ตอนที่แล้วระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 39 ฟู่ฟาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 41 การตัดสินใจของหลัวฮ่วย

ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 40 หยั่งรู้


ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 40 หยั่งรู้

ด้วยเช่นนี้เอง

หลังจากผู้อาวุโสที่สามแห่งนิกายหมื่นอัคคี ฟู่ฟาง โคจรวิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุด [ร่างเปลวไฟ] ออกมา

ทั้งร่างก็กลายเป็นเปลวไฟในชั่วพริบตา พุ่งทะยานไปทางดินแดนเต๋าอนันต์ด้วยความเร็วปานสายฟ้า

ส่วนประมุขนิกายคนปัจจุบันแห่งนิกายหมื่นอัคคี หนานกงเหอ หลังทราบเรื่องนี้

ก็บอกว่าตนไม่สนใจ

สำนักตะวันหาญเช่นนั้นหรือ?

นั่นเป็นเพียง 1 ใน 100 กว่าสำนักสาขาของนิกายหมื่นอัคคี จะถูกทำลายไปหรือไม่ เขาไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร

ดินแดนเต๋าอนันต์เช่นนั้นหรือ?

นั่นเป็นเพียงดินแดนเต๋าขนาดเล็กในมณฑลตงหวงเท่านั้น

ทรัพยากรบำเพ็ญเพียรอ่อนแอมาก

ในสถานที่นั้น ผู้บำเพ็ญเพียรที่มีฐานพลังสูงที่สุด คาดว่าคงอยู่ที่ขอบเขตพิสูจน์เต๋า ซึ่งเป็นเพียงขอบเขตที่ 3 ใน 7 ขอบเขตเซียน

ส่วนผู้อาวุโสที่สามแห่งนิกายหมื่นอัคคี ฟู่ฟาง

มีฐานพลังอยู่ที่ขอบเขตกระจ่างแจ้ง 4 สวรรค์ ในเจ็ดขอบเขตเซียน

ฐานพลังเช่นนี้ ไปยังดินแดนเต๋าอนันต์ก็นับเป็นผู้ไร้เทียมทาน

เช่นนี้แล้ว หนานกงเหอยังจำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรอีก?

ส่วนสิ่งที่หนานกงเหอเสียดายอยู่บ้าง

ก็คืออัจฉริยะผู้นั้น

ได้ยินว่า เมื่อ 50 ปีก่อน สำนักตะวันหาญพบอัจฉริยะหนึ่ง เพียงใช้เวลา 50 ปี ก็ก้าวกระโดดจากมนุษย์ธรรมดา กลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรในขอบเขตกึ่งทารกเซียน

ตามประสบการณ์ของหนานกงเหอมาคาดเดา

[อัจฉริยะเช่นนี้] + [การฝึกฝนจากยอดอาจารย์] + [ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก] = [เสาหลักนิกายหมื่นอัคคี (ขั้นต่ำในขอบเขตที่ 5 ใน 7ขอบเขตเซียน!)]

แต่เมื่อสำนักตะวันหาญถูกทำลาย

อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์วิเศษก็สูญหายไป

อาจจะล่วงลับไปพร้อมกับสำนักตะวันหาญ

ทำให้หนานกงเหอรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง

อย่างไรเสีย อัจฉริยะเช่นนี้แม้แต่ในนิกายหมื่นอัคคีเอง

ก็นับเป็นสิ่งมีค่ายากจะหามาได้

"เฮ้อ......"

"หวังว่าฟู่ฟางจะจัดการเรื่องนี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี"

"ส่วนสำนักตะวันหาญจะถูกทำลายไปหรือไม่ ข้าไม่สนใจ"

"แต่นิกายหมื่นอัคคีเราในฐานะ 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำแห่งมณฑลตงหวง ถูกตบหน้าเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ!!"

หลังถอนหายใจ

จ้าวสำนักคนปัจจุบันแห่งนิกายหมื่นอัคคี หนานกงเหอ ก็เดินกลับไปยังตำหนักส่วนตัวของตนอย่างเชื่องช้า

นิกายหมื่นอัคคีในฐานะ1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำแห่งมณฑลตงหวง

ยึดครองดินแดนเต๋ามากถึงห้าสิบกว่าแห่ง

มีเรื่องราวมากมายต้องให้เขาจัดการด้วยตนเอง

ดังนั้น ในฐานะประมุขนิกายคนปัจจุบันของนิกายหมื่นอัคคี เขาจึงไม่มีเวลาว่างมากพอจะสบายใจได้

......

เมื่อเทียบกับนิกายหมื่นอัคคีอันยิ่งใหญ่ดุจพญามังกรแล้ว

ตระกูลหลัว

ต่อหน้านิกายหมื่นอัคคี

กลับดูเล็กน้อยไปเสียหน่อย

อาณาเขตตระกูลหลัว

ในลานแห่งหนึ่งที่ปกคลุมด้วยกลิ่นอายอันโบราณ

หลัวจิ่วเกอ กำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไท่ชือ

หลับตาทั้งสองข้าง

วางมือไว้ที่ข้างเก้าอี้ไท่ชือ

เอนร่างกายเบาๆ

ดูเหมือนกำลังหลับ

แต่ความจริงกลับเป็นว่า

ในตอนนี้ จิตตระหนักรู้ของหลัวจิ่วเกอกำลังศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับตราประทับในจิตใจของตน

ส่วนตราประทับนั้นก็คือพลังอิทธิฤทธิ์ [หนึ่งกระบี่ทลายโลกา] ที่เขาได้ซื้อมาจากระบบสินค้าลดราคาโดยบังเอิญเมื่อไม่นานมานี้

ตามคำแนะนำของระบบ พลังอิทธิฤทธิ์นี้มีระดับเทพขั้นสูงสุด

หากตระหนักรู้ได้จนหมดสิ้น ก็จะมีพลังที่สามารถทำลายโลกได้ด้วยกระบี่เดียว

แม้หลัวจิ่วเกอจะรู้ว่าการตระหนักรู้พลังอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดนั้น

แทบไม่มีความเป็นไปได้เลย

แต่หากสามารถหยั่งรู้พื้นฐานของพลังอิทธิฤทธิ์ได้ สมรรถภาพของเขา ก็น่าจะได้รับการยกระดับอย่างมหาศาลกระมัง?

......

ด้วยความคิดนี้

หลัวจิ่วเกอจึงใช้เวลาส่วนหนึ่งในแต่ละวันไปกับการศึกษาเรียนรู้พลังอิทธิฤทธิ์ดังกล่าว

แต่แม้จะมีตราประทับพลังอิทธิฤทธิ์อยู่ในจิตใจ

เขาก็ยากจะหยั่งรู้อย่างแท้จริง

หรือแม้แต่การปลดปล่อยออกมา

อย่างไรก็ตาม วันนี้ดูเหมือนจะมีความแตกต่างอยู่บ้าง

ห้วงสมุทรจิตตระหนักรู้

ในห้วงมิติจำลองบางแห่ง

ครั้งนี้ หลัวจิ่วเกอผนวกร่างเข้ากับชายชราผู้หนึ่งที่ถือกระบี่ไม้

ชายชรามีรูปร่างผอมแห้ง ใบหน้าขรุขระ

แม้แต่ร่างกายยังค่อมลงเล็กน้อย ดูเหมือนราวกับเหลือเวลาชีวิตอีกไม่นานแล้ว

แต่ก็เป็นชายชราผู้นี้

หลังจากยกกระบี่ไม้ในมือขึ้นช้า ๆ

ในห้วงมิติจำลอง กลับปรากฏกลิ่นอายปราณกระบี่ที่ดุร้ายเกรี้ยวกราด คมกริบยิ่ง ราวกับสามารถตัดผ่านทุกสิ่งในโลกนี้ได้ หรือราวกับสามารถทำลายได้อย่างน่าสะพรึงกลัว

"[พลังอิทธิฤทธิ์หนึ่งกระบี่ทลายโลกา]!!"

ชายชราพึมพำเบา ๆ

เมื่อน้ำเสียงที่แห้งกราน และทุ้มต่ำราวกับมาจากก้นบึ้งของเขาดังขึ้น

กระบี่ไม้ในมือก็เริ่มขยับ

ฟาดลงข้างหน้าเบา ๆ

พลังงานก็พลันกระจายออกไปด้วยการฟาดครั้งนั้น

"ระบบเกิดข้อผิดพลาดหรือไม่?"

ในตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในชั่วขณะต่อมา

กำแพงมิติของห้วงมิติจำลองนี้

ก็ราวกับกระจกที่แตกละเอียด ค่อย ๆ แตกร้าวออก

และหลังจากกำแพงมิติแตกสลายลง

ความมืดมิดที่ดำทะมึน สามารถกลืนกินทุกสิ่งในโลกนี้ได้

ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลัวจิ่วเกอ

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้

ล้วนทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างยิ่ง

"นี่คือพลังอิทธิฤทธิ์ระดับเทพขั้นสูงสุดเช่นนั้นหรือ?"

"พลังอิทธิฤทธิ์นี้ กลับมีพลังทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้เลยหรือ??"

หลังจากกลับมาจากห้วงมิติจำลองสู่โลกแห่งความเป็นจริง

หลัวจิ่วเกอ พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ไท่ชือ

ในตอนนี้ สีหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย

ในห้วงจิตใจ เต็มไปด้วยภาพเมื่อครู่นี้

"ที่แท้......"

"นี่ก็คือ [พลังอิทธิฤทธิ์หนึ่งกระบี่ทลายโลกา] เช่นนั้นหรือ?"

"ข้าดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างแล้ว!!"

บนเก้าอี้ไท่ชือ

หลัวจิ่วเกอครุ่นคิดอยู่สักพัก

ก่อนหน้านี้ เขาไม่สามารถก้าวข้ามธรณีประตูของพลังอิทธิฤทธิ์นี้ได้

นั่นก็เพราะเขาไม่อาจค้นหาความรู้สึกนั้นได้

แต่วันนี้ เขาจับความรู้สึกนั้นได้แล้ว ความรู้มากมายเกี่ยวกับพลังอิทธิฤทธิ์นี้ก็พลันผุดขึ้นในห้วงจิตใจของเขา

......

เมื่อเวลาผ่านไป

ฟ้ามืดลงมาแล้ว

บนท้องฟ้า พระจันทร์เสี้ยวดวงใหญ่ลอยสูงอยู่

อุณหภูมิโดยรอบก็ลดต่ำลงไม่น้อยเมื่อดวงอาทิตย์หายลับไป

ที่อาณาเขตตระกูลหลัว ลานโบราณที่ปกคลุมด้วยกลิ่นอายโบราณบางแห่ง

หลัวจิ่วเกอผู้นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นดิน

ในตอนนี้ ค่อย ๆ ลืมดวงตาสีดำขลับ ลึกล้ำ ดุจดวงดาวทั่วฟ้า แวววาวตระการตา และดุจเหวลึกไร้ก้นบึ้ง จนทำให้ผู้คนรู้สึกไม่อยู่สุขในใจขึ้นมา

"ฟู่ว......"

"ในที่สุดก็หยั่งรู้ระดับเริ่มต้นแล้วรึ?"

หลังถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง

เมื่อรับรู้ถึงพลังอันดุดัน คมกริบ และทำลายล้างทั้งฟ้าดินได้ในร่างกายของตน

เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ

ใบหน้าค่อย ๆ ผุดรอยยิ้มขึ้นมา

"วันนี้ได้ผลสำเร็จมากโข!"

"หลัวเหิง หนุ่มน้อยผู้นั้นก็หนักแน่นมั่นคงขึ้น"

"ส่วนข้า ก็หยั่งรู้ระดับเริ่มต้นของพลังอิทธิฤทธิ์ทลายโลกานี้อย่างแท้จริง"

"พลังอำนาจเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่าเลยทีเดียว"

"ไม่เลว ไม่เลวเลยจริง ๆ!!"

5 4 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด