บทที่ 114 กริชของเผ่ามังกร
อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากนัก เพราะพลังบำเพ็ญตบะพวกมันเทียบเท่าวิญญาจารย์ขั้นนักยุทธ์ทั่วไป
หยางเสี่ยวเทียนและหลัวชิง จึงไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำ เพียงแค่เสี่ยวจินใช้หางใหญ่ๆ ของมันตวัดไปมา ก็กวาดล่าพวกสัตว์อสูรเหล่านั้น กระเด็นไปไกล จนพวกมันถอยหนีหาย
พอสองคนและหนึ่งสัตว์ เยื้องย่างเข้าใกล้ส่วนที่ลึกขึ้น เพลาก็เริ่มพลบค่ำ ยิ่งมวลหมู่เมฆบดบังแสงจันทร์ ในนี้กลับยิ่งมืดมิดกว่าเดิมนัก
อีกทั้ง สัตว์อสูรแห่งป่าพระจันทร์แดงยามวิกาล พวกมันมักจะเริ่มปรากฏตัวมากขึ้น แม้ตอนย่ำค่ำ จะยังเป็นเพียงสัตว์อสูรตัวจิ๊บจ้อย แต่ครานี้ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์อสูรตัวใหญ่ ทั้งยังมีพิษร้ายกาจนัก
ครั้นจะเดินทางต่อไป คงต้องเสี่ยงอันตรายมิใช่น้อย ดังนั้น หยางเสี่ยวเทียนและหลัวชิงจึงมีแผนพักผ่อนคืนหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินทางต่อยังวันรุ่งขึ้น โดยเลือกพักแถวเชิงเขาแห่งหนึ่งในป่า ที่มั่นใจว่าปลอดภัยปราศจากอันตรายมากรายกล้ำ
ไม่ช้า ไฟก็ถูกก่อขึ้นสร้างแสงสว่าง ฉายร่างสองคนหนึ่งสัตว์นั่งอยู่ล้อมรอบกองไฟท่ามกลางป่าใหญ่อันมืดมิด ซึ่งรอบกายภายนอกอาณาบริเวณแสงสว่างจากไฟ มีเพียงเสียงร้องโหยหวนจากสัตว์ร้ายน้อยใหญ่ที่รอขย้ำ
หยางเสี่ยวเทียนและหลัวชิง ผู้กำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟพร้อมกับย่างเนื้อหมีที่พวกเขาเพิ่งฆ่าไประหว่างเดินทางก่อนหน้า
เนื้อที่พวกเขาย่างอยู่นั้น เป็นเนื้อของหมีขนาดใหญ่ ทุกชิ้นล้วนมีมันแทรก เมื่อย่างไปสักพักน้ำมันจากเนื้อจะไหลออกมา ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งเรียกความกระหายไปทั่ว
เสี่ยวจินที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้น แววตาลุกวาวทันที มันชมชอบเนื้อสัตว์เป็นที่สุด จับจ้องเนื้อหมีย่างไม่กระพริบตา เลียปากไปมาจนน้ำลายไหลเยิ้ม
“นั่นมันกลิ่นย่างเนื้อหมีไม่ใช่รึ ดูท่าคงจะอร่อยเป็นแน่!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงหยาบกร้าวของบุคคลส่วนเกิน ดังโผงผางมาจากข้างเชิงเขา พร้อมเสียงฝีเท้าจำนวนมากรุดหน้าเข้ามา
ไม่ถึงสิบลมหายใจ ก็มีกลุ่มคนวิ่งปราดเข้ามา ปรากฏอยู่เบื้องหน้าหยางเสี่ยวเทียนและหลัวชิงทันที
พวกมันมีไม่ต่ำกว่าสิบคนเห็นจะได้ อีกทั้งแต่ละคนยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ที่ท่าทางฝีมือแลความแข็งแกร่งคงจะไม่เลว และต้องไม่ใช่โจรร้ายธรรมดาทั่วไปแน่
“พวกมันเป็นคนจากพรรคดาบโลหิต” หลัวชิงหันมาบอกกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียน ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้า ขณะที่มือยังคงย่างเนื้อต่อไปอย่างใจเย็น
เนื่องจาก เขาเคยได้ยินเรื่องราวของพรรคดาบโลหิตมาบ้าง พวกมันเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่ตั้งค่ายอยู่ในอาณาจักรเสินไห่
อาจเรียกได้ว่า คล้ายกับหมู่บ้านเฮยเฟิงที่เขาทำลายไปก่อนหน้านี้ แต่พรรคดาบโลหิตนั้นกลับมีฝีมือร้ายกาจกว่ามาก พวกมันเป็นนักฆ่ารับจ้าง เชี่ยวชาญทั้งลอบสังหารและปล้นสะดม เป็นกลุ่มคนที่ชั่วร้ายเลยทีเดียว
คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลอันตราย คราที่พวกมันมาถึง หยางเสี่ยวเทียนและหลัวชิงก็รับรู้ถึงกลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงของพวกมันทันที
เมื่อพวกพรรคดาบโลหิตย่างเข้ามาใกล้จนเห็นใบหน้า พวกมันก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนนั้นเป็นเพียงเด็ก ไฉนเด็กอายุเพียงแปดหรือเก้าขวบ กลับกล้าเข้ามายังป่าพระจันทร์แดงแห่งนี้
“พวกเจ้าดูสิ มีเด็กอยู่ในนี้ด้วย ไอ้หนู เจ้ามาที่ป่าพระจันทร์แดงเพื่อล่าสัตว์อสูรกระนั้นหรือ” ชายหัวโล้น ผู้เป็นหนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก
ก่อนที่มันจะเผยยิ้มเยาะแล้วเอ่ยปรามาสหยางเสี่ยวเทียน “เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเจ้า หากเจอสัตว์อสูรขึ้นมา เกรงว่าจะกลัวจนฉี่ราดกางเกงเลยกระมัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
กลุ่มคนจากพรรคดาบโลหิต ต่างระเบิดเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ครั้นได้ยินวาจาดูถูกเหยียดหยามหยางเสี่ยวเทียนเช่นนั้น ใบหน้าของหลัวชิงก็พลันมืดลง เมื่อผู้เป็นนายถูกดูหมิ่น เขาผู้ติดตามจะทนนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร
“ตอนนี้นับว่ายังไม่สาย ที่พวกเจ้าจะมีโอกาสได้หนี” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะมือยังหมุนเนื้อย่างไปเรื่อยๆ
พวกคนในพรรคดาบโลหิตต่างสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยตรงหน้า จะกล่าววาจาอวดดีเช่นนี้
ชายหัวโล้นหัวเราะเสียงดังพลางกล่าวว่า “ฮ่า ฮ่า เจ้าเด็กเหลือขอ ตัวเล็กแค่นี้กลับปากดียิ่งนัก ข้าอยากจะรู้นัก ว่าหากข้าไม่ไป แล้วเจ้าจะทำไม จะลงมือกับข้าผู้นี้กระนั้นหรือ ฮ่า ฮ่า”
จากนั้นมันก็ชี้นิ้วไปหาหลัวชิงแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อลุงของเจ้าอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็ให้เขาเป็นพยาน ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ทุบตีข้า หากเจ้าสามารถทำได้ล่ะก็ ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
ทันทีที่สิ้นเสียง หยางเสี่ยวเทียนผู้นั่งอยู่ข้างกองไฟ ก็ไม่รอช้า เขายกมือขึ้นแล้วชกหมัดออกไปอย่างกระทันหัน จนพวกคนในนั้นแทบไม่ทันตั้งตัว
ทันใดนั้น ก็ปรากฏภาพธรรมของหมัดขนาดใหญ่ พร้อมกับมีมังกรนับสิบตัวพุ่งออกมาจากเบื้องหลังของหยางเสี่ยวเทียน ผสานรวมเข้ากับหมัด ทะยานเข้าหาชายหัวโล้นตรงหน้าทันที
กลิ่นอายของปราณหมัดขนาดใหญ่ สร้างแรงกดดันมหาศาล ทั้งยังผสานกับเสียงคำรามของมังกรนับสิบตัว ยิ่งเสริมให้มันกลายเป็นหมัดที่หน้าพรั่นพรึงยิ่งนัก
บูม!
ผนึกหมัดขนาดใหญ่ กระแทกเข้ากลางหน้าอกที่เสื้อเปิดอยู่ของชายหัวโล้นอย่างเต็มแรง
จนชายหัวล้านถูกซัดร่างปลิวไปข้างหลังราวกับว่าวที่ขาดเชือก ปะทะชนกำแพงเขาด้านหลังเสียงดังสนั่น พื้นผนังพลันแตกร้าวราวกับไยแมงมุมขนาดใหญ่ ทั้งเศษหินดินทรายฟุ้งกระจายไปทั่ว
ทันทีที่มันเปิดปาก ก็พ่นเลือดคำใหญ่พุ่งออกมาอย่างน่าสมเพช
พวกมันทั้งหมดจากพรรคดาบโลหิต ต่างเบิกตาโปนตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยผู้นี้จะมีพิษสงร้ายกาจถึงเพียงนี้
คราชายหัวโล้นได้สติ มันก็เอามือกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ขณะถลึงตามองหยางเสี่ยวเทียนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและตกใจ
“ฆ่ามันซะ!” ชายหัวโล้นร้องคำรามด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว พลางชี้นิ้วไปหาเด็กน้อยเบื้องหน้า
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กลุ่มคนจากพรรคดาบโลหิตกำลังปรี่จะลงมือ หลัวชิงก็ได้เคลื่อนไหว เหินขึ้นไปเหนือพวกมันพร้อมฟันดาบเล่มใหญ่ในมือเขาโถมลงมา หาคนเบื้องล่างก่อนทันที
ปราณดาบสีครามเป็นเส้นคมหลายสิบ ฟันสูงลงมายังหัวของพวกมันทุกคนในพรรคดาบโลหิต
เลือดสาดกระเซ็นไปในอากาศอย่างน่าสยดสยอง
บรรดาคนจากพรรคดาบโลหิตยืนอยู่ที่นั่น ต่างร่วงโรยล้มลงทีละคน จนเหลือเพียงชายหัวโล้นเท่านั้น
ครั้นได้เห็นหนึ่งร่างที่ยังมีลมหายใจ หลัวชิงจึงสืบเท้าเข้าหาอย่างแช่มช้า ง้างดาบเล่มใหญ่ในมือขึ้นสูง แล้วเหวี่ยงสะบั้นแยกศีรษะโล้นของชายผู้นั้นออกจากร่างในทันที
จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เริ่มกำจัดศพกลุ่มคนจากพรรคดาบโลหิต พร้อมทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุจนสะอาดเอี่ยม ราวไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่ ก่อนจู่ๆ หยางเสี่ยวเทียนจะสะดุดตากับกริชเล่มหนึ่งที่อยู่ในศพพวกนั้น
กริชเล่มนี้ มีรูปลักษณ์แปลกประหลาด ตลอดทั้งเล่มล้วนแล้วแต่สลักอักษรพิลึก หากพินิจให้ดีแล้วนั้น มันน่าจะเป็นกุญแจนำไปสู่บางสิ่งก็เป็นได้
“นี่คืออักขระของเผ่ามังกร” หลัวชิงระบุมันอย่างระมัดระวังและกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียน
“โอ้ มีอักขระของเผ่ามังกรสลักไว้บนกริชเล่มนี้ด้วย” หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกฉงนใจไม่น้อย จึงมองมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากมีขระของเผ่ามังกรสลักไว้ จึงอาจเป็นกริชที่มาจากเผ่ามังกรจริงๆ ก็เป็นได้
พรรคดาบโลหิตที่มายังป่าพระจันทร์แดงพร้อมกริชเล่มนี้ เพื่อดั้นด้นตามหาสมบัติงั้นหรือ
หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยางเสี่ยวเทียนก็เก็บกริชนี้เข้าไว้ในแหวนเตาหลอม เมื่อถึงสำนักเสินเจี้ยนค่อยตรวจสอบมันอีกที เขาจะต้องรู้ความหมาย ของตัวอักขระที่สลักไว้บนกริชเล่มให้ได้ ว่ามันคืออะไร