ตอนที่แล้วบทที่ 114 กริชของเผ่ามังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 116 ชีวิตแลกชีวิต!

บทที่ 115 เหตุโศกนาฏกรรม!


ค่ำคืนอันแสนยาวนานผ่านพ้นไปในที่สุด

แสงแดดยามเช้าตรู่ ลอดผ่านใบไม้หนาทึบลงมาตามผืนป่า พอให้มีแสงรำไรมองเห็นสิ่งต่างๆ โดยรอบ

ขณะที่หยางเสี่ยวเทียนยังคงนั่งหลับไหล ถูกแสงรำไรต้องกระทบผ่านเปลือกตา ชั่ววินั้น มันก็ทำให้เขารู้สึกประหนึ่งได้กลับไปยังโลกเดิมที่เคยจากมา

ไม่ช้า เสียงคำรามของสัตว์ร้ายจะสะท้านเข้าในหู ทำเขาต้องตื่นจากภวังค์กลับมาสู่ความเป็นจริง

เมื่อได้สติเต็มตื่น หยางเสี่ยวเทียนก็ยันกายลุกขึ้นยืนแล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อและกระดูก ก่อนเริ่มฝึกฝนมวยไทเก๊ก

ครั้นฝึกไปได้สักพักหนึ่งเขาก็หยุดลง พร้อมเตรียมตัวออกเดินทางต่อ

แม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนนับตั้งแต่วิญญาณยุทธ์ตื่นขึ้น แต่ช่วงหลังๆ มานี้ ร่างกายเขาก็ถือว่าโตและสูงขึ้นมาก

อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวจินก็หยุดบ่มเพาะ เพราะเห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนกำลังเตรียมตัวเดินทาง

ที่ผ่านมา เสี่ยวจินฝึกฝนเคล็ดวิชาอสูรสวรรค์ ทำให้เกร็ดของมันมีสีทองอร่ามมากขึ้นเรื่อยๆ

หยางเสี่ยวเทียนรับรู้มาโดยตลอด ว่าเสี่ยวจินกำลังเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งหลัวชิงก็รู้สึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน

ทั้งสามดื่มสุราชั้นดีกันคนละสองสามจอก พร้อมทำเนื้อหมีย่างที่เหลือจากเมื่อคืน หลังทานมื้อเช้าเสร็จสิ้น ไม่ช้า ก็พากันออกเดินทางไปทันที

เพลานี้ ก็ล่วงเลยไปอีกสองวัน

ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ถ้ำทัณฑ์สวรรค์มากเท่าไร ก็ยิ่งพบพานกับสัตว์อสูรที่ดุร้ายมากขึ้นเท่านั้น

คราใดที่ต้องประจันหน้ากับสัตว์อสูรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสี่ยวจินมักจะฟาดหางอันใหญ่โตของมันเสมอเพื่อเปิดทาง

ส่วนทางด้านหยางเสี่ยวเทียน ก็ถือโอกาสฝึกปรือเพลงกระบี่ไปด้วย

บางครั้งเป็นเพลงกระบี่ปีศาจ บ้างก็เพลงกระบี่ชางไห่ หรือไม่ก็เพลงกระบี่หลิงเสอ รวมกระทั่งเพลงกระบี่ตงเทียน

ซึ่งหลังผ่านไปถึงสองวัน ทักษะกระบี่หลักของหยางเสี่ยวเทียน ก็ก้าวหน้าขึ้นมิใช่น้อย

แต่ขณะที่ หยางเสี่ยวเทียนและคนอื่นๆ กำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือทิศทางด้านหน้า ที่ดูท่าไม่ไกลจากพวกเขามากนัก

ท่ามกลางเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ฟังดูคล้ายจะเป็นน้ำเสียงของเด็ก

“ไปดูกันเถอะ!” หยางเสี่ยวเทียน หลัวชิง และเสี่ยวจิน รีบรุดหน้าไปยังทิศทางของต้นเสียงทันที

ไม่นาน ทั้งสามก็มาถึงพื้นที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเสียงร้องอันน่าเวทนานั้น

ในสถานที่เกิดเหตุดังกล่าว พวกเขาเห็นสัตว์อสูรหลายตัว กำลังรายล้อมเข้าจู่โจมแลสังหารศิษย์จากสำนักเสินไห่กลุ่มหนึ่ง

หากมองตามพื้นโดยรอบ จะเห็นร่างไร้วิญญาณของศิษย์สำนักเสินไห่หลายคน นอนทอดกายกระจายเกลื่อนอยู่ตามพื้นป่า ช่างเป็นภาพอันน่าหดหู่ใจต่อผู้ได้มาพบเห็นยิ่งนัก

แม้หนึ่งเดือนที่ผ่านมา หยางเสี่ยวเทียนจะรู้สึกไม่ดีกับคนสำนักเสินไห่ ในวันประลองแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างศิษย์ใหม่ของสองสำนัก

แต่สำนักเสินเจี้ยนและสำนักเสินไห่ ต่างมีประวัติความสัมพันธ์ทางมิตรภาพที่ดีต่อกันมายาวนาน เมื่อหยางเสี่ยวเทียนเห็นสิ่งนี้ จึงไม่คิดลังเลเลยแม้แต่น้อย เขานำหลัวชิงพร้อมเสี่ยวจินออกลงมือช่วยเหลือทันที

และด้วยความร่วมมือของทั้งสาม สัตว์อสูรพวกนั้นก็ค่อยๆ ถูกจัดการลงอย่างเลือดเย็น แล้วกลายเป็นซากศพไปทีละตัว จนที่สุด พวกมันก็ถูกสังหารสิ้น

“หยางเสี่ยวเทียน!” เวลานั้นเอง ศิษย์จากสำนักเสินไห่ก็อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าผู้ที่มาช่วยเหลือพวกตนจะเป็นหยางเสี่ยวเทียน

ครั้นหยางเสี่ยวเทียนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเช่นนี้ จึงหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าผู้ที่อุทานออกมานั้นคือซูหลี่

แต่ซูหลี่กลับรีบหันหลังให้เขา แล้วแสร้งทำเป็นจำหยางเสี่ยวเทียนไม่ได้

พอหยางเสี่ยวเทียนเห็นว่าเป็นใคร เขาก็ไม่คาดหวังเช่นกัน ว่าหนึ่งในศิษย์จากสำนักเสินไห่ ที่เขาเพิ่งออกตัวช่วยเหลือในครั้งนี้ จะเป็นซูหลี่

ซึ่งขณะหยางเสี่ยวเทียนกำลังจะเอ่ยถามเขา จู่ๆ ก็เกิดเสียงพุ่งตัวผ่านอากาศดังขึ้น เมื่อหันไปมอง ก็พบว่าเป็นอาจารย์สองคนจากสำนักเสินไห่ ที่รีบท่องกระบี่เหินเข้ามา

ระหว่างที่อาจารย์ทั้งสองจากสำนักเสินไห่มาถึงจุดเกิดเหตุ แล้วได้เห็นร่างไร้วิญญาณของศิษย์สำนักตนหลายคนจากระยะไกล สีหน้าพวกเขาก็ผันเปลี่ยนไปบันดาลโทสะทันที

เพราะร่างหนึ่งในบรรดาศิษย์ที่เสียชีวิต คือร่างของบุตรชายขุนนางใหญ่แห่งอาณาจักรเสินไห่

เมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ กลับไป พวกเขาจะต้องถูกลงโทษประหารแน่นอน

“ใครบอกให้เจ้าออกจากกลุ่มใหญ่ไปโดยไม่ได้รับอนุญาต!” หลิวกัวตง ร้องตะโกนใส่ซูหลี่ด้วยเกรี้ยวโกรธจนหน้าแดง

หลิวกัวตง เป็นอาจารย์ผู้รับผิดชอบในการนำศิษย์จากสำนักเข้ามายังป่าพระจันทร์แดง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ฝึกปรือ

แต่ตอนนี้ ดันมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น แล้วเขาจะอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าสำนักฟังได้อย่างไรเมื่อกลับไปถึง

“อาจารย์หลิว เป็นเขา หยางเสี่ยวเทียน! ครั้งล่าสุดระหว่างการแลกเปลี่ยนศิษย์ใหม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจคิดขัดจังหวะการหยั่งรู้ศิลากระบี่เขา แต่ยังทำให้เขาไม่พอใจ เก็บความแค้นมาลงที่พวกเรา ถึงกับไล่ต้อนสัตว์อสูรโจมตี จนเกินเหตุโศกนาฏกรรมเช่นนี้” เวลานั้น จู่ๆ ซูหลี่ก็ชี้ไปยังหยางเสี่ยวเทียนแทนที่จะยอมรับผิดตรงๆ

“หากหยางเสี่ยวเทียนไม่ล่อสัตว์อสูรมาจู่โจมเรา เฟิงจ้าวและคนอื่นๆ ก็คงไม่ตาย!”

หยางเสี่ยวเทียนผู้ยืนนิ่งฟังจนจบ ถึงกับตะลึงหันจ้องมองไปยังซูหลี่ หลังจากได้ยินคำกล่าวให้ร้ายเช่นนั้น ทำนัยน์ตาเขาพลันมืดลงเปลี่ยนไปเยือกเย็นทันที

ปรากฏว่าสิ่งที่เขาทำ เป็นการไล่ต้อนสัตว์อสูรพวกนี้มาสังหารพวกเขา ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือทั้งซูหลี่พร้อมคนของเขา ให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวสัตว์อสูรพวกนี้หรอกหรือ

แม้หยางเสี่ยวเทียนจะรู้เหตุผล ว่าทำไมซูหลี่จึงใส่ร้ายตนให้ตกเป็นแพะรับบาปทั้งที่ไม่เป็นความจริง คงเพราะกลัวที่จะรับผิดชอบ ที่นำกลุ่มคนไม่กี่คนลอบออกจากกลุ่มใหญ่ ด้วยอยากโอ้อวดฝีมือความเก่งกาจตน ผู้เป็นถึงอัจฉริยะของสำนักเสินไห่

และที่สำคัญ ซูหลี่คงอยากกำจัดเขา โดยใช้พวกอาจารย์เหล่านี้คอยช่วยเหลือ

เป็นขว้างหินก้อนเดียว สังหารนกได้สองตัวเช่นนั้นสินะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด