื้นผิวของธาราแห่งนั้น
เหยาติงรีบเปิดปากอุทานอย่างตื่นเต้น “ที่นี่มีธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์จริงด้วย!”
“เร็วเข้าเจ้าหนู รีบพาข้าไปที่นั่น!” เขาพลันเอ่ยปากบอกกับหยางเสี่ยวเทียน
เมื่อเห็นว่าเหยาติงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้นมาก หยางเสี่ยวเทียนจึงรีบสืบเท้าเข้าไปหาธารานั้นทันที
เหยาติงชี้แนะ “ธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์นี้ เป็นสมบัติของสวรรค์และโลก เพียงกลืนเข้าไปหนึ่งคำก็สามารถปรับแต่งอวัยวะภายในทั้งห้า เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่ง เปลี่ยนแปลงเส้นเอ็น ตัดต่อไขกระดูก และเพิ่มพูนอายุขัย”
“เจ้าหนู เราพบสมบัติเข้าให้แล้ว” เหยาติงกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียนด้วยตื่นเต้นเป็นที่สุด