ตอนที่แล้วตอนที่ 18 จำเป็นต้องไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 มันเทศตากแห้งและมันเทศกรอบ

ตอนที่ 19 เข้าสังคมครั้งแรก


ตอนที่ 19 เข้าสังคมครั้งแรก

“ข้ากลัวหิว จึงนำของกินไปด้วยเจ้าค่ะ” เว่ยรั่วตอบ

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ อวิ๋นซื่อก็ขมวดคิ้วแล้วอธิบายให้เว่ยรั่วฟังว่า “รั่วเอ๋อร์ วันนี้เราไปที่วัดฝ่าหวาเพื่ออธิษฐานขอพรแล้วกินอาหารเจในวัด ไม่ต้องทนหิวหรอกนะ”

“เป็นเพียงของว่าง ไม่กระทบมื้อหลักเจ้าค่ะ หากฮูหยินและคุณหนูคนใดหิวก็จะได้แบ่งปันให้กินได้ด้วย”   

หลังจากฟังคำอธิบายของเว่ยรั่วและเห็นว่าเว่ยรั่วได้เตรียมถุงใส่อาหารที่งดงามและประณีต แม้ว่าจะหยิบออกมาคงไม่น่าอาย อวิ๋นซื่อจึงไม่พูดมากอีก เพียงบอกให้นางมอบถุงใส่อาหารให้ชุ่ยผิงถือตอนที่นางขึ้นไปบนภูเขา

เพื่อจำกัดปริมาณคนออกเดินทางครั้งนี้ นอกเหนือจากคนขับรถม้าและองครักษ์ จึงมีเพียงอวิ๋นซื่อที่พาชุ่ยผิงไปด้วยเท่านั้น ส่วนเว่ยรั่วและเว่ยชิงหวั่นไม่ได้พาสาวใช้ไปด้วย

เว่ยชิงหวั่นก็มาถึงที่ประตูและเห็นเว่ยรั่วซึ่งแต่งตัวเรียบร้อยงดงาม ปรากฏความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของนางครู่หนึ่ง แต่นางก็รีบเบือนหน้าหนี

เว่ยรั่วไม่สนใจเว่ยชิงหวั่นเลย เพราะสิ่งที่นางคิดในตอนนี้มีเพียงการปลูกพืชและหาเงิน

เว่ยรั่วเดินตามอวิ๋นซื่อเข้าไปในรถม้าโดยไม่มีสติ ในระหว่างนั่งอยู่บนรถม้านางก็เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางปล่อยความคิดล่องลอยไปไกล

อวิ๋นซื่อก็มองนางที่กำลังเหม่อลอย แต่ไม่ได้พูดอันใด

นางหันไปพูดกับเว่ยชิงหวั่นว่า “หวันหวั่น วันนี้เจ้าต้องขึ้นเขาเพื่อจุดธูปและอธิษฐานขอพรที่วัดฝ่าหวา แม่กังวลว่าสุขภาพของเจ้าจะรับไม่ไหว”

“ท่านแม่อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ ไม่ว่าข้าจะเดินไหวหรือไม่ ก็จะพยายามเดินให้ได้มากที่สุด และในแต่ละก้าวที่เดิน ข้าจะอธิษฐานเผื่อท่านพ่อและทหารทุกนายด้วยหวังว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะและปลอดภัยทุกครั้งที่ต่อสู้กับโจรสลัดวอโค่ว ข้ายังหวังว่าโจรสลัดวอโค่วจะพ่ายแพ้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่ความสงบสุขจะหวนคืนสู่อำเภอซิ่งซั่นเจ้าค่ะ”

“อืม ท่านพ่อของเจ้าคงจะดีใจมากที่รู้ว่าเจ้ามีความตั้งใจเช่นนี้”

“ท่านพ่อและเหล่าทหารปกป้องแผ่นดินของเรา พวกเขาต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อและหยาดเหงื่อ แต่สิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำได้คือเดินขึ้นเขาเพื่ออธิษฐานขอพร ความเหนื่อยเล็กๆ น้อยๆ นี้ถือเป็นอันใด? ไม่อาจเทียบกับความเหนื่อยของพวกท่านพ่อได้เลยเจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นท่าทางรู้ความและมีเหตุผลของเว่ยชิงหวั่น อวิ๋นซื่อก็อดที่จะแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาไม่ได้ แววตาของนางก็อ่อนโยนกว่าปกติ

บุตรสาวที่มีความรู้ มีมารยาท อ่อนน้อมถ่อมตน น่ารัก กตัญญูและมีเหตุผลเช่นนี้ ไม่คู่ควรกับคำตำหนิเลยจริงๆ

เมื่อคิดว่าอีกไม่นานจะได้เจอบรรดาฮูหยินอีกครั้ง อวิ๋นซื่อก็อารมณ์ดีขึ้นมา เพราะนางมั่นใจว่าหวันหวั่นจะเป็นผู้ที่ได้รับคำชมมากที่สุด

ทุกคนมีความเพ้อฝันและอวิ๋นซื่อไม่มีข้อยกเว้น เพราะการที่บุตรสาวที่ตนเลี้ยงดูมากับมือได้รับคำชมจากผู้อื่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเรื่องน่ายินดีมากเพียงใด

เพียงแต่วันนี้สถานการณ์อาจจะแตกต่างออกไปบ้าง...

อวิ๋นซื่อมองไปที่เว่ยรั่วซึ่งหมอบอยู่ตรงหน้าต่าง ทันใดนั้นนางรู้สึกค่อนข้างกังวล แต่นางไม่ได้ขอให้รั่วเอ๋อร์เก่งเท่าหวันหวั่นและได้รับการยกย่องจากผู้อื่น แค่ขอเพียงรั่วเอ๋อร์ไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นพอ

เมื่อวานนี้ตอนที่เว่ยรั่วถามนาง และนางตอบด้วยความหนักแน่นว่าเชื่อในตัวของรั่วเอ๋อร์ แต่เมื่อถึงเวลาพาออกมาข้างนอกจริงๆ นางก็อดกังวลไม่ได้

รถม้าเริ่มต้นจากจวนเซี่ยวเว่ยและมุ่งหน้าไปทางเหนือของเมือง ซึ่งหนทางข้างหน้าส่วนใหญ่เป็นเส้นทางเดียวกับที่เว่ยรั่วใช้สำรวจตัวเมืองครั้งล่าสุด

หลังออกจากเมือง รถม้าก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนสายชนบทโดยมุ่งไปตามเส้นทางสู่ภูเขาเซียนเหล่า

รถม้าหยุดลง ณ เชิงเขา ทั้งอวิ๋นซื่อกับเว่ยชิงหวั่นลงจากรถม้า ตามด้วยเว่ยรั่วที่ค่อยๆ ตามลงมา

เมื่อพวกนางมาถึง ทั้งฮูหยินนายอำเภอ ฮูหยินปลัดอำเภอ ฮูหยินนายทะเบียนและบรรดาฮูหยินกับคุณหนูคนอื่นๆ ก็มาถึงแล้ว

ตอนนี้ทุกคนกำลังรออยู่ที่เชิงเขา

เมื่อเห็นผู้คนจากตระกูลเว่ยมาถึง ทุกคนก็จ้องมองเป็นตาเดียว เพราะได้ยินมาว่าตระกูลเพิ่งรับตัวบุตรสาวอีกคนหนึ่งกลับจวน

แน่นอนว่าทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับเว่ยรั่วที่เพิ่งถูกพากลับตระกูลเว่ยมากๆ

ทันทีที่เว่ยรั่วลงจากรถม้า นางก็รู้สึกได้ว่ามีสายตามากมายกำลังจับจ้องมาที่ตน

เว่ยรั่วแสดงให้พวกนางเห็นท่าทีที่เปิดเผย โดยไร้ความเขินอายและไม่มีการหลบเลี่ยง

เพราะนางรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนต้องได้รับการตอบสนอง

เมื่อบรรดาฮูหยินและคุณหนูมองไปที่เว่ยรั่ว จึงได้พบว่าเว่ยรั่วแตกต่างจากที่พวกตนคาดหวังไว้ รูปร่างที่เพรียวบางและผิวที่ละเอียดอ่อนเรียบเนียนนั้นสามารถเทียบกับพวกนางซึ่งเติบโตมาในครอบครัวสุขสบายตั้งแต่แรกได้เลย

หากตระกูลเว่ยไม่บอกเช่นนั้น พวกนางคงไม่คิดว่าเว่ยรั่วจะเคยอาศัยอยู่ในชนบทมาก่อน

นางและเว่ยชิงหวั่นยืนอยู่ที่นั่น คนหนึ่งนุ่มนวลงดงาม อีกคนบอบบางอ่อนหวาน แค่พูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกก็สามารถเทียบได้กับคุณหนูผู้ร่ำรวยคนอื่นๆ ที่มาวันนี้แล้ว

จึงมีทั้งคนที่ประหลาดใจและคนที่ผิดหวัง

ดูเหมือนว่าความคิดที่จะได้เห็นเรื่องตลกของตระกูลเว่ยนั้นไร้ผลเสียแล้ว

ฮูหยินนายอำเภอพาเฉียนจื่อหลานบุตรสาวของตนเข้ามาทักทายอวิ๋นซื่อ “ฮูหยินเว่ย ท่านช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน บุตรสาวทั้งสองของท่านสร้างมาตรฐานไว้สูงเช่นนี้ จะไม่เหลือหนทางให้คนอื่นอยู่รอดเลยหรือ?”

อวิ๋นซื่อรีบยิ้มตอบแล้วพูดว่า “ฮูหยินเฉียน โปรดอย่ายกย่องเกินจริงเลย บุตรสาวทั้งสองของข้าจะเทียบกับบุตรสาวที่รักของท่านได้อย่างไร? ข้าได้ยินหวันหวั่นพูดว่าแม้แต่อาจารย์ฟู่ยังยกย่องบทกวีของนาง โดยปกติแล้วอาจารย์ฟู่ไม่ค่อยยกย่องบทกวีของผู้ใดเลย มีเพียงคุณหนูเฉียนคนเดียวเท่านั้น!”

อาจารย์ฟู่เป็นอาจารย์หญิงผู้มีชื่อเสียงที่สุดในอำเภอซิ่งซั่น และปัจจุบันนางสอนตำราให้แก่คุณหนูทั้งหลายที่บ้านของท่านนายอำเภอ

ฮูหยินเฉียนยิ้มแย้มแจ่มใส “นางแค่ฉลาดในเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้น!”

นางบอกว่าบุตรสาวของตนฉลาดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางจริงใจมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคำพูดของอวิ๋นซื่อโดนใจนางอย่างแรง

หลังจากนั้นฮูหยินของปลัดอำเภอและนายทะเบียนก็เข้ามาทักทายอวิ๋นซื่อ

อวิ๋นซื่อมองไปรอบๆ และเห็นฮูหยินที่คุ้นเคยอีกหลายคนอยู่ที่นั่นด้วย

นางจึงถามฮูหยินนายอำเภอที่เป็นเจ้าภาพจัดงานในวันนี้ว่า “ฮูหยินเฉียน พวกเรากำลังรอใครอยู่หรือ?”

“รอฮูหยินและคุณหนูตระกูลเซี่ยทางตอนเหนือของเมืองน่ะ” ฮูหยินเฉียนตอบ

ตระกูลเซี่ยเป็นตระกูลชาวนาและนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในเมืองไถโจว ซึ่งตระกูลนี้ได้ผลิตจิ้นซื่อ [1] ถึงสองคนในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา

พ่อสามีของฮูหยินเซี่ยก็เป็นหนึ่งในนั้น และตอนนี้เขาทำงานในเมืองหลวงโดยมีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นห้า ได้ยินว่าเขาได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิและมีโอกาสมากที่เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสี่ในอีกไม่นานนี้

เมื่อได้ยินว่าพวกตนกำลังรอคนจากตระกูลเซี่ย จึงไม่มีผู้ใดคัดค้าน

หลังจากนั้นไม่นานรถม้าของตระกูลเซี่ยก็มาถึง และมีคนสองคนทยอยลงจากรถม้า นั่นคือฮูหยินเซี่ยกับคุณหนูเซี่ยอิ๋ง

เซี่ยอิ๋งลงจากรถม้าด้วยวิธีแตกต่างจากคุณหนูท่านอื่นที่ต้องประคองลงมา โดยนางกระโดดลงเองทันที

การเคลื่อนไหวที่กล้าหาญเช่นนี้ ถือว่านางมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกว่าพวกคุณหนูในยุคนี้มาก

“เจ้าระวังหน่อย” ฮูหยินเซี่ยทั้งห่วงทั้งทำอันใดไม่ถูก เพราะบุตรสาวของนางถูกพ่อสามีและสามีของนางตามใจมากเกินไปจริงๆ

ตอนนี้เซี่ยอิ๋งวิ่งไปแล้ว

ฮูหยินเซี่ยเดินมาข้างหน้าและทักทายอวิ๋นซื่อกับฮูหยินนายอำเภอ “ปล่อยให้พวกท่านรอนานแล้ว อิ๋งเอ๋อร์ของข้าซุกซนเกินไปหน่อย ระหว่างเดินทางนางมัวแต่แวะดูนักมายากล เรียกให้ขึ้นรถม้าอย่างไรก็ไม่ยอม”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เด็กก็คือเด็กและมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องปกติ” ฮูหยินเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม

ฮูหยินเซี่ยมองไปที่เว่ยรั่ว สำหรับคนอื่นๆ นางคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะได้เจอกันนับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับเว่ยรั่ว

ฮูหยินเซี่ยยิ้มเอ่ย “คุณหนูใหญ่ตระกูลเว่ยงดงามอ่อนหวานมากๆ สมกับที่เป็นบุตรสาวของฮูหยินเว่ย นางถอดแบบใต้เท้าเว่ยและฮูหยินเว่ยมาทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ”

เชิงอรรถ

[1] จิ้นซื่อ (进士) คือ บัณฑิตชั้นสูง หรือผู้ที่สอบผ่านหน้าพระที่นั่งซึ่งเป็นการสอบขุนนางขั้นสุดท้าย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด