บทที่ 60 (ฟรี)
บทที่ 60
หลายคนเริ่มตัวสั่น กลุ่มที่ไม่มีออร่าแรงกล้าเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“คนพวกนี้ .... ดูจริงจังกันมาก!”
“ฉันได้ยินมาว่ามีคนเก่งๆมาสมัครเยอะมาก ทั้งปริญญาเอกและปริญญาโท!”
“กระทั่งตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดก็ยังมีคนจบปริญญาเอกมาสมัครแย่งตำแหน่งนี้กัน!”
“แค่ยืนข้างพวกเขาฉันก็รู้สึกด้อยค่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
“นี่พวกเรายังมีโอกาสอยู่ไหมเนี่ย?”
“หรือพวกเรา ... ควรถอนตัวดี?”
....
ณ ขณะนี้ ประตูถูกผลักเปิดออก มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
และผู้นำของคนกลุ่มนี้คือหลินเป่ยฝานซึ่งเผยรอยยิ้มแย้ม “ยินดีต้อนรับผู้มีความสามารถทุกคนที่จะสมัครตำแหน่งในบริษัทของเรา! ผมหลินเป่ยฝาน รองประธานบริษัทหลินอินเวสเมนท์จะรับผิดชอบในการสัมภาษณ์งานครั้งนี้ ถ้าคุณได้รับเลือกเข้าบริษัทเรา ขอบอกได้เลยว่ายังไงก็มีอนาคตสดใสเอาล่ะ เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลา การสัมภาษณ์จะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”
หลินเป่ยฝานนั่งลงบนเบาะตำแหน่งประธาน เริ่มเปิดเรซูเม่ดู
“คนแรกซูลี่!”
“ฉันเองค่ะ!”
ผู้หญิงที่ดูธรรมดาคนหนึ่งยกมือขึ้น
“กรุณาออกมาข้างหน้าและเริ่มแนะนำตัวเองสักสองนาที!”
“ค่ะรองประธานหลิน!”
ซูลี่เริ่มพูดว่า “ฉันชื่อซูลี่ อายุ 33 ปี จบเอกบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยเจี้นเฉียวหลังจากสำเร็จการศึกษา ฉันทำงานที่หนานซานอินเวสเมนท์แบ็งค์เป็นเวลาสามปี ผลงานของฉันมีคร่าวๆดังนี้ ...”
บลา บลา บลา อีกฝ่ายพูดยาวเป็นหางว่าว
มีคำศัพท์ทางวิชาการมากมายจนหลายคนไม่สามารถตีความให้เข้าใจได้ชัดเจน
ในที่สุดอีกฝ่ายก็สรุป
“ฉันเลือกบริษัทนี้เพราะเชื่อว่าตำแหน่งที่สมัครสามารถช่วยให้ฉันตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต! และฉันหวังว่ารองประธานหลินกับทุกคนที่นี่จะให้โอกาสฉันได้พิสูจน์ตัวเอง!”
หลินเป่ยฝานปรบมือและกล่าวว่า “ยอดเยี่ยม! พูดได้ดีมาก ผมซาบซึ้งในความมั่นใจและทัศนคติที่ดีของคุณ และขอชื่นชมความสามารถกับประวัติการทำงานของคุณ บริษัทของเราต้องการคนที่มีความสามารถเช่นคุณ!”
ซูลี่เชิดหน้ายืดอกขึ้น ก่อนหันไปมองผู้สมัครคนอื่นๆเป็นเชิงคำถาม : เป็นยังไงเล่า ฉันเจ๋งใช่ไหม? พวกนายทำได้เหมือนกันรึเปล่า??
“แต่คุณเลือกสมัครงานในตำแหน่งแผนกต้อนรับของบริษัทเรา ผมไม่เข้าใจว่างานนี้ช่วยให้คุณตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตได้ยังไง? ไหนลองอธิบายให้ผมฟังที” หลินเป่ยฝานถามอย่างไม่เชื่อหู
หลิวรู่เหมยที่นั่งอยู่ข้างๆ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ซูลี่ “...”
ทุกคนมองหลิวรู่เหมยพร้อมกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูลี่ที่แสดงออกชัดถึงความไม่พอใจ
หลิวรู่เหมยกลั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันขอโทษ! ฉันเพิ่งคิดเรื่องตลกในหัวมันเลยกลั้นหัวเราะไม่ไหว พวกคุณไม่ต้องสนใจฉัน สัมภาษณ์ต่อเลย!”
หลินเป่ยฝานกระซิบเตือนว่า “อย่าหัวเราะ ฉันกำลังสัมภาษณ์อยู่ จริงจังนะ!”
