ตอนที่ 27 ภารกิจแรกของ The Protector (2)
08.30 น. โรงเรียนของดนัย
“ตอนนี้น่าจะเริ่มงานกันแล้วมั้ง แต่ก็ไม่น่าจะเป็นห่วงอะไรมากเพราะคงไม่มีใครกล้ามายิงกันกลางวันแสกๆหรอก”ดนัยพึมพำออกมาขณะนั่งอยู่ในห้องเรียนและฟังเพื่อนทั้ง 3 ของตนโม้เรื่องตัวละครในเกม
“ฉันได้ยินข่าวมาจากกลุ่มลับในเกมว่ามี Npc ในเกมคนหนึ่งบอกทางไปรังของไวเวิร์นถ้าเราทำเควสสำเร็จด้วย”วินกล่าว
“จริงดิ!!”
“จริงแน่นอนเพราะฉันเห็นมีคนได้ไวเวิร์นเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว”วินเอ่ย
“เวลเท่าไหร่วะ”กันต์ถามบ้าง
“85”
“เลเวล 85!!…มากกว่าผู้เล่นที่เวลเยอะที่สุดในโลกที่ตอนนี้อยู่เลเวล 81 อีก”ดิวอุทานขึ้น
“ใช่! ในกิลวอของพุธที่ผ่านมาไวเวิร์นตัวนั้นไปถล่มกิลด์อันดับ 9 ของทั่วโลกซะเละเลยล่ะ”วินเอ่ยต่อ
“แล้วจากนั้นล่ะ”กันต์ถาม
“มันโดนมือธนูของกิลอันดับ 5 สอยร่วงและตอนนี้น่าจะยังรักษาตัวอยู่”
“โฮ่…นึกว่าจะโดนถล่มกันทั้งหมดเสียอีกเสียฟอร์มหมด”ดิวกล่าว
“ใช่ เรื่องนี้กลายเป็นที่หัวเราะของคนในเซิร์ฟเลยล่ะ”
“ก็จริง มาอย่างเท่แต่โดนนักธนูสอยร่วงอย่างนี้”
ทั้งกลุ่มนั่งหัวเราะกันก่อนที่ครูจะเข้ามาสอนในคาบแรกของวันนี้
………….
10.00 ขบวนรถของ The Protector
รถได้ออกจากกรุงเทพมาเป็นเวลา 3 ชั่วโมงแล้วโดยอีก 1 ชั่วโมง 42 นาที จะถึงจังหวัดชัยภูมิ
การเดินทางนั้นปลอดภัยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ถนนก็โล่งไม่มีติดขัดสภาพอากาศก็โปร่งใสไม่มีเมฆฝน โดยรวมถือว่าเป็นวันที่ควรค่าแก่การเดินทาง
“วันนี้อากาศดีจริงๆเลยนะครับ”ภูมิเยียดแขนและขาคลายเมื่อยเล็กน้อยเพราะรถตู้คันนี้จัดมาให้มีที่นั่งเพียง 4 เท่านั้นทำให้มีพื้นที่ว่างพอสมควร
“ใช่ครับ แต่ยังไงท่านภูมิก็ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ตลอดเวลาเพราะเรามาอยู่ถิ่นของศัตรู”เลขาชายจับแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมา
“ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญฉันก็คงไม่มาเสี่ยงแบบนี้หรอกน่า แถมฉันยังสร้างปัญหาไว้ให้เจ้านั่นเยอะพอสมควรด้วยถึงได้ระวังแบบนี้ไง”
ทั้งสองพูดคุยกันเล่นๆและดูทีวีที่ติดอยู่ในรถไปพลางๆโดยมีตู้เย็นขนาดเล็กคอยบริการน้ำเย็นๆให้อีกด้วยอย่างสบายใจจนเวลาผ่านไป 1ชั่วโมง
และในตอนนั้นเองก็มีเรื่องเกิดขึ้นจนได้ เพราะตัวส่งสัญญาณแสดงรถที่ขับมาผิดปกติ 3 คัน นี่ก็คือหนึ่งในเทคโนโลยี Gps ที่ยุคนี้ยังไม่มี
“ระวังตัวไว้ด้วยครับท่านภูมิ”คิวพูดขึ้นก่อนจะหยิบปืนพกมาเช็คให้เรียบร้อย
แม้จะมีอุปกรณ์สุดไฮเทคอยู่ในรถอีกคันหนึ่ง แต่ทุกคนได้ถูกกำชับมาว่าถ้าไม่จวนตัวจริงๆก็ไม่ต้องใช้เพราะมันเสี่ยงต่อการเปิดเผยสู่คนอื่นด้วย ทว่าทุกคนก็ยังใส่เกราะพลังงานกันมาครบ
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ”ภูมิถามขึ้นระหว่างดูข่าวสารในทีวี
“มีรถที่มีการขับตามเรามา 3 คันครับ”
“ตอนนี้เราอยู่ในจังหวัดชัยภูมิซึ่งเป็นถิ่นของอีกฝ่ายแล้วครับท่าน”เลขาชายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พวกมันกล้าทำอะไรแบบนี้กลางวันเสกๆเลยงั้นเหรอ”
“ผมว่าพวกมันตอนนี้แค่สะกดรอยตามมาเฉยๆครับ น่าจะลงมือเวลากลางคืน”คิวคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา
“อย่างนี้นี่เอง”ภูมิยังใจเย็นอยู่และไม่ได้คิดมากนักเพราะหากอีกฝ่ายกล้าเล่นงานเขาที่อยู่กลางผู้คนจริงๆก็คงต้องพิจารณาศัตรูการค้าคนนี้ใหม่เสียแล้ว
………….
12.00 น. ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ขบวนคุ้มกันได้เดินทางมาถึงยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ถูกจองไว้เป็นห้องส่วนตัว
ภูมิกับเลขาของเขาก็กินข้าวกันอย่างมีความสุขไร้ซึ่งความกังวล แน่นอนว่าอาหารพวกนี้ถูกตรวจสอบมาอย่างดีแล้ว รวมถึงแก้วน้ำบนโต๊ะด้วย
“พวกนายไม่กินงั้นเหรอ”
“พวกเราจองอีกห้องเอาไว้เพื่อสลับกันไปทานแล้วครับ”หนึ่งในทีมของคิวที่ยืนอยู่รอบโต๊ะเอ่ยขึ้นมา
“ทำงานกันดีจริงๆ”ภูมิพยักหน้าก่อนจะกินอาหารต่อไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมามื้ออาหารเที่ยงนี้ก็จบลงและนั่งรถต่อเพื่อเดินทางไปจังหวัดขอนแก่น ครั้งนี้รถที่ตามพวกเขามาได้เพิ่มเป็น 5 คันจึงเริ่มสร้างความระแวงแก่ภูมิแล้ว
“พวกนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่”ภูมิกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ใจเย็นก่อนครับ ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอนหากพวกเรายังอยู่ตรงนี้”คิวเอ่ยเพื่อให้ภูมิสงบลง
“ใช่ครับท่านภูมิ ตอนนี้สิ่งที่เราทำคือต้องมีสติอยู่กับตัว”เลขาหนุ่มเอ่ยด้วยความเยือกเย็นน่าชื่นชมไม่น้อยเลยทีเดียว
“อีกประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีก็จะถึงที่หมายแล้วครับ ตอนนั้นต้องระวังตัวให้ดีที่สุดเพราะจุดหมายของเราอยู่กลางป่าเป็นที่ลับตาคน”
“ฉันเข้าใจ”ภูมิพยักหน้า
เป้าหมายในการเดินทางมาครั้งนี้ของภูมิก็คือที่ดินผืนใหญ่ที่มีขนาดกว่า 100 ไร่ทำเลอยู่ติดกับเมืองเหมาะแก่การสร้างอสังหาริมทรัพย์ขึ้นที่นี่เขาจึงต้องมาดูด้วยตนเอง
และที่ดินผืนนี้ภูมิก็แย่งประมูลมาจากคู่แข่งทางการค้าคนนี้ด้วย นี่อาจจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายก่อเรื่องเช่นนี้หวังจะข่มขู่ก็เป็นได้
หลังจากขับรถมาอีกสักพักหนึ่งสัญญาณที่ส่งออกมาจากเครื่องก็เปลี่ยนไปกลายเป็นขบวนรถแบบปิดล้อม
“ดูเหมือนอีกฝ่ายจะตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ตอนนี้ขอให้ระวังให้ดีนะครับ”คิวกล่าวขึ้นหลังจากตรวจดูรอบๆตัวรถ
“ได้ครับ”ภูมิปิดทีวีก่อนจะเริ่มมองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง
…………..
13.10 น. โรงเรียนของดนัย
“เฮ้! นายกำลังดูอะไรอยู่น่ะ”วินถามดนัยที่กำลังเปิดโน้ตบุ๊คสุดล้ำและชมภาพสดจากเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่
“หนังน่ะ”
“เรื่องอะไรกัน”
“ไม่รู้สิฉันเปิดเจอมาน่ะ”
“ถ้าจะมันน่าดูเลยนะเนี่ย”
ตอนนี้มุมมองของคนในภาพเริ่มหยิบปืนพกขึ้นมาเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลาแล้ว รวมถึงคนอื่นๆในทีมก็ด้วยเพราะรถได้เลี้ยวเข้ามาในเขตป่าของเมืองแล้ว
‘ใครจะไปคิดว่ามันจะมีคนกล้าหาเรื่องฆ่าคนตอนกลางวันแบบนี้ แต่มีรถ 8 คันได้น่าจะมีคนรวมๆประมาณ 50 คน’ดนัยคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ทีมของตนกำลังเผชิญ
“มีรถตามมาติดๆเลยว่ะ แบบนี้ยิงกันมันแน่นอน”วินกล่าวขณะดูภาพในจอไปด้วย
“ฉันหวังว่าจะไม่เป็นแบบนั้นนะ”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้สิ”
ทางด้านของคิวและทีมตอนนี้กำลังตื่นตัวถึงขีดสุดเพราะตอนนี้พวกตนได้มาอยู่กลางป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีในการเริ่มโจมตี
ปั้งง!!!
เคร้งง!!
ยังไม่ทันได้คิดอะไรก็เกิดเสียงปืนดังขึ้นมาแต่รถคันนี้กันกระสุนมันจึงไม่สามารถทำอะไรได้
“แจ้งตำรวจเลยครับ”คิวหันไปกล่าวกับภูมิ
“ได้ๆๆ”ภูมิยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะโทรไปยังเบอร์ 191
“สวัสดีค่ะมีเรื่องอะไรให้ช่วยคะ”
“ตอนนี้เกิดเหตุยิงกันกลางป่าบริเวณด้านตะวันตกของเมืองครับ”
“ขอชื่อผู้แจ้งด้วยค่ะ”
“ไตรภูมิ ทินกร ครับ”
“ค่ะ ทางเรากำลังเร่งผสานเรื่องนี้ให้ขอที่อยู่เพิ่มเติมด้วยค่ะ”
“เข้าป่ามาประมาณ 300 เมตรจากถนนสายหลักครับ จากนั้นผมก็ไม่รู้อะไรแล้วเพราะมีแต่ป่าเต็มไปหมด”
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ กรุณาซ่อนตัวเพื่อหลบจากการปะทะกันให้ดี ขอบคุณค่ะ….ตรู๊ดด…ตรู๊ดดดด”
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี”เลขาหนุ่มถามขึ้นมา
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ เนื่องจากอีกฝ่ายยิงมาก่อนและเราก็ทำการอัดคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐานแล้วด้วยทางเราจึงโต้ตอบได้”
“งั้นตอนนี้กำลังรออะไรอยู่ล่ะ”ภูมิถามขึ้น
“หากเรายิงโต้ตอบตอนนี้มีโอกาสที่ทางเราจะเสียเปรียบเพราะอีกฝ่ายมีจำนวนที่มากกว่า ผมจึงคิดว่าจะเข้าไปในป่าลึกก่อนจะจอดรถเพื่อทำการตอบโต้”
“แต่เราจะสลัดพวกมันออกไปได้ยังไงกัน”
“พวกเรามีวิธีการของเราครับ”คิวตอบก่อนจะยกวิทยุสื่อสารขึ้นมา
“ใช้แผนปลดอาวุธ”
“รับทราบ!”
กระจกของรถตู้คันหลังแง้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะมีปืนรูปร่างคล้ายดาวเทียมขนาดเล็กโผล่ออกมา
“นั่นมันคืออะไร??”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”ศัตรูที่ขับไล่ตามและกำลังระดมยิงอยู่ก็สงสัยแต่ไม่ได้ติดใจอะไรและยิงต่อไป
ทีมในรถคันที่สองเริ่มเล็งไปทางคนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้ก่อนจะเริ่มนับถอยหลัง
“3 2 1 ยิงได้!”
ปิ้วว!!
เกิดเสียงเบาๆดังขึ้นครั้งหนึ่งก่อนที่รถที่ขับตามมาจะเกิดการพลิกโค้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เอี๊ยดดดดดด!!!
“ทำไมฉันขยับไม่ได้!!”
“ลูกพี่พวกเราก็ขยับไม่ได้เหมือนกัน”
“บัดซบ!!! ทำยังไงก็ได้ให้รถหยุดที”
“ครับ!! คนจากด้านหลังที่อยู่นอกรัศมีก็เข้ามาเหยียบเบรคให้เพื่อหยุดรถลง”
“เวรเอ้ย!! เกิดอะไรขึ้นกัน”คนที่ได้ชื่อว่าลูกพี่ตบไปที่พวงมาลัยอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด