ตอนที่แล้วตอนที่ 22 แหวนเวทมนต์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 ชีวิตดีๆในฟาร์มภัทรภพ

ตอนที่ 23 ทำฟาร์ม


“เป็นอะไรไปคะท่านประธาน”ซินหรานถามออกมาหลังจากเห็นดนัยยืนนิ่งอยู่กับที่

“อะ..อ้อ! ไม่มีอะไรหรอกรีบกลับบ้านเถอะตอนนี้ดึกมากแล้ว”

“เข้าใจแล้วค่ะ”แม้จะไม่เชื่อแต่เธอก็ได้แต่ทำตามและกลับไปยังภัตตาคาร

ดนัยขึ้นไปบนห้องนอนแล้วปิดประตูทันทีหลังกลับมาถึงสร้างความมึนงงแก่คนอื่นๆไม่น้อยแต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร

“ระบบเธอยังอยู่ไหม?”

[อยู่ค่ะ]

“ระบบระดับ 2 คืออะไรกัน”

[ปัจจุบันสิ่งที่ท่านได้รับจากระบบเป็นของพื้นฐานเท่านั้น แต่ตอนนี้มันได้ยกระดับมาอีกขั้นแล้ว]

“แล้วตกลงมันคืออะไรกัน”

[ระดับ 2 จะมีความรู้เกี่ยวกับอนุภาคมานาและเทคโนโลยีมานาเพิ่มเข้ามาค่ะ]

“แล้วที่ฉันซื้อไปตอนนั้นล่ะมันก็คือความรู้เกี่ยวกับอนุภาคมานานี่”

[สิ่งนั้นแม้จะเป็นระดับสูงแต่ก็เป็นเพียงความรู้ระดับสูงในช่วงที่เพิ่งมีการค้นพบค่ะ]

“ขอทราบราคาต่ำสุดของมันหน่อย”

[100 ล้านคะแนนค่ะ]

“เฮ้ออออ….ฉันไม่เข้าใจจริงๆทำไมฟีรอสต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยเนี่ย..แล้วราคาสูงสุดของระดับ 2 คือเท่าไหร่กัน”

[1,000 ล้านคะแนนค่ะ]

“มันยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถซื้อได้นะ แล้วระบบระดับสูงสุดคือเท่าไหร่กัน”

[ไม่สามารถบอกได้ค่ะ]

“เอาเถอะฉันก็ไม่ได้หวังจะได้คำตอบอยู่แล้ว”ดนัยบ่นออกมาก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำแล้วก็กลับมานอน

……………

08.00 น. วันพฤหัสบดี โรงเรียนของดนัย

ในตอนนี้ดนัยกำลังนั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะด้วยความเบื่อหน่ายและสมองกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อดี

“ตอนนี้ฉันเลเวล 23 แล้วนะ เป็นไงเร็วสุดๆเลยใช่ป่ะ”ดิวกล่าวขึ้นกับวินและกันต์ที่กำลังนั่งล้อมวงคุยกันอยู่

“ถึงจะจะเลเวล 21 แต่ก็มีไอเท็มระดับเลเจนด์เลเวล 10 เลยนะเฟ้ย”วินเอ่ยขึ้นมา

“นายใช้เงินซื้อมันมาหลายแสนเลยนี่ไม่ได้เก็บเองซะหน่อย”กันต์เถียง

“นายไม่รู้จักอำนาจแห่งเงินตราเหรอ มันเป็นความสามารถส่วนหนึ่งของฉันเหมือนกันเสียใจด้วย”

“ก็ได้ๆ แต่ฉันดันมีแฟรี่เป็นสัตว์เลี้ยงน่ะสิให้ทำไงได้”กันต์เอ่ยขึ้นลอยๆแต่ก็เรียกความสนใจจากเพื่อนได้เป็นอย่างดี

“เฮ้ย! นายมีแฟรี่จริงดิ”

“จริงแท้แน่นอน”

“ฉันไม่เชื่อว่ะ เห็นเขาบอกว่าแฟรี่โอกาสดรอปน้อยมากจนราคาตอนนี้ทะลุ 1 ล้านไปแล้ว”วินพูด

“เอ้า! พวกนายไม่เชื่อฉันงั้นเรอะ ได้เรามาดูกันดีกว่า”

“นายจะให้เราดูยังไง? ไปใช้คอมโรงเรียน?”ดิวถาม

“เรามีเกมมาสเตอร์นั่งอยู่ข้างๆเรานะ ก็ถามไปเลยซี่”

“เออจริงของมัน แต่ดนัยก็ไม่มีคอมอยู่ดีนี่หว่า”วินทำหน้าสงสัย

“เฮ้! ดนัย”กันต์เรียกชื่อเขาขึ้น

“หืมม…ห๊ะ? มีไร”

“นายช่วยเช็คดูทีสิว่าในไอดีฉันมีแฟรี่รึเปล่า”

“ได้สิ รอแปป”ดนัยเปิดกระเป๋านักเรียนของตัวเองขึ้นมา

ในนั้นแทบจะไม่หนังสืออยู่เลย มีเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นแต่ที่มันดูเต็มกระเป๋าก็เพราะในนั้นมีโน้ตบุ๊คอยู่ ซึ่งเขาพกมาโรงเรียนทุกวันแต่แทบจะไม่ได้ใช้

ส่วนเรื่องหนังสือก็ไม่ต้องห่วงเพราะครูทุกคนตอนนี้รู้ดีว่าเขานั้นเป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเรียกไปทำโจทย์ข้อไหนก็ตอบได้หมดจนครูรู้สึกปลงและไม่กล้าถามเขาอีก

“โว้ว! นายพกโน้ตบุ๊คที่ราคาโครตแพงมาโรงเรียนด้วยว่ะ”ดิวกล่าวขึ้น

“ตอนนี้มันรวยจะตายแค่ได้เงินจากการซื้อของไอ้วินก็ปาไปหมื่นนึงแล้ว”กันต์พูด

“จริงสิพอพูดถึงเรื่องนี้แล้วไตรมาสนี้ฉันได้กำไรมาอีกแสนกว่าๆเลยว่ะ”วินเกทับด้วยคำพูดของตนเอง

“ไอดีนายชื่ออะไร”ดนัยถามขึ้นทำให้ทั้งสามหยุดการทะเลาะแล้วหันมาสนใจเขาต่อ

“lnwGun007”

ดนัยมองไปยังกันต์อย่างแปลกๆในทันที

“ทำไม? ชื่อฉันเท่ใช่ไหมล่ะ สามารถแย่งการตั้งชื่อนี้ได้จากคนจำนวนมากเชียวนะ”

“เออๆ มาดูสิ่งที่พวกนายต้องการต่อจะดีกว่า”ดนัยพิมพ์อะไรลงเล็กน้อยก่อนจะเปิดหน้าต่างที่แสดงสถานะปัจจุบันในเกมขึ้นมา

เขาพิมพ์ชื่อไอดีตามที่อีกฝ่ายบอกก่อนจะปรากฏเป็นตัวละครอาชีพนักบวชแต่งใส่ของเต็มสูบและมีสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่กำลังบินวนรอบตัว

“เชี่ย! ของจริงว่ะ”วินอุทานขึ้นหลังจากเห็นแฟรี่อยู่ในช่องของสัตว์เลี้ยง

“ทำได้ไงวะ เมื่อคืนตอน 1 ทุ่มพวกเรายังเล่นด้วยกันอยู่เลย”ดิวหันไปถาม

“พอดีไปตีบอสต้นไม้เรืองแสงเล่นๆน่ะ แต่มันดรอปได้เฉยตอนนั้นมีคนเห็นด้วยจึงถูกทักมาขอซื้อแทบทั้งคืนเลยล่ะ”

“นายนี่โชคดีชะมัด”

“ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ฉันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองในเกมบ้างนะ แบบมีให้ปลูกพืชปลูกผักน่ะ”กันต์หันไปกล่าวกับดนัย

“ฉันจะเก็บไปพิจารณาก็แล้วกัน”ดนัยตอบแบบส่งๆก่อนจะมองไปนอกหน้าต่าง สักพักหนึ่งเขาก็เหมือนจะคิดอะไรออก

“ทำไมฉันถึงไม่นึกถึงมันกัน”ดนัยกล่าวกับตัวเองก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปยังเบอร์หนึ่ง

……………

11.00 น. วันเสาร์ เชียงใหม่

ดนัยได้กลับมาที่เชียงใหม่โดยครั้งนี้เขานั่งเครื่องบินมาทำให้ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเท่านั้นในการเดินทาง และข้างๆของเขาก็คือซินหรานที่ตามมาก็เพราะนี่จะเป็นธุรกิจใหม่ของเขา

หลังลงจากเครื่องบินก็มีคนมารอรับพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เป็นชายในชุดสูทสีดำดูหรูหราพร้อมกับรถรุ่น BMW สีดำขนาด 4 ที่นั่ง

“สวัสดีครับคุณดนัย ผมพิเชฐจาก Domain Holding นะครับ”พิเชฐยื่นมือมาเพื่อทักทาย

“ผมดนัยครับ”ดนัยจับมืออีกฝ่ายกลับ

“ท่านกิตติศักดิ์ได้แจ้งมาแล้วว่าให้ดูแลคุณเป็นอย่างดีดังนั้นหายห่วงได้เลยครับ”

“ผมดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะครับ”

“เราจะไปชมสถานที่ของคุณตอนไหนดีครับ”

“ตอนนี้เลยก็ได้ครับเพราะยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นเชิญขึ้นรถเลยครับ”

พิเชฐก้าวไปเปิดประตูให้แก่ดนัยรวมถึงซินหรานด้วยก่อนที่ตนเองจะขึ้นไปนั่งยังที่คนขับและออกรถตรงไปยังเขตภูเขา

หลังจากเดินทางไปได้ 1 ชั่วโมงทั้งสามก็มาถึงยังฟาร์มแห่งหนึ่งที่ตอนนี้สภาพดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ตามที่เห็นเลยครับ สภาพตอนนี้เละเทะมากเพราะพ่อเลี้ยงคนเก่าปล่อยปละละเลยที่นี่เอาไว้และปัจจุบันก็หอบเงินหนีไปอยู่ต่างประเทศด้วยสาเหตุจากการหนีภาษีครับ”

“ลุงศักดิ์คงไปประมูลมาได้สินะครับ”

“ใช่แล้วครับ แถมยังได้ราคาที่ถูกมากด้วย”

“พาผมเข้าไปทีครับ”

“ได้เลยครับ ผมได้เรียกรวมคนงานทั้งหมดในฟาร์มนี้มาให้แล้วด้วย”

“ดีเลยประหยัดเวลาให้ผมไปได้มากโข”ดนัยส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งกลางฟาร์มก็พบกับคนนับร้อยชีวิตแต่งตัวสกปรกมอมแมมกำลังยืนกันอยู่เต็มไปหมดและมองมาที่พวกเขาทั้งสาม

พิเชฐดูเหมือนจะคุ้นเคยกับคนที่นี่ดีจึงเข้าไปคุยก่อนที่จะส่งสัญญาณให้ดนัยขึ้นไปบนโพเดียมไม้หน้าบ้านหลังใหญ่

“สวัสดีครับทุกคน ผมดนัย ภัทรภพ และเป็นเจ้าของฟาร์มใหม่นี้ด้วย”ทุกๆคนที่ได้ยินก็มีเสียงฮือฮาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะเดาได้จากการเดินมาแล้ว

“อย่างแรกเลยที่ผมจะทำกับฟาร์มนี้นั่นก็คือเปลี่ยนชื่อฟาร์มใหม่เป็นฟาร์มภัทรภพ ส่วนเรื่องต่อมาก็คือผมจะเปลี่ยนที่พักให้กับทุกคนใหม่โดยจะเป็นบ้านจริงๆไม่ใช่ตู้คอนเทนเนอร์อีกแล้ว”

คนงานทุกๆคนที่ได้ยินก็รู้สึกเหมือนมีน้ำไหลออกมาจากตาก่อนที่จะกระโดดกอดกันสักพักจากนั้นก็กลับไปตั้งใจฟังสิ่งที่พ่อเลี้ยงหนุ่มคนนี้จะกล่าวต่อ

“ฟาร์มแห่งนี้เราจะเปลี่ยนจากการเลี้ยงสัตว์เป็นหลักไปเป็นปลูกพืชแทน ผมทำแผนไว้คร่าวๆแล้วทุกคนสามารถดูเกี่ยวกับข้อมูลนี้ได้”

ซินหรานรู้หน้าที่ของตนเองดีจึงเริ่มแจกจ่ายเอกสารแผนงานในอนาคตให้คนละ 1 รูปเล่มก่อนที่ดนัยจะเริ่มพูดต่อ

“ฟาร์มแห่งนี้จะผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไปด้วยดังนั้นผมจึงอยากจะให้การศึกษาแก่ทุกคนก่อนจะเริ่มทำงานกันอย่างจริงจัง สามารถนำลูกหลานมาฟังด้วยได้และถ้าใครทำได้ดีผมอาจจะมอบทุนการศึกษาให้จนจบมหาวิทยาลัย”

คนงานทุกคนหันมามองหน้ากันกับคำพูดนี้ก่อนจะฟังต่อไปอย่างตั้งใจและจะกลับไปบอกลูกๆของตนว่าอาจมีโอกาสได้เรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆแล้วแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด