ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 39 ฟู่ฟาง
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 39 ฟู่ฟาง
ที่อาณาเขตตระกูลหลัว
ภายในห้องทำงานส่วนตัวของจ้าวตระกูล
หลัวเหิงหยิบกระดาษขาวแผ่นหนึ่งขึ้นมา เขียนคำว่า "เมตตา" สองคำใหญ่โตลงไปบนกระดาษ
จากนั้นก็นำกระดาษแผ่นนี้
ติดไว้บนผนัง
ทั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อให้ตนมีความเมตตามากขึ้นในใจ แต่เป็นเพื่อใช้คำสองคำนี้เตือนใจตนเอง
ว่าหากต้องการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ดีขึ้น
จำเป็นต้องทิ้งความเมตตาที่เกินพอดีและไร้ประโยชน์ในใจทิ้งไป
......
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องราวเหล่านี้
หลัวเหิงก็กลับมานั่งที่โต๊ะ
เริ่มจัดการงานที่เพิ่มเข้ามาจากการยึดครองดินแดนอีกครั้งหลังจากสงคราม
ส่วนในลานที่มีกลิ่นอายโบราณแห่งหนึ่ง
หลัวจิ่วเกอ ยังคงนั่งเงียบ ๆ อยู่ใต้ซุ้มหินเช่นเดิม
มือกุมชากระจ่างเต๋าไว้หนึ่งถ้วย
หรี่ตาเล็กน้อยด้วยสีหน้าสงบ
จิบชากระจ่างเต๋าเป็นระยะ ๆ
และเหม่อมองไปที่ไกล ๆ
ในตอนนี้
นอกจากตัวหลัวจิ่วเกอเอง
ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องใดอยู่กันแน่
......
ณ มณฑลตงหวง ดินแดนเต๋าหมื่นอัคคี
เนื่องจากนิกายหมื่นอัคคี 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำขนาดใหญ่แห่งมณฑลตงหวง ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ดังนั้น ดินแดนเต๋าแห่งนี้จึงนับเป็นดินแดนเต๋าขนาดใหญ่ในมณฑลตงหวง
และเพราะนิกายหมื่นอัคคีมีสมรรถภาพที่แข็งแกร่งยิ่ง
ดังนั้นจึงไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรคนใดตาบอดกล้าที่จะก่อกวนในสถานที่แห่งนี้
"ผู้อาวุโสที่สาม"
"สำนักตะวันหาญ ขาดการติดต่อจากพวกเราแล้ว"
ณ ดินแดนเต๋าหมื่นอัคคี นิกายหมื่นอัคคี
ด้านนอกตำหนักแห่งหนึ่ง
มีศิษย์หลักนิกายหมื่นอัคคีผู้หนึ่ง สวมเสื้อคลุมเต๋าของนิกายหมื่นอัคคี
สีหน้าดูเร่งรีบอยู่บ้าง
เร่งดันประตูใหญ่ของตำหนักออก
กล่าวกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีเทาที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น สีหน้าสงบเงียบ ทั้งร่างล้วนรายล้อมด้วยอำนาจกดดันน่าสยดสยองอย่างร้อนใจ
"ขาดการติดต่อ?"
"เกิดอะไรขึ้น?"
ได้ยินเสียงเรียก
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ ทั้งกายแผ่อุณหภูมิร้อนสูงราวกับสามารถเผาทะลุตำหนักได้ ค่อย ๆ ลืมดวงตาอันลึกล้ำขึ้น
เขาขมวดคิ้วและเอ่ยถาม
ส่วนศิษย์หลักของนิกายหมื่นอัคคีที่สวมชุดเสื้อคลุมนิกายหมื่นอัคคีที่มีสีหน้าเร่งร้อน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
ก็จัดเรียงถ้อยคำของตน
เริ่มอธิบาย
"ช่วงก่อนหน้านี้ บรรพบุรุษสูงสุดสำนักตะวันหาญส่งสาส์นมากล่าว เขาพบอัจฉริยะไร้ใดเปรียบ
ผู้หนึ่ง"
"เพียงภายใน 50 ปี บุคคลผู้นั้นก็สามารถก้าวกระโดดจากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรในขอบเขตกึ่งทารกเซียน"
"แถมยังบอกว่าในอีกหนึ่งสัปดาห์ จะส่งตัวคนผู้นั้นมาให้พวกเรา"
"แต่ว่า......"
"ตอนนี้ เวลาได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว"
"กลับไม่เห็นคนของสำนักตะวันหาญเลย"
"ข้าสงสัยว่า สำนักตะวันหาญอาจถูกขุมอำนาจบางแห่งบุกโจมตี"
"ถึงขั้นถูกทำลายไปแล้ว"
......
เสียงของศิษย์หลักนิกายหมื่นอัคคีค่อย ๆ ก้องกังวานอยู่ภายในตำหนักนี้
ส่วนในตำหนักนั้น
ร่างที่สวมเสื้อคลุมสีเทา สีหน้าเคยสงบนิ่ง อย่างผู้อาวุโสที่สาม - ฟู่ฟาง
ในตอนนี้ พลังความร้อนแรงบนร่างของเขากลับรุนแรงขึ้นมาอีกหลายส่วน
"ถูกทำลายไปแล้วเช่นนั้นหรือ?"
ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากศิษย์นิกายหมื่นอัคคีตรงหน้า
ฟู่ฟางอดหัวเราะเย็นชาออกมาไม่ได้
"สำนักตะวันหาญ เป็นสำนักสาขาของนิกายหมื่นอัคคีเรา"
"ส่งมอบสายเลือดใหม่ให้นิกายหมื่นอัคคีเรา"
"หากแข่งขันกันอย่างยุติธรรม เราไม่ขัดข้อง"
"แต่นี่คือการทำลายนิกายหมื่นอัคคีโดยตรง......"
"เช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?"
"หรือว่า เกือบหมื่นปีมานี้ นิกายหมื่นอัคคีเรามีความเมตตาเกินไป จนทำให้ผู้คนคิดว่านิกายหมื่นอัคคีเรารังแกง่ายเช่นนั้นหรือ?"
......
ฟู่ฟางมีตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสที่สามแห่งนิกายหมื่นอัคคี
ฐานพลังอยู่ที่ขอบเขตกระจ่างแจ้ง 4 สวรรค์ ซึ่งเป็นขอบเขตที่ 4 ใน 7 ขอบเขตเซียน
(เจ็ดขอบเขตเซียน: ทารกเซียน, กายาเต๋า, พิสูจน์เต๋า, กระจ่างแจ้ง, ตระหนักรู้, สันติ, อมตะ!)
เขาได้รับมอบหมายจากประมุขสำนักคนปัจจุบันของนิกายหมื่นอัคคี ให้ทำหน้าที่บ่มเพาะศิษย์รุ่นเยาว์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้นิกายหมื่นอัคคี
จึงกล่าวได้ว่า เขาเป็นผู้อาวุโสที่ทำงานหนักที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมด
สำนักตะวันหาญ ซึ่งเป็นสำนักสาขาของนิกายหมื่นอัคคี ได้แจ้งข้อมูล
ว่าพวกเขาอัจฉริยะผู้หนึ่ง
ภายใน 50 ปี จากมนุษย์ธรรมดา บำเพ็ญเพียรจนถึงขอบเขตกึ่งทารกเซียน
หากนำความเร็วนี้มาตัดสิน
ฟู่ฟางมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าหากเด็กน้อยผู้นี้บากบั่นจริงจัง บวกกับมียอดอาจราย์ช่วยฝึกฝน
อัจฉริยะผู้นั้นจะมีศักยภาพที่จะทะลวงถึงขอบเขตที่ 5 หรือแม้แต่ 6 ใน 7 ขอบเขตเซียน
กลายเป็นหน้าตา เป็นเสาหลักของนิกายหมื่นอัคคี
ดังนั้น สำหรับอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์วิเศษเช่นนี้ ที่กำลังจะส่งตัวมาเข้าร่วมนิกายหมื่นอัคคี
ฟู่ฟางจึงให้ความสนใจอย่างยิ่ง
แต่ใครจะคิดว่า
ยังไม่ทันได้ส่งตัวมาโดยสำนักตะวันหาญ
กลับมีข่าวร้ายส่งมา
สำนักตะวันหาญ......
ขาดการติดต่อแล้ว
น่าจะถูกทำลาย
ส่วนอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์วิเศษนั้นอาจพลอยร่วงหล่นไปด้วย
ข่าวนี้ทำให้ความโกรธเกรี้ยวที่ลุกโชนยากจะดับในใจของฟู่ฟางพุ่งขึ้นฉับพลัน
เพราะสำนักตะวันหาญเช่นนั้นหรือ?
สำหรับฟู่ฟางหรือแม้แต่นิกายหมื่นอัคคี สำนักสาขาอย่างสำนักตะวันหาญจะมีหรือไม่มี ก็ย่อมไม่สำคัญ
แต่การมี หรือไม่มี ไม่ได้หมายความว่าหากสำนักตะวันหาญถูกกำจัด
นิกายหมื่นอัคคีจะไม่สนใจ
อย่างไรเสีย สำนักตะวันหาญก็เป็นสำนักสาขาของนิกายหมื่นอัคคี
นับว่าเป็นหน้าตาของนิกายหมื่นอัคคี
แต่ตอนนี้ สำนักตะวันหาญกลับถูกทำลายไปโดยตรง
เท่ากับใบหน้าของนิกายหมื่นอัคคีโดนตบจนชา
หากไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี
นิกายหมื่นอัคคีจะไม่กลายเป็นตัวตลกในมณฑลตงหวงหรือ?
นิกายหมื่นอัคคีเองก็เป็น 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำของมณฑลตงหวง
ต้องรักษาอำนาจบารมีของขุมอำนาจชั้นนำไว้ให้ได้
......
"เจ้าไปบอกประมุขนิกาย"
"บอกว่าข้า ฟู่ฟาง จะไปดินแดนเต๋าอนันต์สักหน่อย"
"หากเร็ว ภายใน 3 วันข้าก็จะกลับมา"
"หากช้า......"
"อย่างช้าที่สุดก็จะกลับมาภายในครึ่งเดือน"
ฟู่ฟางกล่าวจบ
ไม่แม้แต่จะให้โอกาสศิษย์นิกายหมื่นอัคคีตอบโต้
ก็ปลดปล่อยวิชาลับระดับเซียนขั้นสูงสุดของนิกายหมื่นอัคคีในทันที นั่นก็คือ [ร่างเปลวไฟ]
ในชั่วพริบตา ร่างกายก็กลายเป็นเปลวไฟอันร้อนแรง
พุ่งทะยานไปยังทิศทางของดินแดนเต๋าอนันต์
ส่วนศิษย์นิกายหมื่นอัคคียืนอยู่นอกตำหนัก
ในตอนนี้ พลันรู้สึกอ่อนใจอยู่บ้าง
“เฮ้อ”
เขาผู้เป็นศิษย์นิกายหมื่นอัคคี
มีตำแหน่งสูงส่งยิ่งในนิกายหมื่นอัคคี
ตอนนี้ กลับกลายเป็นคนส่งข่าวเสียได้
ส่วนผู้อาวุโสที่สามไปยังดินแดนเต๋าอนันต์จะมีอันตรายหรือไม่นั้น?
ศิษย์นิกายหมื่นอัคคีผู้นั้นไม่เป็นห่วงแม้แต่น้อย
ต้องรู้ไว้ว่า ผู้อาวุโสที่สาม ฟู่ฟางนั้นเป็นยอดฝีมือในขอบเขตกระจ่างแจ้ง
ผู้บำเพ็ญเพียรในระดับนี้ ไปยังดินแดนเต๋าเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อเสียง เช่นนั้นจะมีอันตรายได้อย่างไรกัน?