หลิวรู่เหมยพอได้ยินก็กลั้นไม่ไหวอีกต่อไป “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ...”
ซูลี่ “....”
ทุกคน “...”
หลินเป่ยฝานหันมาสัมภาษณ์ต่อ กล่าวด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “คุณซูไม่ต้องสนใจเธอ ใส่ใจแค่ตอบคำถามผมก็พอ”
“เหตุผลที่ฉันเลือกมาเป็นแผนกต้อนรับก็เพราะฉันเหนื่อยกับงานเดิม เลยอยากเปลี่ยนวิธีการทำงานและพักผ่อนสักหน่อย ได้ยินมาว่ารองประธานหลินเป็นคนมีคุณธรรม ตราบใดที่เป็นคนมีพรสวรรค์ คุณก็ยินดีให้ความสำคัญ ฉันจึงมาอยู่ที่นี่”
คู่ควรแล้วที่ซูลี่จบจากมหาลัยอันทรงเกียรติ สมองของเธอแล่นปร๋อ สามารถพลิกแพลงและหาเหตุผลมายกอ้างได้แทบจะในทันที
หลังจากถามคำถามอีกสองข้อ หลินเป่ยฝานก็ก้มหัวแล้วพูดว่า “ผมขอโทษ คุณไม่ตรงตามมาตรฐานการจ้างงานของบริษัทของเรา!”
อีกฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมรับ “ทำไมถึงไม่ตรง?”
“เพราะเรากำลังรับสมัครพนักงานต้อนรับ! แผนกต้อนรับคือตัวแทนของหน้าตาบริษัท และการศึกษาไม่ใช่สิ่งสำคัญ ภาพลักษณ์ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด! คุณอายุเลยเลข 3 แล้ว ไม่เด็กพอที่จะเป็นไปตามมาตรฐานแผนกต้อนรับของเรา!”
ซูหลี่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วถ่ายรูปตัวเองด้วยท่าทีสับสน “ดูนี่! ในรูปฉันยังเด็กและสวยมาก!”
หลินเป่ยฝานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ช่วยปิดโหมดบิวตี้ (ความงาม) ก่อน!”
ซูลี่ “....”
ซูลี่วางโทรศัพท์ของเธอลงอย่างเงียบๆ
“เอาล่ะๆ ทางเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันกับคุณในอนาคต แต่ตอนนี้เชิญเก็บเรซูเม่ของคุณแล้วเปิดทางให้คนต่อไป หลินเป่ยฝานยื่นเรซูเม่ด้วยรอยยิ้ม
ซูลี่รับเรซูเม่ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งกลับมา
หลินเป่ยฝานงง “คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
ซูลี่พูดด้วยความขุ่นเคือง “คุณบอกว่าฉันไม่เด็กพอใช่ไหม? งั้นฉันขอเปลี่ยนตำแหน่งสมัครงาน! ฉันจะสมัครตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด ดูสิว่าคุณจะยังไม่รับอีกไหม!”
หลินเป่ยฝาน “....”
จากนั้นหลินเป่ยฝานก็สัมภาษณ์ผู้สมัครคนต่อไป
“สวัสดีรองประธานหลิน ผมชื่อหวังหยิงเทียน อายุ 28 ปี จบเอกภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยฟูตั๋น! จากนั้นไปเรียนต่อปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ดสองปี พอเรียนจบผมก็ไปทำงานให้กับทางบริษัทเพนกวิ้นกรุ๊ปเป็นเวลาสองปี นอกจากนี้ยังมีงานแปลจากต่างประเทศ ฯลฯ ...”
บลา บลา บลา ประวัติการทำงานของคนๆนี้ก็ดีมากไม่แพ้คนแรกเลย
หลินเป่ยฝานพยักหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ “แต่เรากำลังรับสมัครแผนกต้อนรับ คุณเป็นผู้ชาย มันไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ ส่งเรซูเม่ผิดรึเปล่า?”
“ผมไม่ได้ส่งเรซูเม่ผิด แต่ผมคิดว่าถ้าได้ทำงานตำแหน่งนี้ ผมจะได้เปรียบกว่าคนอื่นมาก”
“ช่วยเล่ารายระเอียดมากกว่านี้ที”
หวังหยิงเทียนเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ
“ประการแรก วิชาเอกของผมคือภาษาอังกฤษ จากนั้นผมก็ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทักษะสองภาษาของผมสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว และการสื่อสารก็ราบรื่น! ซึ่งบริษัทหลินมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพัฒนาตั้งแต่แรกเห็น ผมเชื่อว่าสุดท้ายบริษัทจะไปถึงระดับโลก ดังนั้นความสามารถของผมจึงเหมาะสมกับความต้องการของบริษัทมาก!”
“ประการที่สอง ผมเป็นผู้ชาย ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบทางเพศที่ยอดเยี่ยม! เพราะผมไม่ท้องหรือต้องแบ่งเวลาไปเลี้ยงลูก ผมสามารถทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับงานได้! อีกอย่างงานอะไรที่ผู้หญิงทำ ผมก็ทำได้ และไม่มีบ่นว่าเหนื่อย!”
“ประการที่สาม ตอนนี้หลายคนเบื่อหน่ายแผนกต้อนรับที่มีแต่สาวๆแล้ว! ถ้าคุณจ้างผม ผมยินดีมอบความสดใหม่ให้แก่ทุกคนเวลาพบหน้า และทำให้พวกเขาเห็นถึงความเป็นมืออาชีพของบริษัทเรา!”
“ประการที่สี่ ภาพลักษณ์และนิสัยที่ดี! ผมสูง 1.78 เมตร แต่หนักไม่ถึง 140 ปอนด์! ใส่เสื้อผ้าแบบเปิดอกก็เท่ เวลาเดินตามถนนมีแต่คนทักสุดหล่อ~ จนผมเกือบกลายเป็นคนหลงตัวเองไปแล้ว”
หลินเป่ยฝาน “....”
“จากที่กล่าวมาข้างต้น ผมจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตำแหน่งแผนกต้อนรับของบริษัทหลินอินเวสเมนท์!”
หวังหยิงเทียนกวาดมองไปทั่ว เหลือบมองทุกอย่างด้วยหางตาอย่างภาคภูมิใจ
คิดแย่งตำแหน่งพนักงานต้อนรับกับฉัน ไปตื่นจากฝันก่อนเถอะ!
หลินเป่ยฝานปรบมือและอุทานว่า “พูดได้ดี!”
หวังหยิงเทียนรู้สึกปิติยินดีอย่างยิ่ง
“แต่คุณตกรอบ!”
จิตใจของหวังหยิงเทียนทรุดลงทันที ถึงกับต้องเอ่ยถาม “ได้ไงกัน?”
หลินเป่ยฝานชี้ไปที่ตัวเอง “ผมเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?”
“แน่นอนรองประธานหลินเป็นผู้ชาย!”
“แล้วผู้นำบริษัทส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย!”
“ถูกตัอง!” หลินเป่ยฝานตบต้นขาตัวเองแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเขาเป็นผู้ชาย คุณคิดว่าเราควรเลือกแผนกต้อนรับเป็นสาวสวยที่คุยสนุกเป็นกันเอง หรือเลือกผู้ชายที่มั่นหน้ามาต้อนรับคนอื่นๆดี?”
หวังหยิงเทียน “....”
“คุณยังไม่เข้าใจความคิดของระดับผู้นำด้วยซ้ำ ดังนั้นความฉลาดทางอารมณ์จึงไม่ผ่าน!”
หวังหยิงเทียน “....”
“แต่เรื่องนั้นไม่เท่าไหร่ ประเด็นคือทำไมคุณถึงคิดว่าตัวเองหล่อ! ไอ้พวกที่เรียกคุณสุดหล่อนี่ใช่แม่ค้าแผงลอยที่อยากให้คุณหันมาช่วยซื้อของรึเปล่า?”
หวังหยิงเทียน “....”
หลินเป่ยฝานส่ายหัวและถอนหายใจ “คุณเป็นคนไม่มีความฉลาดทางอารมณ์ และไม่สำเหนียกในตัวเอง! นั่นเป็นเหตุผลที่เราจะไม่ให้งานสำคัญเช่นแผนกต้อนรับแก่คุณ ดังนั้นโปรดกลับไป!”
หวังหยิงเทียนยกมือขึ้นกุมหัวใจที่รวดร้าว รับเอาเรซูเม่ตัวเองกลับมาอย่างเงียบๆ แต่ซักพักก็ส่งคืนมา
หลินเป่ยฝานสับสนและพูดว่า “คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“ในเมื่อผมสมัครตำแหน่งพนักงานต้อนรับไม่ได้ งั้นก็ขอสมัครตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด! ตำแหน่งนี้ไม่น่าจะใส่ใจเรื่องความฉลาดทางอารมณ์กับความสำเหนียกตนเอง ถูกไหม?”
หลินเป่ยฝาน “....”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หวังหยิงเทียนก็เสริมว่า “แล้วในแง่เรื่องเพศ ตำแหน่งนี้ไม่น่ามีข้อกำหนด ถูกไหม?”
หลินเป่ยฝาน “....”