ตอนที่ 97 เคล็ดวิชาหมัดเรียกทรัพย์ ทักษะหมัดที่คู่ควร! (อ่านฟรี 12/10/2567)
“เถ้าแก่! ข้าไปปล่อยแมลงเหล่านั้นหมดแล้ว” มนุษย์ปลาเดินเข้ามาหาพลางกล่าวออกมา
“อืม ทำได้ดีมาก ทีนี้พวกเราก็ต้องหาวิธีกระจายชื่อเสียงเพื่อเรียกลูกค้าเพิ่ม” เย่ซีกล่าวตอบกลับไป
“แต่ข้าควรจะทำเช่นไรดีนะ พวกเจ้ามีข้อเสนออะไรหรือไม่ ?” เขาหันไปถามอีกสองตนที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“ข้าคิดไม่ออกเลยเถ้าแก่ หรือจะให้ข้าไปเดินขายให้เหมือนตอนแรกดี ?” มนุษย์ปลากล่าวเสนอความคิดของมันออกมา
“นั่นก็ทำได้ แต่ข้าต้องใช้เจ้าช่วยปรับปรุงที่แห่งนี้เสียก่อน ถ้าเจ้าออกไปขายเองมันก็คงไม่สะดวกนัก” ชายหนุ่มตอบกลับไป เขาต้องหาเงินเพิ่มและต้องฝึกบำเพ็ญอีก
ถ้าเขาวางระบบให้เสร็จเรียบร้อยซะ เขาก็จะได้เอาเวลาไปฝึกบำเพ็ญได้อย่างไม่ต้องกังวล
‘เฮ้อ! ระบบมันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้จริง ๆ แบบนี้ข้าจะเลื่อนระดับการบำเพ็ญได้เมื่อใดกัน’
ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขากล่าวถามกับระบบขึ้นมาก็ได้แต่หนักใจ เพราะเขาตั้งใจว่าจะฝึกบำเพ็ญเคล็ดวิชาจักรวาลก่อเกิดภายในมิติพิเศษที่ระบบมอบให้ เพราะสถานที่แห่งนั้นจะฝึกนานแค่ไหน แต่ในโลกภายนอกก็ผ่านไปไม่เกินเจ็ดวัน
ถ้าเขาทุ่มเทเสียหน่อย ก็คงฝึกทักษะหลอมรวมจักรวาลคงไปถึงขั้นสูงได้ เมื่อนั้นเขาก็คงเพิ่มระดับฝึกตนขึ้นไปสู้ขั้นเหนือเซียนได้อย่างง่ายดาย
[“ระบบย่อมเที่ยงตรงและยุติธรรมเสมอ”] เสียงระบบดังขึ้นเหมือนต้องการท้วงติงในความคิดเห็นของผู้เป็นนาย
นี่เขาคิดในใจคนเดียวไม่ใช่รึไง ? ทำไมระบบถึงได้ยินอีก...
[“งั้นทำไมข้าถึงกลับไปฝึกในมิตินั้นไม่ได้กัน ?!”]
ใช่แล้ว เขาไม่สามารถกลับไปฝึกในมิติแห่งนั้นได้อีก ทำให้ระดับการฝึกตนของเขาตอนนี้แทบไม่ขยับขึ้นเลย โชคดีที่ทักษะหลอมรวมลมปราณช่วยรวบรวมลมปราณให้ตลอดเวลา เขาเลยเลื่อนขั้นจาก จอมราชาปราณ ขั้นห้า กลายเป็น จอมราชาปราณ ขั้นหกมาได้
ในความเป็นจริงถ้าเป็นคนอื่นที่อยู่ระดับราชาปราณขึ้นไป การจะเลื่อนหนึ่งขั้นย่อยได้ต่อให้กินโอสถวิเศษอย่างต่อเนื่องก็ยังต้องใช้เวลานานหลายเดือน แต่ชายหนุ่มใช้เวลาแค่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็เลื่อนขั้นได้แล้ว แถมไม่ต้องกินโอสถวิเศษหรือนั่งบำเพ็ญเลยด้วย!
ถ้าใครได้รู้เข้าก็ล้วนต้องอิจฉาจนตาลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน...
[“เพราะหลังจากระบบได้ทำการคำนวณแล้ว การให้ท่านใช้มิตินั้นได้ไม่จำกัดเป็นการขาดรายได้ที่มากจนเกินไป จึงจำกัดเฉพาะครั้งแรกที่ท่านได้ซื้อเคล็ดวิชาเท่านั้น”] คำตอบของระบบทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเซ็งถึงขีดสุด
ระบบเนี่ยนะขาดรายได้! ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ!!
[สำเร็จภารกิจลับ มีงานการใช้จ่ายกับระบบเกิน สามแสนผลึก
รางวัล : เคล็ดวิชาหมัดเรียกทรัพย์]
‘ชื่อเคล็ดวิชาประหลาดสิ้นดี’ ชายหนุ่มที่เห็นหน้าต่างแจ้งเตือนขึ้นมาแอบด่าชื่อเคล็ดวิชาในใจก่อนจะทำการตรวจสอบดู
ทักษะ หมัดเรียกทรัพย์ (ขั้นต้น)
ระดับ : ???
ความสามารถ : เมื่อท่านโจมตีศัตรูด้วยมือ มีโอกาสห้าในร้อยส่วนที่จะทำการขโมยของจากศัตรู
“นี่แหละทักษะที่คู่ควร!!” เย่ซีดีใจมากจนเผลอตะโกนออกมา
แม้โอกาสห้าในร้อยส่วนจะดูน้อย แต่ถ้าเขาต่อยรัว ๆ มันก็คงจะขโมยอะไรมาได้บ้างนั่นแหละ ทักษะนี้มันดีกว่าทักษะระดับเซียนเป็นไหน ๆ !
ต่อยแล้วรวย! ยิ่งต่อยยิ่งรวย!!
ครึ่งหลัง
“เถ้าแก่... ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อหันไปมองต้นเสียงก็พบเข้ากับร่างของสาวงามผมสีขาว นางในยามนี้ที่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบมนุษย์ก็ยิ่งทำให้ท่วงท่าของนางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
“อา.. ข้าแค่ดีใจมากไปหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มตอบกลับไปพร้อมร้อยยิ้ม
“จะว่าไป ฟิช! เล่าเรื่องของตระกูลฉู่กับตระกูลซูให้ข้าฟังหน่อย” เย่ซีนึกขึ้นได้ว่าปลาปากเสียมันบอกว่ามันไปเยี่ยมทั้งสองตระกูลมา
“อ๋อเรื่องนั้นนี่เอง มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกเถ้าแก่” มนุษย์ปลากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น มันแกล้งอยากให้อีกฝ่ายรู้แต่เล่นตัวไว้ก่อน
“งั้นไม่ต้องเล่าแล้ว อาหารปลาก็ไม่ต้องเอาเช่นกัน” ชายหนุ่มจ้องไปยังปลาปากเสียก่อนจะกล่าวออกมา
“ข้าเล่าแล้ว ๆ ท่านอย่ายึดอาหารของข้าเลย ทุกวันนี้นอกจากสุราก็มีอาหารเม็ดนี่แหละที่เป็นแหล่งความสุขของข้าและพวกลูกสมุน” ฟิชที่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีแล้วจึงรีบกล่าวมาเสียงออดอ้อน แต่พอมองหน้าของคนที่กล่าวออกมาแล้วมันไม่ชวนให้รู้สึกน่ารักหรือน่าเห็นใจสักนิด
“เออ! เล่าสักที นอกเรื่องอยู่นั่นล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยความเหลืออด
เยี่ยหลิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เอามือมาบังพลางหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน นับวันนางยิ่งมีกริยาดั่งสาวงามชั้นสูงเข้าไปทุกวัน ทำเอาเย่ซีกับฟิชได้แต่มองด้วยความแปลกใจ
“ข้าขอเริ่มจากตระกูลซูก่อนก็แล้วกัน” มนุษย์ปลาเกริ่นนำก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา
หลังจากที่มันไปเอากระท่อมไม้กลับมาจากตระกูลฉู่ที่ยึดไปได้แล้ว มันก็แวะไปยังตระกูลซูโดยมีซูไห่ คุณชายสามของตระกูลซูคอยอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งในตอนนั้นเป็นจังหวะที่กำลังเกิดความวุ่นวายในตระกูลซูขึ้นพอดี เพราะบุคคลระดับสูงของตระกูลไม่ว่าจะเป็นคุณชายหนึ่ง คุณชายสอง ผู้อาวุโส หัวหน้าการคลัง และอีกหลาย ๆ คนได้หายสาบสูญไป
แต่น่าแปลกตรงที่พวกเขาเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ เพราะไฟตะเกียงชีวิตที่จุดเอาไว้ยังไม่ดับลง ไฟตะเกียงชีวิตนั้นส่วนใหญ่ตระกูลระดับสูงจะมีกันทุกตระกูล แต่จะนิยมจุดเฉพาะบุคคลสำคัญของตระกูลเท่านั้น
“แต่ก็น่าแปลกที่พวกเขาหายไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครพบเห็น แถมห้องของคนที่หายไปก็ยังเต็มไปด้วยเลือดอีกด้วย ไม่มีสิ่งใดผิดปกตินอกจากปลาเป็น ๆ ที่ยังอยู่บนพื้นเท่านั้น” ฟิชกล่าวออกมาถึงข้อสงสัยของมัน
“แล้วเจ้าคิดว่ามันมีอะไรที่น่าสงสัยอีกบ้างล่ะ ?” เย่ซีกล่าวแทรกขึ้นมา เขาไม่ได้สนใจอะไรนักว่าตระกูลซูจะอยู่หรือล้มไป เพียงแค่เป็นห่วงในตัวซูไห่ ลูกค้าคนแรกของตนนิดหน่อยก็เท่านั้น
“เห็นผู้คนที่เหลือรอดเล่ากันว่า คนที่หายไปล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่อยู่คนละฝั่งกับคุณชายสาม เนื่องจากตระกูลซูมีผู้สืบทอดอยู่สามคน ดังนั้นพวกเขาจึงแข่งกันเองอยู่แล้ว” ฟิชกล่าวต่อ
“แถมซูไห่ยังบอกอีกว่า เขาเจอเบาะแสเล็กน้อยที่บอกว่าเป็นหนึ่งในสองคุณชายที่ส่งมือสังหารของตระกูลถังมาฆ่าเขาอีกด้วย” เมื่อฟิชกล่าวจบชายหนุ่มก็นึกย้อนไปถึงวันนั้นก็นึกออกได้ไม่ยาก
ในวันนั้นที่เขาไปเจอซูไห่ อีกฝ่ายกำลังถูกล้อมฆ่าจากพวกนักฆ่าที่มาจากตระกูลถัง ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกนักฆ่าเหล่านั้นมันเป็นยังไงบ้างแล้ว
...
ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างหรูหราแห่งหนึ่ง
“ตระกูลซูพบกับความสูญเสียอย่างมาก คุณชายสามได้ขึ้นเป็นผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการของตระกูลโดยมีผู้นำตระกูล ผู้อาวุโสที่เหลือหนุนหลัง” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่งอ่านจดหมายที่ถูกส่งมาถึงก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ดูเหมือนตระกูลถังของพวกเจ้าจะทำงานไม่ได้เรื่องเลยนะ...” ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับชายในชุดคลุมสีดำปกปิดทั้งตัวด้วยเสียงเย็นชา
“มีบุคคลภายนอกเข้ามาแทรกแซงขอรับ ต้องขออภัยองค์ชายด้วยจริง ๆ” ชายในชุดคลุมก้มหัวกล่าวขออภัยออกมา
“ส่งคนไปสืบแล้วใช่ไหม ?” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าองค์ชายกล่าวออกมา
“ขอรับ” ชายในชุดคลุมก็กล่าวตอบรับโดยพลัน
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปได้แล้ว” องค์ชายกล่าวออกมาก่อนที่ชายในชุดคลุมจะหายไป
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินไปยังหน้าต่าง มองออกไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยความเจริญก่อนจะแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา