ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 40 หยั่งรู้
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 40 หยั่งรู้
ด้วยเช่นนี้เอง
หลังจากผู้อาวุโสที่สามแห่งนิกายหมื่นอัคคี ฟู่ฟาง โคจรวิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุด [ร่างเปลวไฟ] ออกมา
ทั้งร่างก็กลายเป็นเปลวไฟในชั่วพริบตา พุ่งทะยานไปทางดินแดนเต๋าอนันต์ด้วยความเร็วปานสายฟ้า
ส่วนประมุขนิกายคนปัจจุบันแห่งนิกายหมื่นอัคคี หนานกงเหอ หลังทราบเรื่องนี้
ก็บอกว่าตนไม่สนใจ
สำนักตะวันหาญเช่นนั้นหรือ?
นั่นเป็นเพียง 1 ใน 100 กว่าสำนักสาขาของนิกายหมื่นอัคคี จะถูกทำลายไปหรือไม่ เขาไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร
ดินแดนเต๋าอนันต์เช่นนั้นหรือ?
นั่นเป็นเพียงดินแดนเต๋าขนาดเล็กในมณฑลตงหวงเท่านั้น
ทรัพยากรบำเพ็ญเพียรอ่อนแอมาก
ในสถานที่นั้น ผู้บำเพ็ญเพียรที่มีฐานพลังสูงที่สุด คาดว่าคงอยู่ที่ขอบเขตพิสูจน์เต๋า ซึ่งเป็นเพียงขอบเขตที่ 3 ใน 7 ขอบเขตเซียน
ส่วนผู้อาวุโสที่สามแห่งนิกายหมื่นอัคคี ฟู่ฟาง
มีฐานพลังอยู่ที่ขอบเขตกระจ่างแจ้ง 4 สวรรค์ ในเจ็ดขอบเขตเซียน
ฐานพลังเช่นนี้ ไปยังดินแดนเต๋าอนันต์ก็นับเป็นผู้ไร้เทียมทาน
เช่นนี้แล้ว หนานกงเหอยังจำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรอีก?
ส่วนสิ่งที่หนานกงเหอเสียดายอยู่บ้าง
ก็คืออัจฉริยะผู้นั้น
ได้ยินว่า เมื่อ 50 ปีก่อน สำนักตะวันหาญพบอัจฉริยะหนึ่ง เพียงใช้เวลา 50 ปี ก็ก้าวกระโดดจากมนุษย์ธรรมดา กลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรในขอบเขตกึ่งทารกเซียน
ตามประสบการณ์ของหนานกงเหอมาคาดเดา
[อัจฉริยะเช่นนี้] + [การฝึกฝนจากยอดอาจารย์] + [ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก] = [เสาหลักนิกายหมื่นอัคคี (ขั้นต่ำในขอบเขตที่ 5 ใน 7ขอบเขตเซียน!)]
แต่เมื่อสำนักตะวันหาญถูกทำลาย
อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์วิเศษก็สูญหายไป
อาจจะล่วงลับไปพร้อมกับสำนักตะวันหาญ
ทำให้หนานกงเหอรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง
อย่างไรเสีย อัจฉริยะเช่นนี้แม้แต่ในนิกายหมื่นอัคคีเอง
ก็นับเป็นสิ่งมีค่ายากจะหามาได้
"เฮ้อ......"
"หวังว่าฟู่ฟางจะจัดการเรื่องนี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี"
"ส่วนสำนักตะวันหาญจะถูกทำลายไปหรือไม่ ข้าไม่สนใจ"
"แต่นิกายหมื่นอัคคีเราในฐานะ 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำแห่งมณฑลตงหวง ถูกตบหน้าเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ!!"
หลังถอนหายใจ
จ้าวสำนักคนปัจจุบันแห่งนิกายหมื่นอัคคี หนานกงเหอ ก็เดินกลับไปยังตำหนักส่วนตัวของตนอย่างเชื่องช้า
นิกายหมื่นอัคคีในฐานะ1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำแห่งมณฑลตงหวง
ยึดครองดินแดนเต๋ามากถึงห้าสิบกว่าแห่ง
มีเรื่องราวมากมายต้องให้เขาจัดการด้วยตนเอง
ดังนั้น ในฐานะประมุขนิกายคนปัจจุบันของนิกายหมื่นอัคคี เขาจึงไม่มีเวลาว่างมากพอจะสบายใจได้
......
เมื่อเทียบกับนิกายหมื่นอัคคีอันยิ่งใหญ่ดุจพญามังกรแล้ว
ตระกูลหลัว
ต่อหน้านิกายหมื่นอัคคี
กลับดูเล็กน้อยไปเสียหน่อย
อาณาเขตตระกูลหลัว
ในลานแห่งหนึ่งที่ปกคลุมด้วยกลิ่นอายอันโบราณ
หลัวจิ่วเกอ กำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไท่ชือ
หลับตาทั้งสองข้าง
วางมือไว้ที่ข้างเก้าอี้ไท่ชือ
เอนร่างกายเบาๆ
ดูเหมือนกำลังหลับ
แต่ความจริงกลับเป็นว่า
ในตอนนี้ จิตตระหนักรู้ของหลัวจิ่วเกอกำลังศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับตราประทับในจิตใจของตน
ส่วนตราประทับนั้นก็คือพลังอิทธิฤทธิ์ [หนึ่งกระบี่ทลายโลกา] ที่เขาได้ซื้อมาจากระบบสินค้าลดราคาโดยบังเอิญเมื่อไม่นานมานี้
ตามคำแนะนำของระบบ พลังอิทธิฤทธิ์นี้มีระดับเทพขั้นสูงสุด
หากตระหนักรู้ได้จนหมดสิ้น ก็จะมีพลังที่สามารถทำลายโลกได้ด้วยกระบี่เดียว
แม้หลัวจิ่วเกอจะรู้ว่าการตระหนักรู้พลังอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดนั้น
แทบไม่มีความเป็นไปได้เลย
แต่หากสามารถหยั่งรู้พื้นฐานของพลังอิทธิฤทธิ์ได้ สมรรถภาพของเขา ก็น่าจะได้รับการยกระดับอย่างมหาศาลกระมัง?
......
ด้วยความคิดนี้
หลัวจิ่วเกอจึงใช้เวลาส่วนหนึ่งในแต่ละวันไปกับการศึกษาเรียนรู้พลังอิทธิฤทธิ์ดังกล่าว
แต่แม้จะมีตราประทับพลังอิทธิฤทธิ์อยู่ในจิตใจ
เขาก็ยากจะหยั่งรู้อย่างแท้จริง
หรือแม้แต่การปลดปล่อยออกมา
อย่างไรก็ตาม วันนี้ดูเหมือนจะมีความแตกต่างอยู่บ้าง
ห้วงสมุทรจิตตระหนักรู้
ในห้วงมิติจำลองบางแห่ง
ครั้งนี้ หลัวจิ่วเกอผนวกร่างเข้ากับชายชราผู้หนึ่งที่ถือกระบี่ไม้
ชายชรามีรูปร่างผอมแห้ง ใบหน้าขรุขระ
แม้แต่ร่างกายยังค่อมลงเล็กน้อย ดูเหมือนราวกับเหลือเวลาชีวิตอีกไม่นานแล้ว
แต่ก็เป็นชายชราผู้นี้
หลังจากยกกระบี่ไม้ในมือขึ้นช้า ๆ
ในห้วงมิติจำลอง กลับปรากฏกลิ่นอายปราณกระบี่ที่ดุร้ายเกรี้ยวกราด คมกริบยิ่ง ราวกับสามารถตัดผ่านทุกสิ่งในโลกนี้ได้ หรือราวกับสามารถทำลายได้อย่างน่าสะพรึงกลัว
"[พลังอิทธิฤทธิ์หนึ่งกระบี่ทลายโลกา]!!"
