MDB ตอนที่ 440 จ้าวจิงหยานมาเยือน
‘จ้าวจิงหยาน?’ หลินจินตกตะลึง
'เธอมาทำอะไรที่นี่? เราเพิ่งพบกันที่ห้องโถงเยี่ยมชมไม่ใช่เหรอ? มันเพิ่งผ่านไปแค่สองวันเท่านั้นเอง แล้วอีกอย่าง เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?’
'ถ้าเธอจะมา ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อน?' หลินจินสงสัย
'เรื่องนั้นช่างมันก่อน มาดูกันว่าเป็นเธอจริง ๆ หรือไม่?' เขาคิด
หลินจินอนุญาตให้แขกเข้ามาได้ และคน ๆ นั้นก็คือจ้าวจิงหยานตัวจิง อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ หลินจินสวมฉากหน้าเป็นของลูกศิษย์ของภัณฑารักษ์ ดังนั้น เขาควรทำตัวราวกับว่าเขาไม่เคยพบกับเธอมาก่อน
เขาแสร้างทำเป็นไม่รู้จักเธอทันที
“ข้าคือหัวหน้าสมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ล หลินจิน แม่นาง เจ้ามีอะไรให้ช้าช่วยเหลือหรือไม่?”
ขณะที่หลินจินกำลังพูด เขาก็กำลังศึกษาแขกที่ไม่คาดคิดของเขา ทางด้านจ้าวจิงหยานก็ศึกษาหลินจินเช่นกัน
เมื่อมองแวบแรก เขาดูเหมือนสุภาพบุรุษจากชนชั้นสูง เป็นไปตามคาด สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ภัณฑารักษ์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจ้าวจิงหยานเป็นผู้บัญชาการที่ยิ่งใหญ่ของตำหนักฟีนิกซ์ ซึ่งที่นั่นเป็นเพียงแค่ประเทศขนาดใหญ่ ความทะนงตนของเธอจึงก็เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
แม้เธอจะไม่สามารถยกตนสูงส่งต่อหน้าภัณฑารักษ์ได้ แต่ถ้าเป็นลูกศิษย์ของเขา เธอถือว่าเธอทัดเทียมกับเขา ในความเป็นจริง เธอคิดว่าตัวเองเหนือกว่าหลินจินเล็กน้อยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่จ้าวจิงหยานคิด เธอยังต้องทำตัวสุภาพกับคู่สนทนาของเธอ
“ผู้ประเมินหลิน ข้ามาจากตำหนักฟีนิกซ์ ข้ามีชื่อว่าจิงหยาน และข้ารู้จักกับอาจารย์ของท่าน สาเหตุที่ข้ามาที่นี่นั้น เพราะข้ามีคำถามเร่งด่วนที่ต้องการคำแนะนำจากอาจารย์ของท่าน
นอกจากนี้ ข้ามาที่นี่ตามคำแนะนำของอาจารย์ของท่าน ซึ่งแนะนำให้ข้าออกค้นหาแหล่งไฟที่แปลกใหม่”
จ้าวจิงหยานตอบด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะดูสมเหตุสมผล แต่หลินจินก็พบสิ่งผิดปกติในคำอธิบายของเธอ
เขาเข้าใจว่าจ้าวจิงหยานเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะเธอไม่สามารถตามหาตัว 'ภัณฑารักษ์' ได้ด้วยตัวเอง แถมยังต้องออกค้นหาแหล่งไฟที่แปลกใหม่ด้วย เธอสามารถหามันได้ที่ไหนในอาณาจักรมังกรหยกอย่างงั้นเหรอ?
แทนที่จะถามคำถามนั้นกับเธอในตอนนี้ หลินจินกลับให้จ้าวหยิงชงชาร้อนให้แขกของเขา จ้าวหยิงมีไหวพริบพอที่จะออกไปเตรียมชาทันที เพื่อให้หลินจินสามารถดูแลแขกของเขาได้สะดวก
ณ ตอนนี้ ห้องโถงประเมินของหลินจินได้รับการดูแลโดยจ้าวหยิง, หลู่เสี่ยวหยุน, เจียเฉียนและฮานดง
เฉพาะกรณีที่ยุ่งยากหรือสัตว์หายากเท่านั้น พวกเขาถึงจะต้องการความช่วยเหลือจากหลินจิน ถึงกระนั้นพวกเขาก็จัดการงานได้ดีมาระยะหนึ่งแล้ว
ดังนั้น หลินจินจึงมั่นใจว่าพวกเขามีค่าพอที่จะได้รับตำแหน่งผู้ประเมินระดับหนึ่งหรืออาจจะสูงกว่านั้นด้วยซ้ำ
ภายในห้องโถงประเมิน จ้าวจิงหยานบอกหลินจินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโถงเยี่ยมชม แม้ว่าหลินจินจะรู้เรื่องนี้หมดแล้ว แต่เขาก็ยังต้องฟังเรื่องราวของเธอตั้งแต่ต้น
“ภัณฑารักษ์ อาจารย์ของท่านเป็นชายที่น่ามหัศจรรย์มากจนข้ารู้สึกประทับใจอย่างมาก ข้ายังได้รับประโยชน์อย่างมากจากการนิพพานและแนวคิดการเกิดใหม่ที่เขาแบ่งปันกับข้า
นอกจากมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยือนผู้ประเมินหลิน และลองเสี่ยงโชคในการพบกับภัณฑารักษ์ ข้ายังบังเอิญรู้มาว่าเมืองเมเปิ้ลมีแหล่งไฟที่แปลกใหม่อยู่ใต้เมืองอีกด้วย”
จ้าวจิงหยานไม่คิดจะปิดบังอะไร เนื่องจากหลินจินเป็นลูกศิษย์ของภัณฑารักษ์ เธอจึงคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่จะซื่อสัตย์กับเขา
ตอนนี้หลินจินมั่นใจว่าจ้าวจิงหยานไม่ได้ใช้สิ่งนั้นเป็นข้อแก้ตัวเพื่อมาที่เมืองเมเปิ้ล ดูเหมือนว่าเธอมาที่นี่จริง ๆ เพื่อหาแหล่งไฟที่แปลกใหม่เพื่อฟักไข่ฟีนิกซ์ของเธอ
อย่างไรก็ตาม เขาต้องประหลาดใจเมื่อรู้ว่าใต้เมืองของพวกเขามีแหล่งไฟที่แปลกใหม่อยู่ด้วย
เมื่อลองนึกดี ๆ เขาก็จำได้ว่ามีสายธารวิญญาณแห่งอัคคีและปฐพีอยู่ใต้เมือง แม้ว่าสิ่งนี้จะหายาก แต่มันก็ไม่ได้น่าทึ่งมากพอที่จะถูกเรียกว่าแหล่งไฟที่แปลกใหม่
หากเมืองเมเปิ้ลมีแหล่งไฟที่แปลกใหม่ การรักษาความปลอดภัยรอบ ๆ สมาคมของพวกเขาคงจะเข้มงวดมากขึ้นเมื่อเทียบกับระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะแหล่งไฟที่แปลกใหม่เป็นสิ่งล้ำค่ามาก
ราวกับว่าทราบข้อสงสัยของหลินจิน จ้าวจิงหยานก็ยิ้มเบา ๆ
“ผู้ประเมินหลิน ข้าไม่คิดว่าท่านจะทราบถึงแหล่งไฟที่แปลกใหม่ใต้เมืองเมเปิ้ลอย่างแน่นอน ในความเป็นจริง มีแนวโน้มว่าทั้งอาณาจักรมังกรหยกจะยังไม่ทราบเรื่องนี้เช่นกัน มีเพียงตำหนักฟีนิกซ์ของเราเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของมัน
เนื่องจากตำหนักฟีนิกซ์เชี่ยวชาญคุณสมบัติธาตุไฟ ผู้อาวุโสและบรรพบุรุษของเราจึงได้ทำการสำรวจทั่วทั้งทวีป และระบุตำแหน่งของแหล่งไฟที่แปลกใหม่ไว้ทั้งหมด
นอกจากนั้น พวกเขาจะปิดผนึกสถานที่ด้วยเคล็ดวิชาลับเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นค้นพบตำแหน่งของสถานที่เหล่านั้นอีกด้วย”
หลินจินรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่จ้าวจิงหยานพูด
แท้จริงแล้ว ตำหนักฟีนิกซ์สามารถกระทำการดังกล่าวได้ องค์กรของพวกเขาดำรงอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว และเป็นองค์กรที่มีการเลี้ยงดูยอดฝีมือจำนวนมาก หากยอดฝีมือของตำหนักฟีนิกซ์พบแหล่งไฟที่แปลกใหม่ใต้เมืองเมเปิ้ลก่อนที่จะมีการสถาปนาอาณาจักรมังกรหยก ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่สิ่งต่าง ๆ จะเป็นไปตามที่จ้าวจิงหยานอธิบายไว้
มันเหมือนกับการหาหีบสมบัติที่ถูกบ้านของคนอื่นสร้างทับไว้ ในฐานะเจ้าของบ้าน ก็คงไม่พอใจที่ใครที่ไหนก็ไม่รู้มายุ่งย่ามบ้านของเขา
นั่นทำให้ตอนนี้หลินจินเริ่มรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
หากเขารู้ว่ามีแหล่งไฟที่แปลกใหม่อยู่ใต้เมืองเมเปิ้ล เสี่ยวฮั่วก็สามารถหยิบยืมมันเพื่อบรรลุวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบครั้งต่อไปของเขาไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ตำหนักฟีนิกซ์ทำ มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาไม่ได้ปิดผนึกสถานที่ ยอดฝีมือคนอื่น ๆ อาจจะพบแหล่งไฟที่แปลกใหม่เมื่อหลายร้อยปีก่อนไปนานแล้ว และมันคงจะถูกใช้งานจนเหือดแห้งไปเป็นที่เรียบร้อย
ด้วยเหตุนี้ ดูเหมือนว่าตำหนักฟีนิกซ์จะทำความดีความชอบแทน อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้แหล่งไฟที่แปลกใหม่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
ตอนนี้หลินจินได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของมันแล้ว เขาจะไม่เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ อย่างแน่นอน
เขานึกถึงทางเข้าของแหล่งไฟที่แปลกใหม่นี้ซึ่งตั้งอยู่ภายในสำนักงานสาขาของพวกเขา ในอดีตเขายืมไฟเพื่อปรับแต่งสัตว์วิเศษ แต่หลินจินไม่รู้ว่าในตอนนั้นมันเป็นแหล่งไฟที่แปลกใหม่
และเขาได้ทำการอัดเม็ดยาที่นั่นด้วย
หลินจินไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจเยี่ยมชมสถานที่นั้นกับจ้าวจิงหยานทันที เธอไม่ได้หยุดเขา เนื่องจากเธอมาที่นี่เพื่อยืมความแข็งแกร่งของแหล่งไฟที่แปลกใหม่สำหรับการเกิดใหม่ของฟีนิกซ์ของเธอ
แม้ว่าเธอยังคงลังเลเล็กน้อย
“เราไม่ควรรอภัณฑารักษ์สักหน่อยหรือ? หากมีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อย ๆ ข้าก็จะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อมีเขาอยู่ข้าง ๆ”
เห็นได้ชัดว่าจ้าวจิงหยานมีความมั่นใจในตัวภัณฑารักษ์มากเพียงใด
ให้หลินจินรอ? นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำ
“ภัณฑารักษ์จะไม่ปรากฏตัวสักพักใหญ่ และเนื่องจากข้าได้รับการชี้แนะโดยตรงจากเขา มันก็ไม่ต่างจากการมีเขาอยู่ด้วย”
หลินจินลุกขึ้นจากที่นั่งทันที และจ้าวจิงหยานก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามเขาไป
สายธารวิญญาณแห่งอัคคีและปฐพีของสมาคมเป็นสถานที่สำหรับผู้ประเมินทำการรักษา และปรับปรุงสัตว์เลี้ยงที่มีคุณสมบัติธาตุไฟ บุคคลที่รับผิดชอบดูแลสถานที่คือผู้อาวุโสโม่ของสมาคม
ผู้อาวุโสโม่เป็นผู้มากประสบการณ์ หลินจินเคยได้รับความช่วยเหลือของเขาเช่นกัน ดังนั้นแม้จะเป็นหัวหน้าสมาคมแล้ว หลินจินก็ยังคงให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสโม่เสมอมา
“ขอคารวะ ท่านผู้อาวุโสโม่!”
เมื่อเข้าไปในถ้ำ หลินจินก็ทักทายชายชราที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ที่นี่ คนหลังหัวเราะอย่างเต็มที่เมื่อเห็นหลินจิน
“หัวหน้าหลิน มันนานมากแล้วตั้งแต่ท่านมาที่นี่ ข้าได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จของท่านในเมืองหลวง หากท่านมีเวลา ท่านต้องสอนเคล็ดลับเกี่ยวกับการประเมินสัตว์วิเศษให้ข้าสักสองสามข้อ”
ผู้อาวุโสโม่ไม่ใช่คนประเภทที่จะยกตัวข่มผู้อื่น เพราะประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมมานานของเขา ทำให้เขาเข้าใจโลกอันซับซ้อนนี้ และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้หลินจินประทับใจในตัวเขา
“ผู้อาวุโสโม่ ข้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง”
หลินจินรู้อยู่แล้วว่าผู้อาวุโสโม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลสายธารวิญญาณแห่งอัคคีและปฐพี เขารู้สึกเขินอายจริง ๆ ที่เขาให้ความใส่ใจกับผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลน้อยเกินไป สำหรับหลินจิน มันเป็นการละทิ้งหน้าที่ของเขาในฐานะหัวหน้าสาขาของพวกเขา
เมื่อเขาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้อาวุโสโม่ก็มองไปที่จ้าวจิงหยานที่มาร่วมเดินทางมากับหลินจิน
เนื่องจากผู้อาวุโสโม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลสถานที่แห่งนี้ มันบอกเป็นนัยว่ามันเกี่ยวข้องกับความลับของสมาคม ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถพูดได้อย่างอิสระเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อหน้าคนนอก