บทที่ 58 พลังอยู่ที่ไหน?
สามล้านลี้ทางเหนือของประเทศไจ่เยว่.
ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำสีดำไร้ก้นบึ้ง เป็นสถานที่ตั้งของนิกายยูกุย.
ณ ขณะนี้.
ภายในถ้ำลับของนิกายยูกุยที่มีโลหิตส่องประกายแสงระยิบระยับ.
ริ้วแสงโลหิตที่เหมือนกับอสรพิษนับร้อยที่รวมตัวกันบนอากาศ
และคนที่ควบคุมพวกมันอยู่นั้นก็คือ เจ้าลี่เหวินซึ่งเป็นผู้นิกายยูกุย.
ปัง
ทันใดนั้น แสงสีโลหิตดวงแรกก็ดับลง
เจ้าลี่เหวินขมวดคิ้วไปมา“ภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ถูกสังหารไปตนหนึ่งรึ?”
เส้นแสงสีโลหิตก็คือสัญญาโลหิตที่ลงนามกับภูตเกราะทองสัมฤทธิ์นั่นเอง.
ไม่ว่าภูตเกราะทองสัมฤทธิ์จะอยู่ไกลแค่ไหน เขาก็สามารถควบคุมพวกมันได้ด้วยแสงโลหิตนี้.
เมื่อแสงโลหิตถูกตัดการเชื่อมต่อ หมายความว่าภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ถูกทำลายไปแล้ว
จากนั้นเจ้าลี่เหวินก็ขมวดคิ้วและเผยยิ้มอย่างเย็นชา: "ภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ข้ามีหลายร้อยตน ตายไปตนหนึ่งแล้วอย่างไร"
เขาคาดเดาว่า ประเทศไจ่เยว่จะต้องจ่ายไปด้วยราคามหาศาลเพื่อทำลายภูตเกราะทองสัมฤทธิ์
ไม่เช่นนั้นก็ไม่ควรที่จะทำลายภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ได้เพียงร่างเดียว
หลังจากรออยู่นานเหมือนกัน เขาก็พบว่าไม่มีภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ถูกทำลายอีก.
สิ่งนี้ยังยืนยันการคาดเดาของเขาได้.
ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป.
ปัง
แสงโลหิตดวงที่สองถูกตัดการเชื่อมต่อ
เจ้าลี่เหวินส่ายหน้าไปมา พร้อมกับหัวเราะเยาะ“ใช้เวลานานขนาดนั้นในการกำจัดหนึ่งร่าง เจ้าหงเหยา เจ้าไม่คู่ควรเป็นกษัตริย์!”
เมื่อคิดถึงความโกรธเกรี้ยวของเจ้าหงเหยา ที่เผชิญหน้ากับภูตเกราะทองสัมฤทธิ์แล้ว เจ้าลี่เหวินก็รู้สึกสดชื่นอย่างอธิบายไม่ได้.
“ข้าต้องการเห็นจริง ๆ อีกนานเท่าไหร่ที่เจ้าจะสามารถสังหารภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ตนที่สามได้!”
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง...
หลังจากที่เจ้าลี่เหวินเอ่ยจบ แสงโลหิตในมือของเขาก็พังทลายลงอย่างบ้าคลั่ง
เพียงหนึ่งไม่ถึงสองลมหายใจ แสงโลหิตทั้งหมดก็ว่างเปล่า.
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ทำไมภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ของข้าถึงถูกทำลายในพริบตา?!”
เจ้าลี่เหวินที่ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ท่าทางหวาดผวา เผยแววตาทำอะไรไม่ถูก.
เขาสัมผัสได้เล็กน้อย เจ้าหงเหยาคงได้เชิญยอดฝีมือไร้คู่เปรียบมาหรือไม่?!
เพราะแม้แต่เขาที่เป็นเจ้านิกายยูกุย ขอบเขตจ้าววิญญาณขั้นสูงสุด ก็ไม่สามารถกำจัดภูตเกราะทองสัมฤทธิ์หลายร้อยตนในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้.
“คนที่ลงมือ จะต้องมีพลังบ่มเพาะที่น่าพรั่นพรึงอย่างแน่นอน หรืออาจจะเป็นผู้ฝึกฝนภูตผีกัน!”
เจ้าลี่เหวินที่ทำการคาดเดา.
ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน.
ในเวลานั้น เงาร่างสีดำก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าของเขา.
คนในชุดคลุมดำที่ปกปิดร่างกายจนมองไม่เห็นกระทั่งใบหน้าเอ่ยออกมาว่า.
“เจ้านิกาย พวกเราพบว่ามีเมฆขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสายฟ้ามากมายจนน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นเหนือเมืองเผิง ,เมื่อสักครู่นี้”
"สันนิษฐานว่าภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ของพวกเราถูกทำลายโดยเมฆสายฟ้านี้ไปแล้ว!"
“นี่มันกฎสายฟ้า!”เจ้าลี่เหวิน ที่เผยแววตาหวาดกลัว“ใครที่สามารถปล่อยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้กัน?”
เงาร่างสีดำ,เหยียนจิน เอ่ย“เรียนเจ้านิกาย,เจ้าหงเหยาได้พบกับผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งแล้ว ทางที่ดีพวกเราควรจะโจมตีประเทศไจ่เยว่เลยดีกว่า.”
เจ้าหลี่เหวินกัดฟัน“เปิ่นจั้วรอคอยมานานเกินไปแล้วจริง ๆ เจ้าหงเหยาก็ครองราชย์เกินพอแล้วเช่นกัน เขาควรจะถูกถอดถอนออกจากบัลลังก์ไปนานแล้ว!”
เจ้าหลี่เหวินที่โกรธมากจนแทบอาเจียนออกมาเป็นโลหิต เมื่อเขาคิดว่าเขาต้องพ่ายแพ้ต่อเจ้าหงเหยา น้องชายคนเล็กที่ไร้ความสามารถแต่กับได้ครองบัลลังก์.
ในอดีต เขาล้มเหลวในการต่อสู้ชิงบัลลังก์ เขาจึงแสร้งตายเพื่อหนีจากการไล่ล่าของเจ้าหงเหยา ก่อนหนีมายังนิกายยูกุย.
โดยหวังว่าสักวันจะได้แก้แค้นเจ้าหงเหยา.
เขาที่ใช้วิธีการทุกอย่าง จนได้กลายเป็นผู้นำของนิกายยูกุย(เทพผี)แห่งนี้.
สิ่งที่เขาคิด.
ด้วยภูตเกราะทองสัมฤทธิ์มากกว่าหนึ่งร้อยตนที่ได้ขัดเกลาด้วยตัวเอง และเหล่าภูตผีที่สนับสนุนเขา จะสามารถยึดเมืองเผิงได้ และนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะขยายออกไปยึดครองเมืองต่าง ๆ ของประเทศไจ่เยว่ได้อย่างรวดเร็ว.
โดยไม่คาดคิด ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ของเขาทั้งหมดก็ถูกทำลายไป.
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ทำให้เจ้าหลี่เหวินประหลาดใจเป็นอย่างมาก.
แต่.
เจ้าหลี่เหวินที่เปลี่ยนจากคนที่ไม่มีคนรู้จักจนเป็นผู้นำนิกายยูกุยได้ในเวลาเพียงสิบสามปี เขาย่อมมีแผนการมากมายที่ผิดปรกติโดยธรรมชาติ.
เขาที่สงบใจลง ทำจิตใจให้มั่นคง จากนั้นก็หยิบก้อนเมฆแสงสีเขียวออกมา พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“หากทางสว่างไม่เพียงพอ พวกเราก็จะเข้าสู่ทางมืด”
“พิษซากศพก้อนนี้ ข้าเพิ่งสกัดมาจากศพปราชญ์”
“เมื่อสูดดมเข้าไป ก็จะกลายเป็นศพเดินได้ทันที!”
หลังจากเอ่ยจบ เขาก็โยนยาพิษศพให้หยานจิน
หยานจินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า "ผู้นำนิกายต้องการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปในพระราชวังเพื่อปล่อยยาพิษหรือไม่?"
เจ้าหลี่เหวิน พยักหน้า: "ใช่ เจ้าเป็นมีกายวิญญาณภูตตามธรรมชาติ ไม่มีใครสามารถพบเจ้าได้ เมื่อเจ้าปิดซ่อนปราณของตัวเองแล้ว เจ้าก็จะสามารถซ่อนตัวจากทุกคนได้ทั้งหมด.”
“ตามการเดาของข้า เจ้าหงเหยา จะต้องจัดงานเลี้ยงในพระราชวังคืนนี้อย่างแน่นอนเพื่อให้รางวัลแก่ผู้ที่ช่วยเหลือเขา เจ้าสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อแพร่กระจายยาพิษซากศพในพระราชวังได้”
หยานจินพยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำพูดดังกล่าว การเคลื่อนไหวที่ไร้ร่องรอยของเขา เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันได้.
“ระวังค่ายกลมังกรทองในวังหลวงด้วย!”เจ้าหลี่เหวินที่เอ่ยเตือนเขา.
พระราชวังประเทศไจ่เยว่นั้นได้รับการปกป้องโดยค่ายกลมังกรทองขนาดใหญ่อยู่นั่นเอง.
ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักร มันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่หยางบริสิทธิ์ ซึ่งเหล่าภูตผีและผู้ฝึกตนภูตก็ไม่กล้าเข้าไปง่าย ๆ.
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ฐานบ่มเพาะของเจ้าหลี่เหวินนั้นลึกล้ำมาก แต่กลับไม่กล้าบุกพระราชวังโดยตรง.
“ขอบคุณผู้นำนิกายสำหรับความกังวลของท่าน ผู้ใต้บังคับบัญชาจะดำเนินการตามภารกิจของพวกท่านให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน!” หยานจินกล่าวอย่างหนักแน่น
ร่างกายวิญญาณภูตของเขาได้รับการฝึกฝนจนถึงขอบเขตแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว และมันสามารถสลายตัว แตกออกเป็นชิ้น ๆ กระทั่งซ่อนพลังปราณวิญญาณได้อย่างมิดชิด.
เขามั่นใจว่าเขาสามารถแอบเข้าไปในพระราชวังไจ่เยว่ได้อย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่กระตุ้นค่ายกลมังกรทอง.
-
พระราชวังไจ่เยว่.
เจ้าหงเหยาที่เชิญหลินซวนและมู่โหยวชิงเข้าร่วมงานฉลองในพระราชวัง.
เพื่อแสดงความเคารพต่อ หลินซวน เขาได้เรียกขุนนางทั้งหมดของทุกเมืองมาเข้าร่วม.
ในช่วงเวลาหนึ่ง หลินซวนที่ต้องรับคำทักทายและการประจบของขุนนางจำนวนมากอย่างช่วยไม่ได้.
ต่อหน้าอีกฝ่าย เจ้าหงเหยาแทบไม่มีโอกาสแทรกตัวเขาไปอยู่ข้าง ๆ ได้เลย.
อย่างไรก็ตามเจ้าหงเหยาก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายนัก.
ต้องกล่าวว่า ตี้ฟู่คือจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน.
เพียงแค่อีกฝ่ายปรากฏตัว ก็ทำให้ประเทศไจ่เยว่รุ่งเรืองแล้ว.
การเชิญตี้ฟู่เข้าร่วมงานเลี้ยงได้ถือเป็นพรในชีวิตของเขาแล้ว.
สุราถูกเวียนดื่มหลายต่อหลายรอบ.
ทันใดนั้นคิ้วของหลินซวนก็ขมวด พลังจิตวิญญาณของเขาทีแผ่ออกไปปกคลุมทั้งพระราชวัง พบความผิดปรกติขึ้น.
“คิดแล้วว่าเจ้าต้องมา”หลินซวนที่เผยยิ้มด้วยท่าทางสนุก.
ภูตผีในเมืองเผิงถูกทำลายสิ้น เรื่องใหญ่เช่นนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังจะไม่ขยับได้อย่างไร.
เป็นความจริงว่าอีกฝ่าย คงอดใจไม่ไหวและแอบเข้ามาในวัง!
และในเวลาเดียวกัน
หยานจินพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อซ่อนกลิ่นอายของเขา และในที่สุดก็แอบเข้ามาในพระราชวังเงียบ ๆ ได้.
ขณะเงยหน้าขึ้นมองห้องโถงใหญ่ที่ส่องสว่าง มีกลิ่นหอมของสุราและอาหารฟุ้งไปทั่วอากาศ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา.
“เมื่อข้าปล่อยพิษศพ พวกเจ้าจะไม่สามารถหัวเราะได้อีกต่อไป”
เขาควบคุมลมหายใจของตัวเองอย่างระมัดระวังและเตรียมที่จะนำยาพิษศพสีเขียวออกมา
ฟู่!
ทันใดนั้นแสงสีทองก็สว่างวาบบนท้องฟ้าข้างหน้าเขา ราวกับเทพเจ้ายักษากำลังเสด็จลงมา
หยานจินรู้สึกว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ไพศาล อันน่าเกรงขามจากสมัยโบราณได้ล็อคร่างเขาเอาไว้ในทันที
เขาพบใบหน้าสีทองที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า.
หากแต่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของบุคคลผู้นี้ได้
แต่หยานจินรู้สึกได้ถึงความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจต้านทานได้
“โอ้วสวรรค์ ไม่ใช่ว่าเจ้าหงเหยาขอให้อมตะมาช่วยหรอกนะ!”
ทันใดนั้นหยานจินก็รู้สึกเสียใจที่บุกเข้ามาเช่นนี้
ก่อนที่เขาจะตอบสนอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในอากาศ: "กลายเป็นภูตผีนี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ"
ซูมมม!
ฝ่ามือทองคำขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นมาจากที่ไหนไม่รู้ คว้าหยานจิน และทำให้เขาแทบจมน้ำตายในความว่างเปล่า
หลังจากนั้นชั่วครู่
เมื่อหยานจินกลับมาได้สติ เขาก็ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ผูกมัดและนอนอยู่บนพื้นห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง
เมื่อมองขึ้นไป!บุรุษผู้หล่อเหลาคนหนึ่งก็อยู่ที่ด้านหน้าของเขาแล้ว.
นอกจากชายคนนั้นแล้ว ยังมีเด็กผู้หญิงสี่คนที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารักงดงามเหมือนกับตุ๊กตาเคลือบดินเผา.
“อายุน้อยกับทรงพลังมาก ยอดฝีมือผู้นี้มาจากไหนกัน?”
เมื่อหยานจินพบกับหลินซวน เขาก็เผยความหวาดกลัวขั้นสุด.