ตอนที่ 15 ตามหาลูกน้อง
ผัวะ! ผัวะ!
ตุบ!
ปึก! ปึก! ปึก!
เสียงการปะทะระหว่างแขนและขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซินหรานตอนนี้กำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เธอเห็น ดนัยนั้นสามารถรับการโจมตีของเธอได้อย่างง่ายดายและเขายังไม่โจมตีเธอกลับอีกด้วย เธอถอยกลับออกมาตั้งหลักเล็กน้อยก่อนจะถามเขาออกไป
“ทำไมท่านถึงไม่โจมตีฉันบ้างล่ะคะ”
“ตอนนี้เรากำลังวอมมืออยู่ไง และฉันกลัวเธอเจ็บด้วย”
“ฉันเคยโดนยิงมาหลายครั้งแล้วนะคะ แค่โดนชกไม่อาจทำให้ฉันกลัวได้”
“ไม่ใช่หรอก เทคนิคของฉันมันแปลกนิดหน่อยเธอต้องรับไม่ได้แน่ๆ”
เทคนิคการต่อสู้ระดับสูงนั้นคือการเคลื่อนที่ตามความกดอากาศที่เคลื่อนตัว หรือเคลื่อนที่ตามแรงลมนั่นแหละ
เมื่อมนุษย์ขยับร่างกายก็จะมีลมปะทะแต่เทคนิคนี้จะทำให้การปะทะกับลงเป็นศูนย์และยังเคลื่อไหวได้เร็วขึ้นด้วย
“ฉันไม่เชื่อหรอค่ะ”ซินหรานเธอพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้งก่อนจะออกหมัดตรงไปที่หน้าของดนัย
ทว่า หมัดที่กำลังจะพุ่งไปก็กลับถูกหยุดลงโดยที่ดนัยกำลังทำมือแปลกๆอยู่ สักพักเธอก็รับรู้ได้ถึงแรงหมัดที่ท้องน้อยก่อนจะล้มฟุบลงไป
“อึกก!!…..เกิดอะไรขึ้นกัน”
ลูคัสที่มองดูอยู่ก็ตกใจเหมือนกันและมองไปที่ดนัยด้วยความเคารพมากขึ้นกว่าเดิม
“เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าเธอจะเจ็บตัว”หมัดนี้ดนัยออมแรงเอาไว้เยอะมาก ไม่งั้นด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าปรกติ 5 เท่าของเขาอาจจะทำให้ซินหรานเจ็บสาหัสได้
“ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ เอาล่ะตานายแล้วลูคัส แค่ครั้งนี้ฉันจะไม่ออมมือให้เด็ดขาด”
“เข้าใจแล้วครับบอส”ลูคัสเดินเข้ามาหาดนัยก่อนจะถอดสูทและเสื้อออกทั้งหมดเผยให้เห็นกล้ามอันใหญ่โตของเขาก่อนจะตั้งท่าเตรียมพร้อม
“เข้ามา!”ดนัยเอ่ยขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะเข้าโรมรันกัน
แต่ละหมัดของทั้งสองนั้นเมื่อออกหมัดจะสามารถได้ยินเสียงของลมที่แหวกออกได้เลย
ปั่กกก!!!!
ลูคัสโดนเตะเข้าไปที่สีข้างของตนอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะถอยหลังกลับไปและรู้สึกปวดเล็กน้อย
“บอสแข็งแกร่งมาก”ลูคัสเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“แน่นอน หลังจากจบการต่อสู้นี้ฉันจะสอนเทคนิคนี้ให้”ดนัยพุ่งเข้าไปก่อนจะหมุนตัว 2 รอบและเตะเข้าไปที่หัวของลูคัส
ดนัยปัจจุบันนั้นสูง 171 เซนเท่านั้นแต่กลับสามารถเตะเข้าไปที่หัวของชายสูง 228 เซนได้
ลูคัสมึนหัวเล็กน้อยก่อนจะยกมือยอมแพ้ เขาสู้ได้นานกว่าซินหรานมากแม้จะมีพรสวรรค์มากกว่า 1 ดาว เพราะร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาช่วยเสริมจุดนี้ให้เด่นขึ้น
“ทีนี้พวกเธอสองคนคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าเรามาทำอะไรกันที่นี่”
“ครับ/ค่ะ”
“งั้นเรามาลองฝึกคร่าวๆกันก่อนเถอะ”
ทั้งสามฝึกฝนกันจนเวลาผ่านไปถึงบ่ายสามโมงเย็น ตอนเที่ยงดนัยนั้นสั่งข้าวจากภัตตาคารของตนที่อยู่ไม่ไกลมาให้กินจึงสามารถฝึกซ้อมกันต่อได้
ซินหรานและลูคัสทั้งสองพัฒนาและเรียนรู้เทคนิคไปได้ไวมากสมกับพรสวรรค์ที่สูงจริงๆ
“วันนี้พอแค่นี้กันก่อน ตอนนี้เราจะไปหาเด็กเข้าสังกัดเรากัน”
“เราจะไปหาคนมาจากที่ไหนกันหรอคะ??”ซินหรานถามขึ้น
“ง่ายๆ เราแค่เดินเข้าไปตามซอยเปลี่ยวๆช่วงเย็นหรือไม่ก็ไปแถวซอยที่มีปัญหาซักหน่อยก็เจอแล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง”ซินหรานพยักหน้าเข้าใจ
ดนัยคิดจะไปหาพวกเด็กมีปัญหาที่ไม่สนการเรียนแล้วมารีดไถเงินของชาวบ้านมาเป็นเด็กในสังกัดนี่เอง
“แต่เด็กจะสามารถทำงานอันตรายได้จริงหรอคะ”
“ใครว่าเราจะไปหาแค่เด็กกัน ในเมื่อพวกนั้นมันกล้าทำก็แสดงว่าต้องมีคนหนุนหลังอยู่แน่ๆ เราจะไปจับตัวเป้งมาปรับทัศนคติแล้วให้มาทำงานกับเราแทน”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ทั้งสามเดินไปที่รถคันใหม่ของดนัยโดยมีซินหรานเป็นคนขับและเริ่มตามหาเป้าหมายในทันที โดยไม่ลืมที่จะเปลี่ยนชุดให้ดูเหมือนคนอดอยากด้วย
ส่วนลูคัสนั้นเด่นเกินไป และดูยังไงพวกนั้นก็ไม่กล้าสู้ด้วยแน่ดนัยจึงส่งเขากลับไปพักผ่อนที่คอนโดและมากับซินหรานเพียงสองคน
หลังจากหาจุดเหมาะได้แล้วดนัยก็ก้าวลงจากรถทันทีก่อนที่ซินหรานจะขับไปจอดยังที่แห่งหนึ่งพร้อมจ่ายเงินค่าดูแลเล็กน้อยและเดินกลับไปหาดนัย
“ขนาดเธออยู่ในชุดโทรมๆยังดูดีเลยนะเนี่ย”ดนัยผิวปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“เรากำลังเดินเข้าถ้ำเสืออยู่นะคะ ได้โปรดจริงจังด้วย”
“โอเคๆ ฉันจะจริงจังแล้ว”
ดนัยเดินเข้าไปในตรอกและทำท่าเหมือนคนหิวโซโดยมีซินหรานที่ทำตัวเหมือนพี่สาวคอยช่วยเหลือน้องชายอยู่
“วิ๊ดดวิ๊ววว….ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสาวสวยอย่างนี้หลุดเข้ามาในถิ่นเรา”วัยรุ่นอายุประมาณ 18-20 เดินออกมาจากความมืดสองข้างทางนับสิบคน
“นี่ท่านประธาน ทำไมพวกนี้มันถึงหาเจอง่ายอย่างนี้ล่ะ”ซินหรานแอบพึมพำกับดนัยเบาๆ
“ฉันจะไปรู้ไหม ใครจะนึกว่าจะมีพวกมันเยอะขนาดนี้ด้วย”
“เห้!น้องสาวกำลังคุยอะไรกันอยู่หรอจ๊ะ”วัยรุ่นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาและกำลังคิดที่จะลวนลามเธอ แต่ว่า….
กึ๊ก! กร๊อบบบ!!
“อ๊ากกกก!!”
“ใครอนุญาตให้แกมาจับต้องฉันกันห๊ะ”เธอลุกขึ้นมาแล้วบีบไปที่ข้อมืออีกฝ่ายจนได้ยินเสียงกระดูกดังออกมา
กลุ่มคนที่เหลือก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังแล้วพุ่งเข้ามาหาเธอทันที
“รุมจัดการมันเลย แล้วเอาตัวยัยนี่ไปให้หัวหน้า!”
ทว่า เพียงชั่วครู่เดียวคนที่เอ่ยปากก็ทรุดลงไปกองกับพื้นในทันทีด้วยลูกเตะผ่าหมากของซินหราน ดนัยที่เห็นภาพนั้นก็เอามือมากุมเป้าตนเองแล้วเหงื่อตก
“ตอนที่เราสู้กันเธอน่าจะยังไม่ได้ออกแรงเต็มที่ด้วยซ้ำ”
“อ๊ากกกก!! ขาฉัน ขาฉัน”
“ช่วยด้วย!! ช่วยฉันด้วย! อ๊ากกกกก!!”
เสียงกรีดร้องของเหล่าวัยรุ่นดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 นาทีโดยที่ดนัยได้แต่นั่งเหงื่อตกอยู่ท่ามกลางร่างของกลุ่มวัยรุ่น
ซินหรานเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มขึ้นมาก่อสจะตบไปที่หน้ามันหนึ่งทีให้ตื่นขึ้นมา
“บอสของพวกนายอยู่ที่ไหน!”
“ยะ..อย่า ผมกลัวแล้วคับ ปะ..ปล่อยผมไปเถอะ”
“ตอบคำถามของฉัน!!”
“คะ..ครับ ขะ..เขาอยู่ในผับจันทร์เจ้า”
“ดีมาก”
ผัวะ!!
ชายคนนั้นโดนต่อยเข้าไปกลางหน้าจนสลบไปอีกครั้ง
“เราจะทำยังไงกับคนพวกนี้ดีคะ”
“ปล่อยเอาไว้อย่างนี้แหละ เราไปหาบอสของพวกมันกันเถอะ”
ทั้งสองเดินทางไปยังผับตามที่ชายคนนั้นบอกมา เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้วจึงเริ่มมีคนเข้าออกที่แห่งนี้มากขึ้น
“เราจะทำยังไงกันดีคะ?”
“เราก็เดินเข้าไปโต้งๆอย่างนี้เลย พวกมันไม่รู้จักเราหรอก”
“นั่นก็จริงค่ะ”ซินหรานพยักหน้าก่อนจะเดินตามหลังดนัยเข้าไปข้างใน
ดนัยสามารถเข้ามาได้ง่ายๆโดยที่พนักงานต้อนรับไม่ดูบัตรประจำตัวประชาชนของเขาเลยด้วยซ้ำว่ามีอายุต่ำกว่ากำหนดรึเปล่า
“แล้วทีนี้จะเอายังไงกันดีคะ”
“เธอก็ใช้มารยาหญิงหาตัวหัวหน้าของมันสิ”
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะคะ แค่เข้าไปอาละวาดสักเล็กน้อยก็น่าจะทำให้ตัวหัวหน้าออกมาได้แล้วนิคะ”
“เธอมีแค่ปืนพกนะ แล้วพวกที่อยู่ในนี้ไม่คิดว่ามันจะมีปืนสงครามหรอ”
“ฉันมั่นใจว่าทำได้ค่ะ”
“เฮ้อออ…ฉันคงต้องทำเกราะพลังงานมาให้เธอใส่ซะแล้วสิ”
“มันคืออะไรกันคะ??”
“ช่างมันเถอะ ไปอาละวาดได้ตามใจเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
ปังง!!
ซินหรานยิงปืนขึ้นฟ้าในทันที
“กรี๊ดดดดด!”เสียงหญิงสาวในผับต่างกรีดร้องขึ้นก่อนจะพากันหนีออกไป
“ใครหน้าไหนมันกล้ามาอาละวาดในถิ่นของฉัน”ชายอายุประมาณ 30 เดินออกมาจากหลังผับก่อนจะมีลูกน้องตามออกมาอีก 3 คน
ในมือของแต่ละคนมีเพียงปืนพกเท่านั้นทำให้ซินหรานยกยิ้มขึ้นก่อนจะยิงไปที่ปืนพกข้างเอวของคนทั้งสาม
เคร้งง!! เคร้งง!! เคร้งง!!
ปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวของคนทั้งหมดปลิวกระเด็นออกไปโดยการยิงครั้งละนัดเท่านั้น