บทที่ 61 ไม่น่าแปลกใจเลยที่วันนี้แตกต่างออกไป!
"อะไรนะ?!"
คำเอ่ยของ กงชิงหยู ทำให้ กงชิงชาง และตู้โหยวโหรว ตื่นขึ้นมา
กษัตริย์และไท่จื่อที่ถูกทุบตีในอาณาจักรเทียนซิง ก็คือพี่ชายและหลานชายของตู้โหยวโหรว
ไม่เพียงแต่ตู้โหยวโหรวเท่านั้น แต่กงชิงชางก็เผยความโกรธเกรี้ยวออกมาทันที
“เป่ยเสวียนเทียน โหรวหยิง เจ้ากล้าหาญมาก!”
กงชิงชางก็ปล่อยตู้โหยวโหรวแล้วก็ลุกขึ้นยืน.
ฐานฝึกฝนอาณาจักรจักรพรรดิที่น่าสะพรึงกลัวของเขาแผ่แรงกดดันที่น่าเกรงขามออกมา จนทำให้ห้วงมิติสั่นเป็นระลอกคลื่น แม้แต่อากาศในรัศมีสิบลี้ก็ยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง.
ตู้โหยวโหรว ได้บอกกงชิงชางเกี่ยวกับตู้จุนหมิง ไท่จื่ออาณาจักรเทียนซิง และอู๋ซือหยู ไท่จื่ออาณาจักรคังเยว่ไปก่อนแล้ว
ด้วยเหตุนี้กงชิงซ่างจึงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร.
เขาต้องการใช้โอกาสนี้ ให้ประเทศเทียนซิงกังขังอู๋ซือหยูไว้สักสองสามวันเพื่อตบหน้าเป่ยเสวียนเทียน.
คาดไม่ถึง.
ก่อนที่เขาจะสั่งให้ปล่อยอู๋ซือหยู โหรวหยิงก็ได้นำคนบุกมายังอาณาจักรเทียนซิงทำลายพ่อตาของเขาแล้ว.
ดวงตาของกงซิงหยูมืดมน: "เสด็จพ่อ ถ้าโหรวหยิงไม่ได้รับคำสั่งจากตงหวงจื่อโหยว นางย่อมไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองขนาดนี้!"
"ฮึ!" เจตนาสังหาร ในดวงตาของกงชิงชางพุ่งสูงขึ้น
“แน่นอน มันเป็นความคิดของตงหวงจื่อโหยวแน่!”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าได้กล้าเสียจริง ๆ นางไม่คิดไว้หน้าตงหยวนเทียนเลย?”
กงชิงหยูเอ่ยถาม “ท่านเสด็จพ่อ พวกเราควรทำอย่างไรต่อไป?”
โดยไม่รอให้ กงชิงซ่าง ตอบ ตู้โหยวโหรวก็ร้องไห้กระซิก ๆ เอ่ยออกมาว่า:
“ฝ่าบาท ตงหวงจื่อโหยวช่างโอหังมาก นางบุกเข้ามายังอาณาจักรเทียนซิง เท่ากับตบหน้าพระองค์ด้วย!”
“ท่านคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งตงหยวนเทียนที่โดดเด่นที่สุดในดินแดนอมตะเก้าสวรรค์ จะให้สตรีนางนี้ดูแคลนได้อย่างไร!”
กงชิงชางกำหมัดแน่น: "แน่นอน! การแก้แค้นนี้ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!"
“ฝ่าบาท จดหมายจากเป่ยเสวียนเทียน!”
ทันใดนั้น รัฐมนตรีคนหนึ่งเร่งรีบเข้ามา พร้อมจดหมายที่ติดขอบด้วยทองคำเปลวอยู่ในมือ
ขอบของทองคำที่เปล่งประกาย และยังมีผนึกสีแดงรูปน้ำแข็งลึกล้ำอยู่รอบ ๆ.
กงชิงชางเหลือบมองมันและขมวดคิ้ว: "นี่คือจดหมายที่เขียนด้วยลายมือจากตงหวงจื่อโหยว!"
เขาจำได้ว่าผนึกนั้นเป็นผนึกหยกจักรพรรดินิ ตงหวงจื่อโหยว
กงชิงชาง ใช้พลังวิญญาณเพื่อละลายน้ำแข็งลึกลับบนพื้นผิวซองจดหมายทันที
จากนั้นอักขระตัวใหญ่และทรงพลังก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา.
ต้องการสู้ก็มา!
ไม่เพียงแค่กงชิงชางเท่านั้น กระทั่งกงชิงหยูและตู้โหยวโหรวก็ตกใจกับคำพูดดังกล่าว.
ตงหวงจื่อโหยวที่กำลังท้าทายด้วยคำพูดที่รุนแรง.
แทบจะไม่ต่างจากการประกาศสงคราม.
หากพวกเขายังไม่จบ เป่ยเสวียนเทียนก็จะเคลื่อนทัพเพื่อต่อสู้กับตงหยวนเทียน.
“ช่างเป็นสตรีที่โอหังยิ่งนัก!”
พวกเขาทั้งสามที่เอ่ยออกมาพร้อมกัน.
“ตงหวงจื่อโหยว หญิงม่ายผู้นี้ดูเหมือนว่าพร้อมจะสู้กับท่านแล้ว!”
หลังจากตกใจในช่วงระยะสั้น ๆ กงชิงชาง ก็แสดงเจตนาสังหารของเขาออกมา
พลังปราณแท้ของเขาที่ปะทะออกมาพร้อมกับบดขยี้จดหมายดังกล่าวให้เป็นผง.
หวึ่ง!
ทันใดนั้นแสงสีดำลึกลับก็ผุดออกมาจากผงฝุ่นจดหมาย
หลังจากที่กงชิงชางและกงชิงหยู ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ.
“ปราณปีศาจ!”
“ตงหวงจื่อโหยวมีปราณปิศาจได้อย่างไรกัน!”
กงชิงชางเข้าใจอย่างถ่องแท้
ตงหวงจื่อโหยว ปิดผนึกปราณปิศาจเอาไว้ในจดหมายฉบับนี้.
เป็นการบอกว่า นางไม่เพียงแค่ฝึกฝนวิถีเซียนเท่านั้น แต่ยังฝึกฝนวิถีปิศาจอีกด้วย.
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่สมัยโบราณ วิถีเซียนและวิถีปีศาจ นั้นไม่อาจเข้ากันได้
ไม่ว่าจะมีความสามารถเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนวิถีปิศาจร่วมกับวิถีเซียน.
อย่างไรก็ตามปราณปิศาจที่ผสานกับกลิ่นอายของน้ำแข็งลึกลับของตงหวงจื่อโหยวได้อย่างกลมกลืน.
เห็นชัดเจนว่านางคือผู้ฝึกตนเซียนปิศาจ.
“หากให้คาดเดาเป็นไปได้ว่าหญิงม่ายนี่จะต้องได้รับทักษะบ่มเพาะปิศาจจากอาณาจักรหมื่นปิศาจมา!”
“นางส่งจดหมายฉบับนี้มาเพื่อเผยความสามารถข่มขู่”
“เผยว่าว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ ช่างกล้าหาญจริง ๆ!”
กงชิงชางเผยรอยยิ้มอันน่ากลัว
กงชิงหยูพบว่ายิ่งสตรีที่เขาเคยชื่นชมมีความสามารถเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น จากการถูกนางปฏิเสธครั้งนั้น.
“เสด็จพ่อ เราควรทำอย่างไรตอนนี้?”
ทันใดนั้น กงชิงชางที่ระเบิดเสียงหัวเราะ และเอ่ยออกมาว่า“นับตั้งแต่ตงหวงจื่อโหยวขึ้นครองราชย์ หญิงม่ายนางนั้นก็ถูกกำหนดให้เป็นศัตรูของพวกเราแล้ว.”
“เนื่องจากนางเผยว่าตัวเองเป็นเซียนปิศาจ เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางฝึกฝนมากกว่านี้.”
“ข้าสามารถรอคอยหญิงม่ายนั่นได้!”
แน่นอนว่าเขาเองก็มีวิชาลับต้องห้ามเช่นกัน.
วิชากลืนเทพ!
ทักษะที่สามารถกลืนกินฐานบ่มเพาะของคู่ต่อสู้ได้!
ตงหวงจื่อโหยว ผู้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ หากได้รับเวลาสักหน่อย พลังบ่มเพาะจะยิ่งน่าสะพรึงกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ทำให้ดินแดนอมตะเก้าสวรรค์ตื่นตะลึง!
แต่สุดท้ายแล้ว...
หากกงซิงชาง สามารถกลืนกินฐานบ่มเพาะของตงหวงจื่อโหยวได้ เขาก็จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนอมตะเก้าสวรรค์เพียงคนเดียวในทันทีเช่นเดียวกัน.
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะสามารถผนวกเป่ยเสวียนเทียนเข้ากับตงหยวนเทียน แม้แต่ดินแดนอมตะเก้าสวรรค์อื่น ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา!
กงชิงชางที่บอกกับตัวเองตลอด เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เขาสามารถที่จะมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปได้.
อดทนเก็บความโกรธนี้เพื่อวันที่สวยงาม.
เมื่อไหร่ที่“ศาสตร์เวทกลืนสวรรค์” ของเขาสำเร็จ เขาก็จะใช้หนานเสวียนเทียนพันธมิตรของเขาเพื่อยึดครองเป่ยเสวียนเทียนก่อน.
จากนั้นก็ค่อย ๆ ยึดครองดินแดนอื่น ๆ ในดินแดนอมตะเก้าสวรรค์ไปทีละแห่ง.
“ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อจะมีแผนการที่จะจัดการกับตงหวงจื่อโหยวแล้ว!”
กงชิงหยู ไม่โง่พอที่จะคิดว่าจักรพรรดิผู้เป็นบิดาของเขา กำลังหวาดกลัวตงหวงจื่อโหยวอยู่อย่างแน่นอน.
เขาสามารถสรุปได้ในใจ บิดาของเขากำลังวางแผนการใหญ่เอาไว้อยู่.
กงชิงชางที่เผยยิ้มอย่างอหังการและยกนิ้วขึ้น“อย่างมากสุดหนึ่งปีหลังจากนี้ หญิงม่ายนั่นจะต้องมาคุกเข่าต่อหน้าเจ้า ที่กล้าปฏิเสธเจ้าไป!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น จะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม”ดวงตาของกงชิงหยูที่สว่างขึ้นมา.
เมื่อคิดถึงฉากที่ตงหวงจื่อโหยว กำลังคุกเข่าต่อหน้าเขา โลหิตของเขาก็เดือดพล่านแล้ว
-
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น.
เมฆาล่องลอยผ่าน พุ่งทะยานฟุ้งเกล็ดน้ำแข็ง หิมะขาวโพลนแรง สะท้อนแสงราวกับแดนสวรรค์.
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดเริ่มต้นมียอดเขาทั้งหมด 100,000 ยอด
ภายในรัศมี 5,000 ลี้จากยอดเขาหลักไท่จู่ ก็ยังมียอดเขารองทั้งหมด 19 ยอดเขา.
ยอดเขารองทั้ง 19 แห่งนั้นเป็นสถานที่พำนักของเหล่าอาวุโสที่ได้รับความเคารพนับถือที่สุดในประวัติศาสตร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดด้วยเช่นกัน.
ซึ่งมันแทบจะเป็นการแสดงสถานะอันสูงส่งที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดเริ่มต้น.
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อตั้งขึ้นเมื่อล้านปีก่อน และมีสาวกที่แท้จริงเพียงสิบคนเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่บนยอดเขารองได้
หลินโหลวเฟย พี่ใหญ่คนโตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดเริ่มต้นในปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในนั้น.
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามายังห้องนอนของหลินโหรวเฟย ทำให้รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาดูพิเศษประณีตไร้ฝุ่นจับ.
“แม่น้ำรั่วสามพันลี้ เพียงหนึ่งจอกดับก็กระหาย”
[弱水三千,只取一瓢饮 (แม่น้ำรั่วสามพันลี้ เพียงหนึ่งจอกดับก็กระหาย) แปลว่า ต่อให้คนบนโลกนี้มีมากมายแค่ไหน ข้าก็จะขอรักแค่เจ้าเพียงคนเดียว]
“โหยวชิง วันนี้ข้าจะให้เจ้าเข้าใจหัวใจของข้า!”
หลังจากล้างหน้าทำความสะอาด หลินโหรวเฟยก็สวมชุดคลุมสีขาว แต่งตัวอย่างประณีต
เขาที่นั่งลงบนโต๊ะและเริ่มเขียนจดหมายอย่างตั้งใจ โดยใช้ประโยชน์จากโอกาสในปัจจุบันที่ มู่โหยวชิงจะมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดเริ่มต้น เพื่อรับการประเมินแดนกระบี่ จากนั้นก็ส่งจดหมายมอบให้กับนาง.
และแน่นอนว่าเนื้อหาของจดหมาย ย่อมเป็นคำสารภาพความรู้สึกของเขาต่อมู่โหยวชิง
นับตั้งแต่ มู่โหยวชิง มาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดเริ่มต้น ครั้งนั้นตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เขาก็หมกมุ่นอยู่กับมุ่โหยวชิงมาตลอด.
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้เห็น มู่โหยวชิง เติบโตจากเด็กสาวเป็นเทพธิดารูปร่างผอมเพรียวประณีต ก็ยิ่งทำให้หลินโหลวเฟย รู้สึกหัวใจสั่นไหวมากยิ่งขึ้น.
หลินโหลวเฟย ศิษย์ที่แท้จริงที่โดดเด่นที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดเริ่มต้น.
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่เขาใส่ใจก็คือ มู่โหยวชิงเพียงคนเดียว
หลังจากที่พับจดหมายอย่างระมัดระวัง และเก็บไว้ในแขนเสื้อ หลินโหลวเฟยก็เปิดประตูห้องก้าวออกไป.
วันนี้รู้สึกเงียบมาก หลินโหลวเฟยขมวดคิ้ว ด้วยความประหลาดใจ.
“ปรกติตอนเช้าตรู่ในวันธรรมดา ก็มักจะมีศิษย์พี่สาว ศิษย์น้องสาว ต่างก็ชอบมาเรียกชื่อของเขาที่เชิงเขา วันนี้ทำไมดูเงียบจัง”
หลินโหลวเฟยที่แอบส่ายหน้าไปมา.
ในเวลาเดียวกันเขาก็เห็นศิษย์น้องชายของเขา หวังเถิงเร่งรีบขึ้นเขามาและเอ่ยอย่างกระตือรือร้น“ศิษย์พี่อาวุโส วันนี้ตี้ฟู่แห่งเป่ยเสวียนเทียนได้มาที่นี่แล้ว!”
"ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด สาวกทั้งหมด 300,000 คนล้วนแต่ไปเข้าพบกับตี้ฟู่แล้ว ท่านเองก็ควรจะรีบไปเช่นกัน!"
ทันใดนั้นหลินโหลวเฟยก็เข้าใจในทันที เป็นเพราะการมาของตี้ฟู่นี่เอง ไม่แปลกใจทำไมวันนี้ดูแตกต่างออกไป.