ชายชราพึมพำเบา ๆ
เมื่อน้ำเสียงที่แห้งกราน และทุ้มต่ำราวกับมาจากก้นบึ้งของเขาดังขึ้น
กระบี่ไม้ในมือก็เริ่มขยับ
ฟาดลงข้างหน้าเบา ๆ
พลังงานก็พลันกระจายออกไปด้วยการฟาดครั้งนั้น
"ระบบเกิดข้อผิดพลาดหรือไม่?"
ในตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในชั่วขณะต่อมา
กำแพงมิติของห้วงมิติจำลองนี้
ก็ราวกับกระจกที่แตกละเอียด ค่อย ๆ แตกร้าวออก
และหลังจากกำแพงมิติแตกสลายลง
ความมืดมิดที่ดำทะมึน สามารถกลืนกินทุกสิ่งในโลกนี้ได้
ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลัวจิ่วเกอ
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้
ล้วนทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างยิ่ง
"นี่คือพลังอิทธิฤทธิ์ระดับเทพขั้นสูงสุดเช่นนั้นหรือ?"
"พลังอิทธิฤทธิ์นี้ กลับมีพลังทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้เลยหรือ??"
หลังจากกลับมาจากห้วงมิติจำลองสู่โลกแห่งความเป็นจริง
หลัวจิ่วเกอ พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ไท่ชือ
ในตอนนี้ สีหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย
ในห้วงจิตใจ เต็มไปด้วยภาพเมื่อครู่นี้
"ที่แท้......"
"นี่ก็คือ [พลังอิทธิฤทธิ์หนึ่งกระบี่ทลายโลกา] เช่นนั้นหรือ?"
"ข้าดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างแล้ว!!"
บนเก้าอี้ไท่ชือ
หลัวจิ่วเกอครุ่นคิดอยู่สักพัก
ก่อนหน้านี้ เขาไม่สามารถก้าวข้ามธรณีประตูของพลังอิทธิฤทธิ์นี้ได้
นั่นก็เพราะเขาไม่อาจค้นหาความรู้สึกนั้นได้
แต่วันนี้ เขาจับความรู้สึกนั้นได้แล้ว ความรู้มากมายเกี่ยวกับพลังอิทธิฤทธิ์นี้ก็พลันผุดขึ้นในห้วงจิตใจของเขา
......
เมื่อเวลาผ่านไป
ฟ้ามืดลงมาแล้ว
บนท้องฟ้า พระจันทร์เสี้ยวดวงใหญ่ลอยสูงอยู่
อุณหภูมิโดยรอบก็ลดต่ำลงไม่น้อยเมื่อดวงอาทิตย์หายลับไป
ที่อาณาเขตตระกูลหลัว ลานโบราณที่ปกคลุมด้วยกลิ่นอายโบราณบางแห่ง
หลัวจิ่วเกอผู้นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นดิน
ในตอนนี้ ค่อย ๆ ลืมดวงตาสีดำขลับ ลึกล้ำ ดุจดวงดาวทั่วฟ้า แวววาวตระการตา และดุจเหวลึกไร้ก้นบึ้ง จนทำให้ผู้คนรู้สึกไม่อยู่สุขในใจขึ้นมา
"ฟู่ว......"
"ในที่สุดก็หยั่งรู้ระดับเริ่มต้นแล้วรึ?"
หลังถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง
เมื่อรับรู้ถึงพลังอันดุดัน คมกริบ และทำลายล้างทั้งฟ้าดินได้ในร่างกายของตน
เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ
ใบหน้าค่อย ๆ ผุดรอยยิ้มขึ้นมา
"วันนี้ได้ผลสำเร็จมากโข!"
"หลัวเหิง หนุ่มน้อยผู้นั้นก็หนักแน่นมั่นคงขึ้น"
"ส่วนข้า ก็หยั่งรู้ระดับเริ่มต้นของพลังอิทธิฤทธิ์ทลายโลกานี้อย่างแท้จริง"
"พลังอำนาจเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่าเลยทีเดียว"
"ไม่เลว ไม่เลวเลยจริง ๆ!!"